BRICK MANSIONS (Camille Delamarre,2014)
ยกให้ 1 นิ้วหัวแม่โป้งจาก 5 นิ้ว
การหากินกับคนตายไม่ได้ช่วยเพิ่มพูนคุณภาพของหนังเลยจริงๆ
ข้อดีคือหนังสั้นมาก ขอบคุณพระเจ้า ถ้ายาวกว่านี้คงวูบอีกไม่รู้กี่รอบ (เพราะถึงจะวูบไปบ้างก็ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรเลยสักนิดเดียว)
อะไรก็ตามที่ไม่ใช่การโชว์สตันท์และท่าทางโลดโผนแบบพาร์คัวร์ของเดวิด เบลล์ นักแสดงร่วม คือความน่าเบื่อ ซ้ำซาก และการตัดต่อภาพที่เข้าขั้น "ฉึบฉับ" เหมือนมิวสิควิดีโอเพลงฮิปฮอปโปรดักชั่นเลวๆ เพราะดูไม่รู้เรื่องและน่าเวียนหัวมากกว่าจะสนุก
ขนาดฉากชะนีตบกันยังหาความสะใจอะไรไม่ได้ ฉากต่อยตีของผู้ชายในหนังเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์เหมือนเด็กประถมต่อยกันเพราะแย่งสนามบอลน่ะแหละ
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
THE RAILWAY MAN (2014,Jonathan Teplitzky)
ยกให้ 4 นิ้วหัวแม่โป้งจาก 5 นิ้ว
โคลิน เฟิร์ทกะเทาะเปลือกตัวละครออกมาดีมาก
ชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบตัดสลับอดีตส่งผลเช่นไรกับปัจจุบันอยู่ไม่น้อย ผู้กำกับโจนาธาน ทิปลิสกี้มีวิธีการนำเสนอเสน่ห์และทักษะของนักแสดงแต่ละคนออกมาดีมาก นิโคล คิดแมนมีเสน่ห์แบบสาวอังกฤษแบบที่พระเอกต้องตกหลุมรัก ซึ่งเราว่าไอ้พาร์ทโรแมนติกลูกกวาดก่อนที่หนังจะพุ่งเข้าสู่ด้านความลับในอดีตดำมืดของอีริคนั้นทำออกมาดี ดีจนเราเชื่อว่าทำไมนางถึงยอม "ทนอยู่" กับผัวตัวเองที่อยู่ๆก็ละเมอคุมสติไม่ได้ขึ้นมากลางดึกอยู่บ่อยครั้ง
ท้ายที่สุดแม้หนังจะเข้าโหมด "สมานฉันท์" ก็ตามแต่เราก็คล้อยตามไปกับตัวละคร เพราะท้ายที่สุด The Railway Man ก็แค่ต้องการบอกเราว่า สงครามทำให้คนทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดก็แค่นั้นเอง
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
Under the Skin (Jonathan Glazer,2013)
ยกให้ 4 นิ้วหัวแม่โป้งเลย
คือไม่รู้จะเริ่มตั้งสติเขียนถึงหนังทดลองเหวอ-กับมันยังไงดี คอนเซปของมันคือสการ์เลทเล่นเป็นเอเลี่ยนที่แฝงตัวมาจิกผู้ชายเป็นอาหาร แต่องค์ประกอบในการเล่าเรื่องของหนังนั้นทรงพลังมาก กระตุกเร้าทางโสตประสาทในการใช้ดนตรีประกอบและงานทางด้านภาพที่หวือหวาน่าสนใจ ไม่ว่าจะใช้กล้องแทนสายตานางเอกในการสอดส่ายหาเหยื่อ การตัดภาพแบบที่ไม่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟคแต่เกิดจากการเซตติ้งภาพล้วนๆ ซึ่งเป็นความโดดเด่นอย่างยิ่งใหญ่ของหนัง
ส่วนตัวแอบรำคาญฉากที่มนุษย์ต่างดาวเริ่มสำรวจความเป็นมนุษย์ที่เรารู้สึกว่ามัน "กระแดะ" เกินไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังส่งเสริมฉากประเภทความแข็งแกร่งเชิงชาติพันธุ์ เพศชาย-เพศหญิงสถานะแห่งความแข็งแกร่งบลาๆ
เป็นหนังที่คู่ควรแก่การดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เพราะถ้าดูจอเล็กๆอาจจะหลับคาจอ หรือระบบเสียงไม่ทรงพลังเพียงพอ
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
[CR] [Review ควบ 3 ใน 1 กระทู้] BRICK MANSIONS - THE RAILWAY MAN - Under the Skin
BRICK MANSIONS (Camille Delamarre,2014)
ยกให้ 1 นิ้วหัวแม่โป้งจาก 5 นิ้ว
การหากินกับคนตายไม่ได้ช่วยเพิ่มพูนคุณภาพของหนังเลยจริงๆ
ข้อดีคือหนังสั้นมาก ขอบคุณพระเจ้า ถ้ายาวกว่านี้คงวูบอีกไม่รู้กี่รอบ (เพราะถึงจะวูบไปบ้างก็ไม่รู้สึกว่าพลาดอะไรเลยสักนิดเดียว)
อะไรก็ตามที่ไม่ใช่การโชว์สตันท์และท่าทางโลดโผนแบบพาร์คัวร์ของเดวิด เบลล์ นักแสดงร่วม คือความน่าเบื่อ ซ้ำซาก และการตัดต่อภาพที่เข้าขั้น "ฉึบฉับ" เหมือนมิวสิควิดีโอเพลงฮิปฮอปโปรดักชั่นเลวๆ เพราะดูไม่รู้เรื่องและน่าเวียนหัวมากกว่าจะสนุก
ขนาดฉากชะนีตบกันยังหาความสะใจอะไรไม่ได้ ฉากต่อยตีของผู้ชายในหนังเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์เหมือนเด็กประถมต่อยกันเพราะแย่งสนามบอลน่ะแหละ
อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/EntertainmentBite
THE RAILWAY MAN (2014,Jonathan Teplitzky)
ยกให้ 4 นิ้วหัวแม่โป้งจาก 5 นิ้ว
โคลิน เฟิร์ทกะเทาะเปลือกตัวละครออกมาดีมาก
ชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบตัดสลับอดีตส่งผลเช่นไรกับปัจจุบันอยู่ไม่น้อย ผู้กำกับโจนาธาน ทิปลิสกี้มีวิธีการนำเสนอเสน่ห์และทักษะของนักแสดงแต่ละคนออกมาดีมาก นิโคล คิดแมนมีเสน่ห์แบบสาวอังกฤษแบบที่พระเอกต้องตกหลุมรัก ซึ่งเราว่าไอ้พาร์ทโรแมนติกลูกกวาดก่อนที่หนังจะพุ่งเข้าสู่ด้านความลับในอดีตดำมืดของอีริคนั้นทำออกมาดี ดีจนเราเชื่อว่าทำไมนางถึงยอม "ทนอยู่" กับผัวตัวเองที่อยู่ๆก็ละเมอคุมสติไม่ได้ขึ้นมากลางดึกอยู่บ่อยครั้ง
ท้ายที่สุดแม้หนังจะเข้าโหมด "สมานฉันท์" ก็ตามแต่เราก็คล้อยตามไปกับตัวละคร เพราะท้ายที่สุด The Railway Man ก็แค่ต้องการบอกเราว่า สงครามทำให้คนทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดก็แค่นั้นเอง
อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/EntertainmentBite
Under the Skin (Jonathan Glazer,2013)
ยกให้ 4 นิ้วหัวแม่โป้งเลย
คือไม่รู้จะเริ่มตั้งสติเขียนถึงหนังทดลองเหวอ-กับมันยังไงดี คอนเซปของมันคือสการ์เลทเล่นเป็นเอเลี่ยนที่แฝงตัวมาจิกผู้ชายเป็นอาหาร แต่องค์ประกอบในการเล่าเรื่องของหนังนั้นทรงพลังมาก กระตุกเร้าทางโสตประสาทในการใช้ดนตรีประกอบและงานทางด้านภาพที่หวือหวาน่าสนใจ ไม่ว่าจะใช้กล้องแทนสายตานางเอกในการสอดส่ายหาเหยื่อ การตัดภาพแบบที่ไม่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟคแต่เกิดจากการเซตติ้งภาพล้วนๆ ซึ่งเป็นความโดดเด่นอย่างยิ่งใหญ่ของหนัง
ส่วนตัวแอบรำคาญฉากที่มนุษย์ต่างดาวเริ่มสำรวจความเป็นมนุษย์ที่เรารู้สึกว่ามัน "กระแดะ" เกินไปหน่อย แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังส่งเสริมฉากประเภทความแข็งแกร่งเชิงชาติพันธุ์ เพศชาย-เพศหญิงสถานะแห่งความแข็งแกร่งบลาๆ
เป็นหนังที่คู่ควรแก่การดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เพราะถ้าดูจอเล็กๆอาจจะหลับคาจอ หรือระบบเสียงไม่ทรงพลังเพียงพอ
อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/EntertainmentBite