หลายคน รวมทั้งนัก โปรแกรมเมอร์จูเนียร์ ทั้งหลายคงอยากรู้ว่า บรรยากาศการทำงานของโปรแกรมเมอร์เป็นอย่างไรบ้าง ก่อนอื่นขอทำความเข้าใจ ลักษณะงานขององค์กร ที่เราจะต้องเข้าไปทำงาน หลักๆมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ
พนักงานไอทีขององค์กร ดูแลงานพัฒนา Software ภายในองค์กร หรือ เป็น Developer ขององค์กรนั้น พูดง่ายๆคือเป็นพนักงานของบริษัทพัฒนาโปรแกรมใช้ภายใน ดูแลระบบ ซอฟต์แวร์ โปรแกรม การใช้งานของพนักงานในบริษัทนั้น
พนักงานบริษัทไอที พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับแต่ละบริษัท ที่จัดหาจัดจ้าง ขายซอฟต์แวร์และรับพัฒนา อาจจะมีรูปแบบในลํกษณะ Project มีตั้งแต่ระดับเล็กๆ จนถึงระดับบิ๊กๆเลยทีเดียว อันนี้สายหลักของโปรแกรมเมอร์ ซึ่งจะมีโปรแกรมเมอร์เทพๆสิงห์สถิตย์อยู่ และโปรแกรมเมอร์ที่ผ่านโปรเจคมาอย่างโชคโชน สะพายกระเป๋าขาด ปาดเหงื่อ เป็นซอมบี้ หมีแพนด้า เลยก็ว่าได้ จึงจะนำลักษณะงานองค์กรไอทีนี่แหละมานำเสนอ
ลักษณะงานหลักๆ ของโปรแกรมเมอร์(ที่เป็นระบบนะ) คือ คอยรับงานจาก SA (System Analyst) เป็นสเปคของโปรแกรม แล้วก็มานั่งเขียนโปรแกรม เสร็จแล้วส่งกลับไปหา SA หรือ Tester ทำการตรวจสอบ ทดสอบ ก่อนถึง UAT (User Acceptance Testing) และ นำขึ้น Production ต่อไป (ศัพท์ที่กล่าวมานี้จะคุ้นเคยไปเองเวลาทำงาน)
ตอนนั่งทำงานก็มี 2 แบบ คือ โต๊ะทำงานตัวเอง กับ Site งานลูกค้า ไม่ต้องคิดว่ามันจะเฟอร์เฟค มีตั้งแต่เก้าอี้พลาสติค โต๊ะกินข้าว แอร์พัดลม จนถึงห้องประชุม แอร์หิมะหนาวสั่นสะท้านจับใจ รู้สึกที่ผ่านมา ให้ทำงานที่ Site ลูกค้า ห้องประชุมจะเวิคสุด แล้วก็นั่งทำงานกันกับทีมงาน งานที่เป็นโปรเจคหรือไปทำระบบให้กับบริษัทลูกค้านั้น จะก่อตั้งกันเป็นทีมไปมี Project Manager , Business Analyst , System Analyst , Programmer , Tester หลักนะ ส่วนแยกย่อยเพิ่มเติมก็จะมี DBA , Reporter หรืออาจจะมีโปรแกรมเมอร์พี่ๆเช่น Senior Programmer , Architecture คอยควบคุม เป็นต้น
การนั่งเขียนโปรแกรมนี่จะตึงเครียดพอสมควร กัดเล็บกัดนิ้วก็มี ฟังเพลงกระแทก-ดัน นั่งกินกาแฟ กินขนม นมเนย สายรกรุงรังบนโต๊ะ นั่งโค้ดดิ้งสลับกับดูเว็บไซต์ แชท แซวชาวบ้านหัวเราะคนเดียว เครียดต่อโค้ดดิ้ง เขียนโปรแกรมไม่ออกเดินไปขี้ เยี่ยว เหล่สาว ดูหนุ่มออฟฟิศลูกค้า อารมณ์เบิกบาน กลับโต๊ะทำงานเขียนโปรแกรมต่อ อันนี้ลักษณะงานเป็นทีมนะ นั่งทำงานใครมันเหมือนไม่มีเพื่อน เพื่อนอยู่หน้าจอ โค้ดดิ้ง แชท เว็บ ฟังเพลง เงยหน้าหรอ เงยมาก็เจอเพื่อนๆก้มๆ เครียดๆ อาจจะสะกิดคุยนิดๆ แซวหน่อยๆ แล้วก็โค้ดดิ้งต่อ ชีวิตโปรแกรมเมอร์ มีเฮฮา หัวเราะ เพราะเราไปกันเป็นกลุ่มเป็นทีม กินข้าวเที่ยงพร้อมกัน ใช้ชีวิตร่วมกันในโปรเจค ด่าทอบ้าง เขียนบั๊กทับกันบ้าง ติสกันไปคนละทาง เซียนตัดเซียน เขียนโค้ดขัดหูขัดตา สุดท้ายก็สวนเสเฮฮา เพราะเหตุเกิดจากความเครียดทางโปรแกรมทั้งนั้น
มีหลายบรรยากาศที่อยากจะบรรยาย อันนึงคือเป็นมนุษย์เต่า.. ทำไมเขาเรียกอย่างนั้น เพราะได้ทรัพย์สมบัติที่บริษัทมอบให้(ยืม) คือโน๊ตบุคประจำตัว อาวุธคู่กาย ที่ต้องสะพายไปยัง Site ลูกค้าทุกวัน รถไม่มีรับส่ง ต้องขึ้นรถ ลงเรือ ก็สะพายกระเป๋าอันนี้แหละไปกลับเช้าเย็น อีกอย่าง เลิกงานอย่าหวังได้เลิกงานพร้อมชาวบ้านหรือตรงเวลานะ ตามโปรเจคงานเร่งรีบ หรือเรื่อยๆ แพลนงานการบริหารคน บริหารโปรแกรมเมอร์อย่างเราๆ แต่ดีตอนเข้างานคือจะให้เข้าสายได้ในบางที่Developer
ยังมีหลายๆอย่าง รายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจในลักษณะงาน แต่คงไม่ลงลึก จึงนำลักษณะทั่วๆไปมาเล่าให้พอได้เห็นภาพกัน อาจจะดูหนักหนาบ้างตามการเล่า แต่งานลักษณะนี้คือต้องมีใจรักในอาชีพโปรแกรมเมอร์ แล้วจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ เหมือนงาน เหมือนหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบทั่วไปในการงาน แน่นอนว่าลักษณะงานแต่ละอาชีพ บรรยากาศการทำงานแตกต่างกัน ก็ต่างกรรมต่างวาระ ต่างหน้าที่ ต่างความรับผิดชอบ
i am developer i have no life
Blogger : Programmer Artist
บทความจาก
waanvar.com
งานเขียนโปรแกรมเป็นอย่างไร
พนักงานไอทีขององค์กร ดูแลงานพัฒนา Software ภายในองค์กร หรือ เป็น Developer ขององค์กรนั้น พูดง่ายๆคือเป็นพนักงานของบริษัทพัฒนาโปรแกรมใช้ภายใน ดูแลระบบ ซอฟต์แวร์ โปรแกรม การใช้งานของพนักงานในบริษัทนั้น
พนักงานบริษัทไอที พัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับแต่ละบริษัท ที่จัดหาจัดจ้าง ขายซอฟต์แวร์และรับพัฒนา อาจจะมีรูปแบบในลํกษณะ Project มีตั้งแต่ระดับเล็กๆ จนถึงระดับบิ๊กๆเลยทีเดียว อันนี้สายหลักของโปรแกรมเมอร์ ซึ่งจะมีโปรแกรมเมอร์เทพๆสิงห์สถิตย์อยู่ และโปรแกรมเมอร์ที่ผ่านโปรเจคมาอย่างโชคโชน สะพายกระเป๋าขาด ปาดเหงื่อ เป็นซอมบี้ หมีแพนด้า เลยก็ว่าได้ จึงจะนำลักษณะงานองค์กรไอทีนี่แหละมานำเสนอ
ลักษณะงานหลักๆ ของโปรแกรมเมอร์(ที่เป็นระบบนะ) คือ คอยรับงานจาก SA (System Analyst) เป็นสเปคของโปรแกรม แล้วก็มานั่งเขียนโปรแกรม เสร็จแล้วส่งกลับไปหา SA หรือ Tester ทำการตรวจสอบ ทดสอบ ก่อนถึง UAT (User Acceptance Testing) และ นำขึ้น Production ต่อไป (ศัพท์ที่กล่าวมานี้จะคุ้นเคยไปเองเวลาทำงาน)
ตอนนั่งทำงานก็มี 2 แบบ คือ โต๊ะทำงานตัวเอง กับ Site งานลูกค้า ไม่ต้องคิดว่ามันจะเฟอร์เฟค มีตั้งแต่เก้าอี้พลาสติค โต๊ะกินข้าว แอร์พัดลม จนถึงห้องประชุม แอร์หิมะหนาวสั่นสะท้านจับใจ รู้สึกที่ผ่านมา ให้ทำงานที่ Site ลูกค้า ห้องประชุมจะเวิคสุด แล้วก็นั่งทำงานกันกับทีมงาน งานที่เป็นโปรเจคหรือไปทำระบบให้กับบริษัทลูกค้านั้น จะก่อตั้งกันเป็นทีมไปมี Project Manager , Business Analyst , System Analyst , Programmer , Tester หลักนะ ส่วนแยกย่อยเพิ่มเติมก็จะมี DBA , Reporter หรืออาจจะมีโปรแกรมเมอร์พี่ๆเช่น Senior Programmer , Architecture คอยควบคุม เป็นต้น
การนั่งเขียนโปรแกรมนี่จะตึงเครียดพอสมควร กัดเล็บกัดนิ้วก็มี ฟังเพลงกระแทก-ดัน นั่งกินกาแฟ กินขนม นมเนย สายรกรุงรังบนโต๊ะ นั่งโค้ดดิ้งสลับกับดูเว็บไซต์ แชท แซวชาวบ้านหัวเราะคนเดียว เครียดต่อโค้ดดิ้ง เขียนโปรแกรมไม่ออกเดินไปขี้ เยี่ยว เหล่สาว ดูหนุ่มออฟฟิศลูกค้า อารมณ์เบิกบาน กลับโต๊ะทำงานเขียนโปรแกรมต่อ อันนี้ลักษณะงานเป็นทีมนะ นั่งทำงานใครมันเหมือนไม่มีเพื่อน เพื่อนอยู่หน้าจอ โค้ดดิ้ง แชท เว็บ ฟังเพลง เงยหน้าหรอ เงยมาก็เจอเพื่อนๆก้มๆ เครียดๆ อาจจะสะกิดคุยนิดๆ แซวหน่อยๆ แล้วก็โค้ดดิ้งต่อ ชีวิตโปรแกรมเมอร์ มีเฮฮา หัวเราะ เพราะเราไปกันเป็นกลุ่มเป็นทีม กินข้าวเที่ยงพร้อมกัน ใช้ชีวิตร่วมกันในโปรเจค ด่าทอบ้าง เขียนบั๊กทับกันบ้าง ติสกันไปคนละทาง เซียนตัดเซียน เขียนโค้ดขัดหูขัดตา สุดท้ายก็สวนเสเฮฮา เพราะเหตุเกิดจากความเครียดทางโปรแกรมทั้งนั้น
มีหลายบรรยากาศที่อยากจะบรรยาย อันนึงคือเป็นมนุษย์เต่า.. ทำไมเขาเรียกอย่างนั้น เพราะได้ทรัพย์สมบัติที่บริษัทมอบให้(ยืม) คือโน๊ตบุคประจำตัว อาวุธคู่กาย ที่ต้องสะพายไปยัง Site ลูกค้าทุกวัน รถไม่มีรับส่ง ต้องขึ้นรถ ลงเรือ ก็สะพายกระเป๋าอันนี้แหละไปกลับเช้าเย็น อีกอย่าง เลิกงานอย่าหวังได้เลิกงานพร้อมชาวบ้านหรือตรงเวลานะ ตามโปรเจคงานเร่งรีบ หรือเรื่อยๆ แพลนงานการบริหารคน บริหารโปรแกรมเมอร์อย่างเราๆ แต่ดีตอนเข้างานคือจะให้เข้าสายได้ในบางที่Developer
ยังมีหลายๆอย่าง รายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจในลักษณะงาน แต่คงไม่ลงลึก จึงนำลักษณะทั่วๆไปมาเล่าให้พอได้เห็นภาพกัน อาจจะดูหนักหนาบ้างตามการเล่า แต่งานลักษณะนี้คือต้องมีใจรักในอาชีพโปรแกรมเมอร์ แล้วจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องปกติ เหมือนงาน เหมือนหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบทั่วไปในการงาน แน่นอนว่าลักษณะงานแต่ละอาชีพ บรรยากาศการทำงานแตกต่างกัน ก็ต่างกรรมต่างวาระ ต่างหน้าที่ ต่างความรับผิดชอบ
i am developer i have no life
Blogger : Programmer Artist
บทความจาก waanvar.com