คนสองโลก : ตอนที่ 2
นิมิตรครั้งเเรก/การจากไปของคนในครอบครัว
ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับฟังกันนะค่ะ
อย่างน้อยก็มีพื้นที่เล็กๆให้คนแปลกๆอย่างชั้นเข้ามาระบายได้บ้าง
.....เอาละมาเริ่มกันเถอะ...
ก่อนหน้าที่ชั้นจะป่วยเป็นไข้เลือดออกในระยะที่สามนั้น 2 อาทิตย์ก่อนหน้านั้น ชั้นใช้ชีวิตเด็กอายุ 12-13 อย่างปกติสุข ในช่วงเวลาปิดภาคเรียน ในเวลาขณะนั้น อ่าม่าป่วยเป็นโรคไตซึ่งเป็นระยะสุดท้าย ชั้นได้มีโอกาศดูเเลอาม่าอย่างเต็มที่ เพราะทุกๆคนต้องทำมาหากิน ช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจดีมาก ใครโกยได้ก็รีบโกย มันทำให้ลูกๆทุกคนแทบไม่มีเวลามาดูเเลอาม่า คนที่ว่างที่สุดจะเป็นใครไม่ได้ นั้นก็คือชั้น
ค่ะ ... เด็กอายุ 12-13 ดูเเลคนป่วยอายุ 60-70 ก็เอาเป็นว่าทุลักทุเลพอสมควร อาม่าย้ายมาพักที่บ้านพ่อแม่จริงของชั้น ซึ้งอยู่ในซอยถัดมา ชั้นช่วยอาม่าจากการเข้าห้องน้ำ ราดน้ำให้หลังทำกิจเสร็จ อาม่าอาบน้ำไม่ได้ก็ต้องเช็ดตัว เพราะอาม่าไข้ขึ้นตลอดเวลา ซื้อข้าวปลาอาหาร ป้อนข้าว สารพัดที่เด็กอายุแค่นั้นจะทำได้ ชั้นอยากให้อาม่าตัวเย็นๆ ตามประสาความคิดเด็ก เลยขอเงินแม่ไปซื้อน้ำเเข็ง เอามาผสมน้ำ เวลาไข้ขึ้นสูงก็อามาหนีบข้อพับบ้าง ข้อศอกบ้าง ชั้นทำทุกวันจนมือด้านชา ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเดี๋ยวก็หาย(ตามประสาเด็กๆนะค่ะ) และมันก็หายจริงๆค่ะ จู่ๆวันนึงอาม่าหายไข้แบบปลิดทิ้ง
ลุกมากินข้าว หน้าตาเเจ่มใส ชั้นดีใจมาก รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปบอกแม่จริง แม่โต บอกญาติๆทุกคน(ตอนนั้นทุกคนอยู่ซอยเดียวกันค่ะ) พวกคุณแม่ต่างทิ้งงานฝากให้ลูกน้องดูเเล ลูกหลานทุกคนทิ้งงานมาหมด แถมอากู้(ลุง) บางคนยังถือกล้องมาถ่ายรูปด้วยตอนนั้นชั้นดีใจมาก ในที่สุดอาม่าก็หาย ทุกคนต่างเข้ามาถ่ายรูปรวมหมู่กับอาม่าเป็นที่ระลึก พอชั้นถ่ายเสรจ ก็มีคนเข้าไปถ่ายต่อ ตอนนั้นจำได้เเค่ว่าแม่โตมาลูบหัวชั้น ท่านน้ำตาเจ่อๆ บอกว่า
"หนูทำดีมากลูก" ชั้นก็ยิ้มแบ้นค่ะ พอใจกับผลงานตัวเองมากมาย โดยไม่รับรู้ความจริงเลยว่าเบื้องหลังคำหวานมันมีความหมายเช่นใด
ตกดึกคืนนั้นเองอาม่าถูกหามเข้าโรงพยาบาล ส่วนชั้นที่เพลียลมาทั้งวันหลับเป็นตาย รู้เรื่องเมื่อเช้า ในเวลานั้นอาม่าอยู่ ไอซียู แล้วค่ะ
ชั้นเองก็มีเวลาไม่ถึงอาทิตย์ก็เปิดเทอมพอดี ได้ไปเยี่ยมอาม่าอยู่ได้ประมาณสัก 2 อาทิตย์กว่าๆ จากที่ได้ยินผู้ใหญ่เค้าคุยกัน เค้าอยากจัดงานงคลให้เกิดขึ้นในบ้านก่อนอาม่าเสียค่ะ งานมงคลที่ว่านั้นก็คือ การแต่งงานระหว่าง อากู้สี่(ลุงสี่)กับอาสิ่ว(แฟนกู้) ซึ้งชั้นเองก็มีปากเสียงกับกู้สี่บ่อยๆ แต่กู้สี่ก็รักชั้นมากค่ะ(หลานคนเเรกนี่เนอะ) แน่นอนค่ะพวกเค้าอยากจัดงานให้เร๊วที่สุด จำได้ว่าตอนนั้นคืนวันศุกร์ผู้ใหญ่คุยกันว่าจะจัดงานเเต่งงาน เค้าเอาฤกษ์สะดวกค่ะ(หมายถึงจัดตามใจฉัน) ในตอนนั้นมีอากง แม่โตไปคุยกับทางฝ่ายหญิง แม่โตเป็นคนโตสุดในบ้านจึงเป็นธุระจักการทุกอย่างภายในบ้านให้กับครอบครัวค่ะ(ตามสไตร์คนจีน)สรุปสินสอดทองหมั้นเรียนร้อย ท้ายสุดวันเเต่งคือ วันพุทธ...
กลางดึกของคืนวันเสาร์ ชั้นนอนอย่างกระสับกระส่าย ในความฝันนั้นน่ากลัวยิ่งนักมีแต่หมอกควันเต็มไปหมด ทั้งครอบครัวของชั้นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อากง อาม่า ลูกๆทั้ง 10 คน ชั้น พ่อโต ทุกคนต่างวิ่งหนีและชั้นเองก็วิ่งอยู่ในกลุ่มพวกเค้า ด้านหลังของเรา มี ผช 2 คน คนนึงมีเขาโค้งสูงเหมือนวัว ผูกผ้าโจงกระเบนสีเเดง ถือเชือกร่างทั้งร่างสีเเดงเถือก อีกคนนึงมีหัวปกติแต่หูเเหลม ตาขวางหน้าคล้ายๆสัตว์(ม้ามั่งคะ จำไม่ค่อยได้)ใส่โจงกระเบนสีแดง ร่างกายสีปกติคือง่ามค่อยๆเดินตรงมาหาพวกเราก้าวอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่นเเละน่าขนลุก วินาทีนั้นชั้นเเน่ใจว่ามันมาไม่ดีแน่
ชั้นที่วิ่งไปจนสุดเห็นช่องๆหนึ่งเป็นเเสงสว่างคล้ายๆหลีบซอกห้องน้ำนะคะ ทุกๆคนต่างวิ่งเข้าไปในวินาทีนั้นชั้นอยู่ตรงหน้าประตูหันมา เห็นอากง พ่อโต กู้สี่ และ เฮียหนึ่ง(ลูกของน้องสาวแม่คนที่4ค่ะ) วิ่งตามหลังชั้นวิ่งกลับไปพยายามลากอากงที่เดินช้ามากๆเข้าไปให้ได้ พ่อโตบอกว่าฝากอากงก่อน เพราะกู้สี่ กับ เฮียหนึ่งยังไม่ตามมา เค้าจะไปตาม ชั้นจะส่งอากงไปในซอกนั้น แต่อากงสะบัดมือและไม่ยอมไป ประจวบที่ชั้นเห็นเฮียหนึ่ง กับ กู้สี่มาพอดี ชั้นจึงถามว่า พ่อโตละ ทั้งสองส่ายหัว ชั้นจึงจะวิ่งฝ่าหมอกไปตาม แต่กู้สี่กลับวิ่งออกไปตามก่อนจากนั้นก็หายลับไป ชั้นตกใจตะโกนเรียกกู้สี่ว่าอย่าไปๆ เฮียหนึ่งเห็นแบบนั้นกำลังจะวิ่งตามไปอีกคน แต่จู้ๆอาม่าก็เดินออกมาจากไหยไม่รู้และบอกว่าเดี้ยวอั้วไปตามเองและก็เดินผ่านหมอกไป จากนั้นไม่นานพ่อโตก็วิ่งฝ่าหมอกออกมา ชั้นดีใจมาก พ่อโตลากชั้นไปที่ช่องที่มีแสงสว่าง โดยอากงค่อยๆเดินตามหลัง จำได้แต่ว่าตอนนั้นชั้นเห็น ผช โจงกระเเบนสีแดงสองคนเดินมา พ่อส่งชั้นเข้าไปในซอกหลีบนั้น ชั้นพยายามดันตัวออกมาแต่ออกไม่ได้ภาพทุกภาพค่อยๆไกลออกไปและพ่อโตก็หยุดยืนอยู่ต่อหน้าผช สองคนนั้น ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้ามาในซอกหลีบ ซึ่งก่อนหน้านั้นอากงเดินไปแล้ว ในฝันชั้นร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ร้องดังลั่นสุดเสียงชูมือพยายามเอื้อมไปจับไว้ให้มากที่สุด ตะโกนแต่ว่า กลับมาๆ อย่าไปๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
"ลูก ลูกๆ ตื่นๆเป็นอะไร"
ชั้นได้ยินแม่จริงตะโกนเรียกชั้น ตอนนั้นแม่จริงไดร์ผมอยู่ ชั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา น้ำตานองหน้า มือชูขึ้นเหมือนพยายามไขว้ขว้าอะไรสักอย่าง ละเมอพึมพำ อย่าไปๆ ๆ ๆ ตอนนั้นเวลาสัก 7-8 โมงเช้าได้ แม่ถามว่าชั้นฝันร้ายรึ ในขณะที่ชั้นยัง งงๆ กับเหตุการ์ณนี้อยู่ แม่ก็เเซวว่าฝันอะไร จะเอาของเล่นใหม่อีกรึไง แม่ก็พูดแซวๆ แต่ตอนนั้นชั้นหัวโล่ง ความกลัวในฝันยังติดมากับตัวชั้นไม่ตอบอะไร บอกว่า ม้าหนูฝันแบบนี้ๆนะ มีอะไรรึเปล่า ตอนนั้นเเม่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับตัวชั้นสักเท่าไหร่ จึงฟังผ่านๆ บอกว่า "กินมากไปป่าว" ด้วยความเป็นเด็ก ชั้นจึงไม่ใคร่จะติดใจความฝันนั้น ถึงเเม้ความรู้สึกกลัวยังไม่จางหายจากความรู้สึก
หลังพ้นจากวันนั้น ช่วงเวลาเเห่งการเเต่งงานของกู้สี่และอาสิ่วก็มาถึง ....วันพุธ....
ชั้นไม่ได้ไปเพราะต้องไปโรงเรียน แต่ทุกคนมีสีหน้าเเช่มชื่นตั้งแต่เช้า พอตกเย็น ทุกคนก็พากันไปกินโต็ะจีนฉลองงานมงคลสมรส หลังจากการจักงานแต่งงานตามประเภณีจีนในช่วงเช้า แน่นอนชั้นก็ได้ไปด้วยหลังจากเลิกเรียน จบงานแยกย้ายกลับบ้านนอน แม่โตอยากนำข่าวดีไปบอกอาม่าใจจะขาดแต่ติดว่าดึกแล้ว เลยตัดสินใจไปพรุ่งนี้แทน ส่วนชั้นก็ดีใจที่ได้วันหยุดจากโรงเรียนเพราะมีวันพระเยซูคริสต์โรงเรียนจึงปิด 1 วัน(ค่ะ ชั้นเรียนโรงเรียนคริสค่ะ)
.......ความสุขที่อิ่มเอมในหัวใจ ไม่มีใครล่วงรู้เหตุการ์ณในภายภาคหน้าเลยแม้เเต่น้อย....
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากแต่งงาน เจ้าบ่าว เจ้าสาวยังไม่ได้เข้าหอลงโลงเพราะจัดกระทันหัน หลังจากคืนนั้นจึงกลับบ้านใครบ้านมัน อาสิ่วตั้งใจจะขนของย้ายมาอยู่ในวันถัดมา คือวันพฤหัส แต่สิ่งที่รับรู้คือ .......คนรักของเธอตายเเล้ว
กู้สี่ ทำอาชีพคือ ขายไก่สด เลี้ยงเเละขาย ตอนเช้าวันพฤหัสรุ่งขึ้น กู้สี่ขี่มอเตอร์ไซน์ไปตามปกติข้างหลังบรรทุกไก่ที่ต้องส่งให้ลูกค้าตามนร้านอาหารต่างๆ ในขณะที่กู้สี่ขี่บนถนนนั้นเอง ในช่วงหัวโค้งถนน ได้มีรถขับมาชนอย่างเร็ว ตัวกู้สี่ลอยไปข้างหน้า ซึ่งมีรถบรรทุกเหล็กเส้นอยู่ ร่างทั้งร่างทะลุเหล็กเส้น กู้สี่ตายคาที่....
ชั้นรับรู้ข่าวเมื่อตอนที่ซื้อราดหน้ามากิน จำได้เเม่นเลยว่าตัวเองถือถุงราดหน้าเส้นใหญ่ พ่อจริงของชั้นเข้ามากอดและบอกว่า "ลูกฟังดีๆนะ กู้สี่ตายเเล้ว" ตอนนั้นชั้นคิดว่าพ่อพูดเล่น บวกกับที่ชอบมีปากเสียงกับกู้สี่เป็นประจำ ชั้นบอกว่า "ไม่เชื่อหลอก ป๊าหลอกหนู" ตอนนั้นพ่อจริงตาเเดงๆ ลูบผมชั้นเเละบอกให้ชั้นเฝ้าบ้านดีๆ ดูเเลน้องด้วย(ค่ะตอนนั้นชั้นมีน้อง 2 คน) ชั้นยืนงง สักพัก วางถุงราดหน้าลง ตัดสินใจปิดบ้านเเละวิ่งไปข้างๆซอยถัดไป ไปที่บ้านอากงซึ่งเป็นสถานที่ๆทำงานของพ่อโตด้วย(ลืมสนิท น้องเนิ้ง) สิ่งที่ชั้นพบคือ อาสิ่ว กำลังนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้โยกเยกของคนจีน น้ำตาไหลพลาก
เอาเเต่ร้องไห้
"ไม่จริงๆ อั้วฝันอยู่ๆ"
ชั้นไม่กล้าเดินไปหา ได้เเต่เดินไปหาพ่อโต ตอนนั้นพ่อโตปั้มงานอยู่ค่ะ(ท่านมีอาชีพเป็นช่างปั้มนามบัตร) ท่านนิ่งๆเงียบๆ ชั้นเรียกคำเดียว
..... " ป๊า "........
ค่ะ...ท่านหันหน้ามาและหันไปปั้มงานต่อ บอกให้ไปดูอาสิ่วให้หน่อย ตอนนั้นชั้นเริ่มจุกในลำคอ พูดอะไรไม่ออก มันกระทันหันเกินไป ถึงตอนกู้สี่มีชีวิตอยู่ ชั้นไม่ชอบกู้สี่ แต่เวลามีงานฝีมือ หรือมีอะไรลำบากก็มีกู้สี่นี่เเหละที่รักหลานช่วยหลานที่สุด เเละชั้นก็เริ่มร้องไห้กับการจากไปอย่างไม่มีคำกล่าวลาใดๆทั้งสิ้น
ในระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการจัดพิธีศพ แม่โตต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงเช่นเคย ชั้นจึงมีโอกาศเฝ้าบ้านอากงกับพ่อโตที่ง่วงกับการทำงาน ในตอนที่ดูละครอยู่ ชั้นนึกถึงความฝันขึ้นได้จึงตัดสินใจเล่าให้พ่อโตฟัง พ่อโตฟังชั้นไปปั้มนามบัตรไป ซักไปเป็นระยะๆว่าใครไปก่อน ไปหลัง
พอฟังจบเรื่องราวทั้งหมด ท่านก็นิ่งๆ งานปั้มจบหมดพอดี พ่อโตเดินไปหยิบแก้วน้ำชาใส่น้ำเเข็งเย็นๆ เดินมานั่งตรงหน้าชั้น หลับตานิ่งไปสักพัก ชั้นก็ไม่รู้ว่าท่านทำแบบนั้นทำไม รอจนท่านลืมตาขึ้นมา ท่านดูปลงๆและเดินไปห้องน้ำ ชั้นก็เดินตามเข้าไปค่ะ ตอนที่พ่อโตเข้าห้องน้ำเสรจออกมา ชั้นเข้าไป ระหว่างที่พ่อโตล้างมืออยู่ท่านบอกว่า
"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับป๊าไปก่อนม๊า ดูเเลม๊าดีๆนะ"
ตอนนั้นชั้นอยู่ในห้องน้ำพอดี ชั้นตะโกนว่า
"ป๊าไม่ตายง่ายๆหรอก ป๊าต้องอยู่อุ้มลูกหนูก่อน"
ท่านก็หัวเราะ บอกว่าป๊าไม่อยู่ถึงต้องตะบั้นหมากเคี้ยวหรอกโว้ย
ตอนนั้นน้ำตาชั้นร่วงเผาะ เริ่มแปลความหมายได้ลางๆ ว่าความฝันนั้นคืออะไร....
พอกู้สี่เสีย ต่อมาไม่นานหลังจากจบงานศพ 7วัน อาม่าก็เสียตามด้วยโรคไตอักเสบเฉียบพลัน
การจากไปคราวนี้ของกู้สี่ทำให้ชั้นชัดเจนในความฝันของตัวเองยิ่งขึ้น มันไม่ใช่ฝันเลื่อนลอย แต่มันคือนิมิตรลำดับการตายของคนในบ้านชั้น เหตุการ์ณครั้งนี้ทำให้พวกผู้ใหญ่อยู่เฉยไม่ได้ ขอกล่าวก่อนว่า อากงเป็นลูกศิษย์หลวงปู่B หลวงปู่Bมีศักดิ์เป็นศิทษ์พี่หลวงปู่A(ของพ่อโต) อากงรู้ว่าการมาเยือนของยมทูตครั้งนี้ เมื่อได้ 2 ย่อมไม่เอา ต้องกลับไป 3 เพราะเวลามารับวิญญาณของพวกยมทูต จะแปลก นั้นคือจะไม่รับคู่เเต่จะรับเดี่ยว ครอบครัวใดก็ตามที่มีคนตาย แล้วภายในร้อยวัน ถ้ามีคนตายตามอีกเป็นคนที่2 ก็ต้องมีคนที่3
ฉะนั้นอากงจึงต้องทำพิธีตัวตายตัวแทน เกิดขึ้น โดยใช้ตุ้กตาฟางเปรียบเสมือนคนที่3 มาทำพิธีส่งให้ยมทูตแทน
(ขอไม่กล่าวรายละเอียดนะค่ะเพราะอันนี้ไม่ทราบถ้าทราบเเล้วว่าทำแบบไหยจะมาบอกทีหลังนะค่ะ)
.............................หลังจากนั้นมาประมาณเกือบ 10 ปีได้ เฮียสี่ก็เสียตาม
............................................................ประมาณ 8 ปีต่อมา อากงก็เสียตามกันไป
รายต่อไปเป็นใคร ไม่มีใครรู้เพราะสุดท้ายคนที่เข้าซอกหลีบได้หวุดหวิดคือพ่อโต..............
ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ก็เวลาได้เกือบ 18 ปี ยังคงไม่ถึงคิวใครเพราะ พ่อโตยังอยู่กับชั้นค่ะ
ตอนนี่ ยังคิดอยู่เลยว่าจะให้เรารู้ไปทำไม ถ้าเราช่วยใครไม่ได้เลยแม้แต่สักคนเดียวช
คนสองโลก : 2
นิมิตรครั้งเเรก/การจากไปของคนในครอบครัว
ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับฟังกันนะค่ะ
อย่างน้อยก็มีพื้นที่เล็กๆให้คนแปลกๆอย่างชั้นเข้ามาระบายได้บ้าง
.....เอาละมาเริ่มกันเถอะ...
ก่อนหน้าที่ชั้นจะป่วยเป็นไข้เลือดออกในระยะที่สามนั้น 2 อาทิตย์ก่อนหน้านั้น ชั้นใช้ชีวิตเด็กอายุ 12-13 อย่างปกติสุข ในช่วงเวลาปิดภาคเรียน ในเวลาขณะนั้น อ่าม่าป่วยเป็นโรคไตซึ่งเป็นระยะสุดท้าย ชั้นได้มีโอกาศดูเเลอาม่าอย่างเต็มที่ เพราะทุกๆคนต้องทำมาหากิน ช่วงเวลานั้นเศรษฐกิจดีมาก ใครโกยได้ก็รีบโกย มันทำให้ลูกๆทุกคนแทบไม่มีเวลามาดูเเลอาม่า คนที่ว่างที่สุดจะเป็นใครไม่ได้ นั้นก็คือชั้น
ค่ะ ... เด็กอายุ 12-13 ดูเเลคนป่วยอายุ 60-70 ก็เอาเป็นว่าทุลักทุเลพอสมควร อาม่าย้ายมาพักที่บ้านพ่อแม่จริงของชั้น ซึ้งอยู่ในซอยถัดมา ชั้นช่วยอาม่าจากการเข้าห้องน้ำ ราดน้ำให้หลังทำกิจเสร็จ อาม่าอาบน้ำไม่ได้ก็ต้องเช็ดตัว เพราะอาม่าไข้ขึ้นตลอดเวลา ซื้อข้าวปลาอาหาร ป้อนข้าว สารพัดที่เด็กอายุแค่นั้นจะทำได้ ชั้นอยากให้อาม่าตัวเย็นๆ ตามประสาความคิดเด็ก เลยขอเงินแม่ไปซื้อน้ำเเข็ง เอามาผสมน้ำ เวลาไข้ขึ้นสูงก็อามาหนีบข้อพับบ้าง ข้อศอกบ้าง ชั้นทำทุกวันจนมือด้านชา ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเดี๋ยวก็หาย(ตามประสาเด็กๆนะค่ะ) และมันก็หายจริงๆค่ะ จู่ๆวันนึงอาม่าหายไข้แบบปลิดทิ้ง
ลุกมากินข้าว หน้าตาเเจ่มใส ชั้นดีใจมาก รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปบอกแม่จริง แม่โต บอกญาติๆทุกคน(ตอนนั้นทุกคนอยู่ซอยเดียวกันค่ะ) พวกคุณแม่ต่างทิ้งงานฝากให้ลูกน้องดูเเล ลูกหลานทุกคนทิ้งงานมาหมด แถมอากู้(ลุง) บางคนยังถือกล้องมาถ่ายรูปด้วยตอนนั้นชั้นดีใจมาก ในที่สุดอาม่าก็หาย ทุกคนต่างเข้ามาถ่ายรูปรวมหมู่กับอาม่าเป็นที่ระลึก พอชั้นถ่ายเสรจ ก็มีคนเข้าไปถ่ายต่อ ตอนนั้นจำได้เเค่ว่าแม่โตมาลูบหัวชั้น ท่านน้ำตาเจ่อๆ บอกว่า
"หนูทำดีมากลูก" ชั้นก็ยิ้มแบ้นค่ะ พอใจกับผลงานตัวเองมากมาย โดยไม่รับรู้ความจริงเลยว่าเบื้องหลังคำหวานมันมีความหมายเช่นใด
ตกดึกคืนนั้นเองอาม่าถูกหามเข้าโรงพยาบาล ส่วนชั้นที่เพลียลมาทั้งวันหลับเป็นตาย รู้เรื่องเมื่อเช้า ในเวลานั้นอาม่าอยู่ ไอซียู แล้วค่ะ
ชั้นเองก็มีเวลาไม่ถึงอาทิตย์ก็เปิดเทอมพอดี ได้ไปเยี่ยมอาม่าอยู่ได้ประมาณสัก 2 อาทิตย์กว่าๆ จากที่ได้ยินผู้ใหญ่เค้าคุยกัน เค้าอยากจัดงานงคลให้เกิดขึ้นในบ้านก่อนอาม่าเสียค่ะ งานมงคลที่ว่านั้นก็คือ การแต่งงานระหว่าง อากู้สี่(ลุงสี่)กับอาสิ่ว(แฟนกู้) ซึ้งชั้นเองก็มีปากเสียงกับกู้สี่บ่อยๆ แต่กู้สี่ก็รักชั้นมากค่ะ(หลานคนเเรกนี่เนอะ) แน่นอนค่ะพวกเค้าอยากจัดงานให้เร๊วที่สุด จำได้ว่าตอนนั้นคืนวันศุกร์ผู้ใหญ่คุยกันว่าจะจัดงานเเต่งงาน เค้าเอาฤกษ์สะดวกค่ะ(หมายถึงจัดตามใจฉัน) ในตอนนั้นมีอากง แม่โตไปคุยกับทางฝ่ายหญิง แม่โตเป็นคนโตสุดในบ้านจึงเป็นธุระจักการทุกอย่างภายในบ้านให้กับครอบครัวค่ะ(ตามสไตร์คนจีน)สรุปสินสอดทองหมั้นเรียนร้อย ท้ายสุดวันเเต่งคือ วันพุทธ...
กลางดึกของคืนวันเสาร์ ชั้นนอนอย่างกระสับกระส่าย ในความฝันนั้นน่ากลัวยิ่งนักมีแต่หมอกควันเต็มไปหมด ทั้งครอบครัวของชั้นอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา อากง อาม่า ลูกๆทั้ง 10 คน ชั้น พ่อโต ทุกคนต่างวิ่งหนีและชั้นเองก็วิ่งอยู่ในกลุ่มพวกเค้า ด้านหลังของเรา มี ผช 2 คน คนนึงมีเขาโค้งสูงเหมือนวัว ผูกผ้าโจงกระเบนสีเเดง ถือเชือกร่างทั้งร่างสีเเดงเถือก อีกคนนึงมีหัวปกติแต่หูเเหลม ตาขวางหน้าคล้ายๆสัตว์(ม้ามั่งคะ จำไม่ค่อยได้)ใส่โจงกระเบนสีแดง ร่างกายสีปกติคือง่ามค่อยๆเดินตรงมาหาพวกเราก้าวอย่างเชื่องช้าแต่หนักแน่นเเละน่าขนลุก วินาทีนั้นชั้นเเน่ใจว่ามันมาไม่ดีแน่
ชั้นที่วิ่งไปจนสุดเห็นช่องๆหนึ่งเป็นเเสงสว่างคล้ายๆหลีบซอกห้องน้ำนะคะ ทุกๆคนต่างวิ่งเข้าไปในวินาทีนั้นชั้นอยู่ตรงหน้าประตูหันมา เห็นอากง พ่อโต กู้สี่ และ เฮียหนึ่ง(ลูกของน้องสาวแม่คนที่4ค่ะ) วิ่งตามหลังชั้นวิ่งกลับไปพยายามลากอากงที่เดินช้ามากๆเข้าไปให้ได้ พ่อโตบอกว่าฝากอากงก่อน เพราะกู้สี่ กับ เฮียหนึ่งยังไม่ตามมา เค้าจะไปตาม ชั้นจะส่งอากงไปในซอกนั้น แต่อากงสะบัดมือและไม่ยอมไป ประจวบที่ชั้นเห็นเฮียหนึ่ง กับ กู้สี่มาพอดี ชั้นจึงถามว่า พ่อโตละ ทั้งสองส่ายหัว ชั้นจึงจะวิ่งฝ่าหมอกไปตาม แต่กู้สี่กลับวิ่งออกไปตามก่อนจากนั้นก็หายลับไป ชั้นตกใจตะโกนเรียกกู้สี่ว่าอย่าไปๆ เฮียหนึ่งเห็นแบบนั้นกำลังจะวิ่งตามไปอีกคน แต่จู้ๆอาม่าก็เดินออกมาจากไหยไม่รู้และบอกว่าเดี้ยวอั้วไปตามเองและก็เดินผ่านหมอกไป จากนั้นไม่นานพ่อโตก็วิ่งฝ่าหมอกออกมา ชั้นดีใจมาก พ่อโตลากชั้นไปที่ช่องที่มีแสงสว่าง โดยอากงค่อยๆเดินตามหลัง จำได้แต่ว่าตอนนั้นชั้นเห็น ผช โจงกระเเบนสีแดงสองคนเดินมา พ่อส่งชั้นเข้าไปในซอกหลีบนั้น ชั้นพยายามดันตัวออกมาแต่ออกไม่ได้ภาพทุกภาพค่อยๆไกลออกไปและพ่อโตก็หยุดยืนอยู่ต่อหน้าผช สองคนนั้น ก่อนจะหันหลังกลับเดินเข้ามาในซอกหลีบ ซึ่งก่อนหน้านั้นอากงเดินไปแล้ว ในฝันชั้นร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ร้องดังลั่นสุดเสียงชูมือพยายามเอื้อมไปจับไว้ให้มากที่สุด ตะโกนแต่ว่า กลับมาๆ อย่าไปๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
"ลูก ลูกๆ ตื่นๆเป็นอะไร"
ชั้นได้ยินแม่จริงตะโกนเรียกชั้น ตอนนั้นแม่จริงไดร์ผมอยู่ ชั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมา น้ำตานองหน้า มือชูขึ้นเหมือนพยายามไขว้ขว้าอะไรสักอย่าง ละเมอพึมพำ อย่าไปๆ ๆ ๆ ตอนนั้นเวลาสัก 7-8 โมงเช้าได้ แม่ถามว่าชั้นฝันร้ายรึ ในขณะที่ชั้นยัง งงๆ กับเหตุการ์ณนี้อยู่ แม่ก็เเซวว่าฝันอะไร จะเอาของเล่นใหม่อีกรึไง แม่ก็พูดแซวๆ แต่ตอนนั้นชั้นหัวโล่ง ความกลัวในฝันยังติดมากับตัวชั้นไม่ตอบอะไร บอกว่า ม้าหนูฝันแบบนี้ๆนะ มีอะไรรึเปล่า ตอนนั้นเเม่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับตัวชั้นสักเท่าไหร่ จึงฟังผ่านๆ บอกว่า "กินมากไปป่าว" ด้วยความเป็นเด็ก ชั้นจึงไม่ใคร่จะติดใจความฝันนั้น ถึงเเม้ความรู้สึกกลัวยังไม่จางหายจากความรู้สึก
หลังพ้นจากวันนั้น ช่วงเวลาเเห่งการเเต่งงานของกู้สี่และอาสิ่วก็มาถึง ....วันพุธ....
ชั้นไม่ได้ไปเพราะต้องไปโรงเรียน แต่ทุกคนมีสีหน้าเเช่มชื่นตั้งแต่เช้า พอตกเย็น ทุกคนก็พากันไปกินโต็ะจีนฉลองงานมงคลสมรส หลังจากการจักงานแต่งงานตามประเภณีจีนในช่วงเช้า แน่นอนชั้นก็ได้ไปด้วยหลังจากเลิกเรียน จบงานแยกย้ายกลับบ้านนอน แม่โตอยากนำข่าวดีไปบอกอาม่าใจจะขาดแต่ติดว่าดึกแล้ว เลยตัดสินใจไปพรุ่งนี้แทน ส่วนชั้นก็ดีใจที่ได้วันหยุดจากโรงเรียนเพราะมีวันพระเยซูคริสต์โรงเรียนจึงปิด 1 วัน(ค่ะ ชั้นเรียนโรงเรียนคริสค่ะ)
.......ความสุขที่อิ่มเอมในหัวใจ ไม่มีใครล่วงรู้เหตุการ์ณในภายภาคหน้าเลยแม้เเต่น้อย....
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากแต่งงาน เจ้าบ่าว เจ้าสาวยังไม่ได้เข้าหอลงโลงเพราะจัดกระทันหัน หลังจากคืนนั้นจึงกลับบ้านใครบ้านมัน อาสิ่วตั้งใจจะขนของย้ายมาอยู่ในวันถัดมา คือวันพฤหัส แต่สิ่งที่รับรู้คือ .......คนรักของเธอตายเเล้ว
กู้สี่ ทำอาชีพคือ ขายไก่สด เลี้ยงเเละขาย ตอนเช้าวันพฤหัสรุ่งขึ้น กู้สี่ขี่มอเตอร์ไซน์ไปตามปกติข้างหลังบรรทุกไก่ที่ต้องส่งให้ลูกค้าตามนร้านอาหารต่างๆ ในขณะที่กู้สี่ขี่บนถนนนั้นเอง ในช่วงหัวโค้งถนน ได้มีรถขับมาชนอย่างเร็ว ตัวกู้สี่ลอยไปข้างหน้า ซึ่งมีรถบรรทุกเหล็กเส้นอยู่ ร่างทั้งร่างทะลุเหล็กเส้น กู้สี่ตายคาที่....
ชั้นรับรู้ข่าวเมื่อตอนที่ซื้อราดหน้ามากิน จำได้เเม่นเลยว่าตัวเองถือถุงราดหน้าเส้นใหญ่ พ่อจริงของชั้นเข้ามากอดและบอกว่า "ลูกฟังดีๆนะ กู้สี่ตายเเล้ว" ตอนนั้นชั้นคิดว่าพ่อพูดเล่น บวกกับที่ชอบมีปากเสียงกับกู้สี่เป็นประจำ ชั้นบอกว่า "ไม่เชื่อหลอก ป๊าหลอกหนู" ตอนนั้นพ่อจริงตาเเดงๆ ลูบผมชั้นเเละบอกให้ชั้นเฝ้าบ้านดีๆ ดูเเลน้องด้วย(ค่ะตอนนั้นชั้นมีน้อง 2 คน) ชั้นยืนงง สักพัก วางถุงราดหน้าลง ตัดสินใจปิดบ้านเเละวิ่งไปข้างๆซอยถัดไป ไปที่บ้านอากงซึ่งเป็นสถานที่ๆทำงานของพ่อโตด้วย(ลืมสนิท น้องเนิ้ง) สิ่งที่ชั้นพบคือ อาสิ่ว กำลังนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ไม้โยกเยกของคนจีน น้ำตาไหลพลาก
เอาเเต่ร้องไห้
"ไม่จริงๆ อั้วฝันอยู่ๆ"
ชั้นไม่กล้าเดินไปหา ได้เเต่เดินไปหาพ่อโต ตอนนั้นพ่อโตปั้มงานอยู่ค่ะ(ท่านมีอาชีพเป็นช่างปั้มนามบัตร) ท่านนิ่งๆเงียบๆ ชั้นเรียกคำเดียว
..... " ป๊า "........
ค่ะ...ท่านหันหน้ามาและหันไปปั้มงานต่อ บอกให้ไปดูอาสิ่วให้หน่อย ตอนนั้นชั้นเริ่มจุกในลำคอ พูดอะไรไม่ออก มันกระทันหันเกินไป ถึงตอนกู้สี่มีชีวิตอยู่ ชั้นไม่ชอบกู้สี่ แต่เวลามีงานฝีมือ หรือมีอะไรลำบากก็มีกู้สี่นี่เเหละที่รักหลานช่วยหลานที่สุด เเละชั้นก็เริ่มร้องไห้กับการจากไปอย่างไม่มีคำกล่าวลาใดๆทั้งสิ้น
ในระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการจัดพิธีศพ แม่โตต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงเช่นเคย ชั้นจึงมีโอกาศเฝ้าบ้านอากงกับพ่อโตที่ง่วงกับการทำงาน ในตอนที่ดูละครอยู่ ชั้นนึกถึงความฝันขึ้นได้จึงตัดสินใจเล่าให้พ่อโตฟัง พ่อโตฟังชั้นไปปั้มนามบัตรไป ซักไปเป็นระยะๆว่าใครไปก่อน ไปหลัง
พอฟังจบเรื่องราวทั้งหมด ท่านก็นิ่งๆ งานปั้มจบหมดพอดี พ่อโตเดินไปหยิบแก้วน้ำชาใส่น้ำเเข็งเย็นๆ เดินมานั่งตรงหน้าชั้น หลับตานิ่งไปสักพัก ชั้นก็ไม่รู้ว่าท่านทำแบบนั้นทำไม รอจนท่านลืมตาขึ้นมา ท่านดูปลงๆและเดินไปห้องน้ำ ชั้นก็เดินตามเข้าไปค่ะ ตอนที่พ่อโตเข้าห้องน้ำเสรจออกมา ชั้นเข้าไป ระหว่างที่พ่อโตล้างมืออยู่ท่านบอกว่า
"ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับป๊าไปก่อนม๊า ดูเเลม๊าดีๆนะ"
ตอนนั้นชั้นอยู่ในห้องน้ำพอดี ชั้นตะโกนว่า
"ป๊าไม่ตายง่ายๆหรอก ป๊าต้องอยู่อุ้มลูกหนูก่อน"
ท่านก็หัวเราะ บอกว่าป๊าไม่อยู่ถึงต้องตะบั้นหมากเคี้ยวหรอกโว้ย
ตอนนั้นน้ำตาชั้นร่วงเผาะ เริ่มแปลความหมายได้ลางๆ ว่าความฝันนั้นคืออะไร....
พอกู้สี่เสีย ต่อมาไม่นานหลังจากจบงานศพ 7วัน อาม่าก็เสียตามด้วยโรคไตอักเสบเฉียบพลัน
การจากไปคราวนี้ของกู้สี่ทำให้ชั้นชัดเจนในความฝันของตัวเองยิ่งขึ้น มันไม่ใช่ฝันเลื่อนลอย แต่มันคือนิมิตรลำดับการตายของคนในบ้านชั้น เหตุการ์ณครั้งนี้ทำให้พวกผู้ใหญ่อยู่เฉยไม่ได้ ขอกล่าวก่อนว่า อากงเป็นลูกศิษย์หลวงปู่B หลวงปู่Bมีศักดิ์เป็นศิทษ์พี่หลวงปู่A(ของพ่อโต) อากงรู้ว่าการมาเยือนของยมทูตครั้งนี้ เมื่อได้ 2 ย่อมไม่เอา ต้องกลับไป 3 เพราะเวลามารับวิญญาณของพวกยมทูต จะแปลก นั้นคือจะไม่รับคู่เเต่จะรับเดี่ยว ครอบครัวใดก็ตามที่มีคนตาย แล้วภายในร้อยวัน ถ้ามีคนตายตามอีกเป็นคนที่2 ก็ต้องมีคนที่3
ฉะนั้นอากงจึงต้องทำพิธีตัวตายตัวแทน เกิดขึ้น โดยใช้ตุ้กตาฟางเปรียบเสมือนคนที่3 มาทำพิธีส่งให้ยมทูตแทน
(ขอไม่กล่าวรายละเอียดนะค่ะเพราะอันนี้ไม่ทราบถ้าทราบเเล้วว่าทำแบบไหยจะมาบอกทีหลังนะค่ะ)
.............................หลังจากนั้นมาประมาณเกือบ 10 ปีได้ เฮียสี่ก็เสียตาม
............................................................ประมาณ 8 ปีต่อมา อากงก็เสียตามกันไป
รายต่อไปเป็นใคร ไม่มีใครรู้เพราะสุดท้ายคนที่เข้าซอกหลีบได้หวุดหวิดคือพ่อโต..............
ณ ปัจจุบัน ตอนนี้ก็เวลาได้เกือบ 18 ปี ยังคงไม่ถึงคิวใครเพราะ พ่อโตยังอยู่กับชั้นค่ะ
ตอนนี่ ยังคิดอยู่เลยว่าจะให้เรารู้ไปทำไม ถ้าเราช่วยใครไม่ได้เลยแม้แต่สักคนเดียวช