Rudolf Höss นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพนาซีผู้มีอนาคตไกล เขาได้รับตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่นอนว่าด้วยจำนวนนักโทษที่ถูกพามายังค่ายกักกันมีจำนวนมากยิ่งขึ้น
Höss จึงต้องหาวิธีต่างๆ เพื่อที่จะจัดการสังหารชาวยิวที่มาจากทั่วทุกสารทิศของทวีปยุโรป ภายใต้การอ้างว่ามันปฏิบัติการทางการแพทย์....
ขณะเดียวกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความสะดวกราบรื่น Höss จึงได้พาครอบครัวของเขาทั้งภรรยา
Hedwig และลูกๆ ทั้ง 5 คน อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ติดกับค่ายเอาช์วิทซ์ มีกำแพงสูงใหญ่เป็นตัวกั้นกลาง..
ในแต่ละวันเขาจะพาภรรยาและลูกๆ ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปปิกนิก ไม่ก็ว่ายน้ำ ตกปลา เล่นดนตรี
เป็นที่ชื่นชอบของลูกๆ เป็นอย่างมาก
ภายในบ้านของ Höss ก็มีการปลูกพืชพันธ์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก
หรือพืชผักสวนครัวที่จะเป็นอาหารให้กับสมาชิกในครอบครัว..
บ่อยครั้งที่จะมีงานปาร์ตี้เล็กๆ หากมีแขกคนสำคัญเดินทางมาเยี่ยมเยียน
บรรยากาศทุกอย่างเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของทุกคนภายในพื้นที่เฉกเช่นสวนสวรรค์แห่งเอเดน..
บ้านแห่งความสุข อาณาจักรส่วนตัวของ Höss...
The Zone of Interest เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ เขียนบทและกำกับโดย Jonathan Glazer
อ้างอิงจากนวนิยายปี 2014 ของ Martin Amis นำแสดงโดย Christian Friedel และ Sandra Hüller
ในบทผู้บัญชาการนาซีชาวเยอรมัน Rudolf Höss และภรรยาของเขา Hedwig
(โดยเฉพาะ Hüller เธอยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Anatomy of Fall อีกด้วย)
เรื่องราวทั้งหมดคือการติดตามดูชีวิตในฝันของครอบครัวผู้บัญชาการค่ายนรกในบ้านหลังใหม่ติดกับค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
เทคนิคการถ่ายทำในเรื่องนี้มาในรูปแบบของรายการเรียลริตี้โชว์ ทีมงานได้วางกล้องไว้ในจุดต่างๆ
และควบคุมการถ่ายทำระยะไกล.. ทำให้ทุกอย่างลื่นไหลไปแบบเป็นธรรมชาติ
นั่นทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ความรู้สึกเสมือนได้แอบเฝ้ามองพฤติกรรมของคนในบ้านนี้อยู่จริงๆ
ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องความโหดร้ายของนาซีที่ผ่านมามีมากมายครับ
พอมาอยู่ในการปรุงของ Jonathan Glazer (เจ้าของเดียวกับ Under the Skin )
มันเลยทำให้เรามั่นใจได้ว่า หนังเรื่องนี้ต้องมีอะไรใหม่อย่างแน่นอนและมันก็เป็นเช่นนั้น
สมแล้วกับการเข้าชิงถึง 5 สาขาในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 ในสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
สิ่งที่มันแปลกและพิเศษกว่าเรื่องอื่นที่เคยมีมาก็คือ Glazer ได้นำเสนอความธรรมดาอย่างที่สุด
นั่นคือการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวนึงที่มีความสุข หากแต่เมื่อข้ามรั้วกำแพงสูง
ทุกอย่างคือสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงที่พวกเราทุกคนรับรู้กันมาอยู่แล้ว
นี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้ The Zone of Interest แปลกใหม่กว่าทุกเรื่องที่เคยมีมา
ความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในความรู้สึกของคนดู ที่มีเป็นต้นทุนอยู่แล้วก่อนรับชมเรื่องนี้ จะมีมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ในหนังจะไม่มีภาพที่สยดสยอง ไม่มีการฆ่าอะไรให้เห็น แต่ผมเชื่อว่าคุณจะสัมผัสได้
รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งความตายที่ลอยละล่องอยู่ในสวนสวรรค์แห่งนี้
มันคือความอึดอัด ความน่าขยะแขยง ความพะอืดพะอม มันถูกผสมปนเปจนเป็นเนื้อเดียวกัน แทบจะหยุดหายใจ....
ยิ่งประกอบกับจุดเด่นที่สุดของหนังในเรื่องนี้ ก็คือเสียง ใช่ครับ.. คุณจะไม่ได้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นนอกกำแพงบ้านหลังนี้
แต่คุณจะได้ยินเสียงต่างๆ ที่ลอยข้ามมา .. ท่ามกลางเสียงสายลมที่พัดต้นไม้ใบหญ้า ในบรรยากาศที่ดูร่มรื่นนั้น
คุณจะได้ยินเสียงเครื่องจักร เสียงกรีดร้องโหยหวน คลอตามมา..
ใช่แล้ว..มันคือเสียงเรียกแห่งความตาย ดวงวิญญาณของคนนับล้านคน!!!!
(ถ้าคุณเคยดูหนังของ เกลเซอร์และหลอนกับซาวน์สุดสะพรึงใน Under the Skin มาแล้ว ..สำหรับผมเรื่องนี้หลอนกว่า)
The Zone of Interest เป็นหนังประวัติศาสตร์สงครามที่ใช้รูปแบบการนำเสนอที่คงไม่มีใครทำเช่นนี้อีกแล้ว
ดังนั้นนี่คือโอกาสที่ดียิ่งถ้าคุณเป็นคนที่เสพงานศิลป์ คุณไม่ควรพลาด ถ้าคุณชอบหนังแนวจิตวิทยาคุณก็ไม่ควรพลาด..
แต่ถ้าคุณชอบหนังแอคชั่นสงคราม หนังเรื่องนี้คงไม่ตอบโจทย์ เพราะคุณจะเห็นแค่ชีวิตครอบครัวนึงที่กินข้าว ชมดอกไม้
ทำกิจกรรมร่วมกันในแต่ละวัน .. คุณอาจจะนึกในใจว่า นี่ตรูเสียเวลามาดูหนังบ้าอะไรเนี่ย...
ดังนั้นหนังเรื่องนี้ถึงจะเป็นหนังที่ดี แต่มันไม่เหมาะกับคนทุกคน
แต่มันถูกจริตกับผมจริงๆ กับความขัดแย้งรุนแรงขั้นสุดเช่นนี้ เสียงหัวเราะ ความโศกเศร้า.. รอยยิ้ม คราบน้ำตา..
ต้นไม้ที่กำลังผลิดอกออกผลและเช่นกันกับหลายชีวิตที่ถูกปลิดปลิวราวกับใบไม้ร่วง....
ความธรรมดาที่ย้อนแย้งกับความโหดร้ายอย่างที่สุดครั้งนึงเท่าที่มนุษยชาติต้องพบเจอ
จิตใจคนยากที่จะหยั่งได้ถึง ไม่มีอะไรที่จะดำมืดได้มากกว่านี้อีกแล้ว ในทุกรอยยิ้ม ในทุกการเคลื่อนไหวที่ธรรมดา..
มือคู่นั้นที่โอบอุ้มชีวิตน้อยๆ ให้ชมดอกไม้ที่สวยงามอยู่กลางสวน..
แต่มือคู่นั้นเช่นกันที่เซ็นอนุมัติพาคนเป็นล้านสู่ประตูแห่งความตายที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
นี่คือหนังที่เล่นกับใจของคนดู เล่นกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเรา
และมันคือความสยดสยองที่ทำให้เรารู้สึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นเลือดเลย..แม้เพียงหยดเดียว...
หลับตาแล้วฟังนะครับ... นึกถึงดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
นึกถึงแววตาของชาวยิวที่กำลังเดินเข้าสู่ห้องที่ปิดทึบ
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือก้าวย่างสุดท้าย ไม่มีใครได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเลย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างโกลาหล รวดเร็ว..แน่นอน และจบท้ายด้วยความเงียบงัน...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Rudolf Höss ในหนังนี่คนละคนกับ Rudolf Hess นะครับ ชื่อคล้ายกัน
โดย Höss เนี่ย ถ้าเทียบชั้นยศแล้วเค้าเทียบได้กับนายทหารยศพันตรี (SS-Obersturmbannführer)
ขณะที่ Hess มีตำแหน่งเป็นรองฟือเรอร์ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เลยทีเดียว
บอกไว้ก่อนเผื่อบางท่านไปสืบค้นรายละเอียดประวัติกันต่อจะได้ไม่สับสนกัน
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== The Zone of Interest (2023) สรวงสวรรค์.. ในแดนนรก.. ==
Rudolf Höss นายทหารหนุ่มแห่งกองทัพนาซีผู้มีอนาคตไกล เขาได้รับตำแหน่งให้เป็นผู้บัญชาการค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แน่นอนว่าด้วยจำนวนนักโทษที่ถูกพามายังค่ายกักกันมีจำนวนมากยิ่งขึ้น
Höss จึงต้องหาวิธีต่างๆ เพื่อที่จะจัดการสังหารชาวยิวที่มาจากทั่วทุกสารทิศของทวีปยุโรป ภายใต้การอ้างว่ามันปฏิบัติการทางการแพทย์....
ขณะเดียวกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยความสะดวกราบรื่น Höss จึงได้พาครอบครัวของเขาทั้งภรรยา
Hedwig และลูกๆ ทั้ง 5 คน อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ติดกับค่ายเอาช์วิทซ์ มีกำแพงสูงใหญ่เป็นตัวกั้นกลาง..
ในแต่ละวันเขาจะพาภรรยาและลูกๆ ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปปิกนิก ไม่ก็ว่ายน้ำ ตกปลา เล่นดนตรี
เป็นที่ชื่นชอบของลูกๆ เป็นอย่างมาก
ภายในบ้านของ Höss ก็มีการปลูกพืชพันธ์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก
หรือพืชผักสวนครัวที่จะเป็นอาหารให้กับสมาชิกในครอบครัว..
บ่อยครั้งที่จะมีงานปาร์ตี้เล็กๆ หากมีแขกคนสำคัญเดินทางมาเยี่ยมเยียน
บรรยากาศทุกอย่างเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของทุกคนภายในพื้นที่เฉกเช่นสวนสวรรค์แห่งเอเดน..
บ้านแห่งความสุข อาณาจักรส่วนตัวของ Höss...
The Zone of Interest เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ เขียนบทและกำกับโดย Jonathan Glazer
อ้างอิงจากนวนิยายปี 2014 ของ Martin Amis นำแสดงโดย Christian Friedel และ Sandra Hüller
ในบทผู้บัญชาการนาซีชาวเยอรมัน Rudolf Höss และภรรยาของเขา Hedwig
(โดยเฉพาะ Hüller เธอยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Anatomy of Fall อีกด้วย)
เรื่องราวทั้งหมดคือการติดตามดูชีวิตในฝันของครอบครัวผู้บัญชาการค่ายนรกในบ้านหลังใหม่ติดกับค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
เทคนิคการถ่ายทำในเรื่องนี้มาในรูปแบบของรายการเรียลริตี้โชว์ ทีมงานได้วางกล้องไว้ในจุดต่างๆ
และควบคุมการถ่ายทำระยะไกล.. ทำให้ทุกอย่างลื่นไหลไปแบบเป็นธรรมชาติ
นั่นทำให้ผู้ชมอย่างเราได้ความรู้สึกเสมือนได้แอบเฝ้ามองพฤติกรรมของคนในบ้านนี้อยู่จริงๆ
ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องความโหดร้ายของนาซีที่ผ่านมามีมากมายครับ
พอมาอยู่ในการปรุงของ Jonathan Glazer (เจ้าของเดียวกับ Under the Skin )
มันเลยทำให้เรามั่นใจได้ว่า หนังเรื่องนี้ต้องมีอะไรใหม่อย่างแน่นอนและมันก็เป็นเช่นนั้น
สมแล้วกับการเข้าชิงถึง 5 สาขาในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 ในสัปดาห์หน้าที่กำลังจะมาถึงนี้
สิ่งที่มันแปลกและพิเศษกว่าเรื่องอื่นที่เคยมีมาก็คือ Glazer ได้นำเสนอความธรรมดาอย่างที่สุด
นั่นคือการใช้ชีวิตประจำวันของครอบครัวนึงที่มีความสุข หากแต่เมื่อข้ามรั้วกำแพงสูง
ทุกอย่างคือสิ่งที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงที่พวกเราทุกคนรับรู้กันมาอยู่แล้ว
นี่ล่ะคือสิ่งที่ทำให้ The Zone of Interest แปลกใหม่กว่าทุกเรื่องที่เคยมีมา
ความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในความรู้สึกของคนดู ที่มีเป็นต้นทุนอยู่แล้วก่อนรับชมเรื่องนี้ จะมีมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ
ในหนังจะไม่มีภาพที่สยดสยอง ไม่มีการฆ่าอะไรให้เห็น แต่ผมเชื่อว่าคุณจะสัมผัสได้
รับรู้ได้ถึงบรรยากาศแห่งความตายที่ลอยละล่องอยู่ในสวนสวรรค์แห่งนี้
มันคือความอึดอัด ความน่าขยะแขยง ความพะอืดพะอม มันถูกผสมปนเปจนเป็นเนื้อเดียวกัน แทบจะหยุดหายใจ....
ยิ่งประกอบกับจุดเด่นที่สุดของหนังในเรื่องนี้ ก็คือเสียง ใช่ครับ.. คุณจะไม่ได้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นนอกกำแพงบ้านหลังนี้
แต่คุณจะได้ยินเสียงต่างๆ ที่ลอยข้ามมา .. ท่ามกลางเสียงสายลมที่พัดต้นไม้ใบหญ้า ในบรรยากาศที่ดูร่มรื่นนั้น
คุณจะได้ยินเสียงเครื่องจักร เสียงกรีดร้องโหยหวน คลอตามมา..
ใช่แล้ว..มันคือเสียงเรียกแห่งความตาย ดวงวิญญาณของคนนับล้านคน!!!!
(ถ้าคุณเคยดูหนังของ เกลเซอร์และหลอนกับซาวน์สุดสะพรึงใน Under the Skin มาแล้ว ..สำหรับผมเรื่องนี้หลอนกว่า)
The Zone of Interest เป็นหนังประวัติศาสตร์สงครามที่ใช้รูปแบบการนำเสนอที่คงไม่มีใครทำเช่นนี้อีกแล้ว
ดังนั้นนี่คือโอกาสที่ดียิ่งถ้าคุณเป็นคนที่เสพงานศิลป์ คุณไม่ควรพลาด ถ้าคุณชอบหนังแนวจิตวิทยาคุณก็ไม่ควรพลาด..
แต่ถ้าคุณชอบหนังแอคชั่นสงคราม หนังเรื่องนี้คงไม่ตอบโจทย์ เพราะคุณจะเห็นแค่ชีวิตครอบครัวนึงที่กินข้าว ชมดอกไม้
ทำกิจกรรมร่วมกันในแต่ละวัน .. คุณอาจจะนึกในใจว่า นี่ตรูเสียเวลามาดูหนังบ้าอะไรเนี่ย...
ดังนั้นหนังเรื่องนี้ถึงจะเป็นหนังที่ดี แต่มันไม่เหมาะกับคนทุกคน
แต่มันถูกจริตกับผมจริงๆ กับความขัดแย้งรุนแรงขั้นสุดเช่นนี้ เสียงหัวเราะ ความโศกเศร้า.. รอยยิ้ม คราบน้ำตา..
ต้นไม้ที่กำลังผลิดอกออกผลและเช่นกันกับหลายชีวิตที่ถูกปลิดปลิวราวกับใบไม้ร่วง....
ความธรรมดาที่ย้อนแย้งกับความโหดร้ายอย่างที่สุดครั้งนึงเท่าที่มนุษยชาติต้องพบเจอ
จิตใจคนยากที่จะหยั่งได้ถึง ไม่มีอะไรที่จะดำมืดได้มากกว่านี้อีกแล้ว ในทุกรอยยิ้ม ในทุกการเคลื่อนไหวที่ธรรมดา..
มือคู่นั้นที่โอบอุ้มชีวิตน้อยๆ ให้ชมดอกไม้ที่สวยงามอยู่กลางสวน..
แต่มือคู่นั้นเช่นกันที่เซ็นอนุมัติพาคนเป็นล้านสู่ประตูแห่งความตายที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้
นี่คือหนังที่เล่นกับใจของคนดู เล่นกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของตัวเรา
และมันคือความสยดสยองที่ทำให้เรารู้สึกได้ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นเลือดเลย..แม้เพียงหยดเดียว...
หลับตาแล้วฟังนะครับ... นึกถึงดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์
นึกถึงแววตาของชาวยิวที่กำลังเดินเข้าสู่ห้องที่ปิดทึบ
โดยที่ไม่มีใครรู้ว่านั่นคือก้าวย่างสุดท้าย ไม่มีใครได้เห็นแสงอาทิตย์อีกเลย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างโกลาหล รวดเร็ว..แน่นอน และจบท้ายด้วยความเงียบงัน...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===