เรื่องแรก IDES of March (2011)
เชือดเฉือนกันด้วยเลห์เหลี่ยม ไม่หักมุมแต่รู้ว่าคนเราจะหักหลังก็คนมันใกล้ตัวนี่แหละ มันไม่ใช่แค่ในวงการเมือง วงการที่ทำงานหรือว่าวงการธุรกิจ มันมีอะไรซ่อนถ้าผลประโยชนไม่ลงตัวเหมือนในหนังที่ ไหนก็ไหนๆแล้วตัวเองก็อยากเป็นผู้จัดการหาเสียง ก็ทำไงละเอาเรื่องกิ๊กที่คบมาแบล็กเมล์ ผู้สมัครประธานาธิบดีมันซะ เพราะว่าผู้สมัครก็แอบกิ๊กแล้วมีส่วนรู้เห็นในการตายซะด้วย แล้วก็ต้องการเขี่ยผู้จัดการหาเสียงคนเก่า นี่แหละวิธีดีที่สุด ตัวเองขึ้นแท่น เหมือนในตัวเรื่องของพระเอกที่บอกว่า ไม่รุ้จะทำอะไรนอกจากการเมืองเพราะว่าอะไรมันหอมหวานไงละ
เรื่องที่สอง Broken City (2013)
อาจดูเป็นหนังอาญชากร ธรรมดาที่ ได้ดาราชื่อดังมาร่วมงาน แต่ว่าไม่สำคัญเท่ากับตัวหนังที่ว่า กระบวนยุติธรรมและการเมืองได้เจ็บแสบที่สุด มาร์ก วอลเบิล รับบทสายสืบบิลลี ทาร์เก็ตของเมืองนิวยอร์คแต่ว่าตัวเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดียิงเด็กอายุ 16 ปีตาย แต่นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กฮุสเตอร์เลอร์ (รัลเซล โคร์ว) ให้ความช่วยเหลือทำให้ตัวเองไม่ต้องติดคก แน่นอนคนไม่พอใจประท้วงเพราะว่าคนที่ยิงเป็นคนผิวสี แต่เมื่อผู้กองของเขาบอกว่า เขาต้องเปลี่ยนอาชีพ เขาก็ทำนักสืบเอกชนมันซะ แล้วก็นายกก็ขอให้ตามสืบเมียตัวเองว่ามีชู้หรือเปล่า แต่เปล่าเรื่องพลิกผันซะนี่ เมียของนายกเทศมนตรีเป็นสายข่าวในเรื่องคอรับชั่นของสามีตัวเอง แล้วอะไรละจะเกิดขึ้น ถามว่าหักมุมแบบหลังหักจากเก้าอี้ ผมบอกว่าไม่แต่ให้ความรู้สึกแบบว่า โอ้วนี่แหละ นักการเมืองตัวจริง
และที่ขาดไม่เลยอาจไม่ใช่หนังแต่เป็นซีรีย์ ที่เป็นเรื่องของการเมืองแบบไม่น่าเบื่อมากๆอีกเรื่องแถมทำให้ผมติด ถ้าได้ดูแล้วจะติดใจกับการแสดงของ เควิน สเปซีย์ ที่รับเป็นนักการเมืองตำแหน่งที่หวังไว้ คือรัฐมนตีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ได้ใช่ไหม ไม่เป็นไร หวังสูงกว่านั้นไปแล้ว ถ้าใครไม่ได้ดูรีบหาดูซะแล้วจะรู้ว่า นักการเมืองไม่ว่าประเทศไหนมันก็พอๆๆกัน
มีคนบอกไว้ว่า “การเมืองไม่ใช่เรื่องของประชาชน แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ระหว่างประชาชนที่คิดว่าเขาดี กับตัวเขาที่ไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองเลว” ดูหนังแล้วบางทีคนที่บ้าการเมืองอาจปลงบ้างก็ได้
ฝาก fanpage ไว้ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/likeitdoitthai
และเว็บล็อก
http://gtnewsthailand.bloggang.com
หนังว่าด้วยการเมืองในรอบสองปีของผม
เชือดเฉือนกันด้วยเลห์เหลี่ยม ไม่หักมุมแต่รู้ว่าคนเราจะหักหลังก็คนมันใกล้ตัวนี่แหละ มันไม่ใช่แค่ในวงการเมือง วงการที่ทำงานหรือว่าวงการธุรกิจ มันมีอะไรซ่อนถ้าผลประโยชนไม่ลงตัวเหมือนในหนังที่ ไหนก็ไหนๆแล้วตัวเองก็อยากเป็นผู้จัดการหาเสียง ก็ทำไงละเอาเรื่องกิ๊กที่คบมาแบล็กเมล์ ผู้สมัครประธานาธิบดีมันซะ เพราะว่าผู้สมัครก็แอบกิ๊กแล้วมีส่วนรู้เห็นในการตายซะด้วย แล้วก็ต้องการเขี่ยผู้จัดการหาเสียงคนเก่า นี่แหละวิธีดีที่สุด ตัวเองขึ้นแท่น เหมือนในตัวเรื่องของพระเอกที่บอกว่า ไม่รุ้จะทำอะไรนอกจากการเมืองเพราะว่าอะไรมันหอมหวานไงละ
เรื่องที่สอง Broken City (2013)
อาจดูเป็นหนังอาญชากร ธรรมดาที่ ได้ดาราชื่อดังมาร่วมงาน แต่ว่าไม่สำคัญเท่ากับตัวหนังที่ว่า กระบวนยุติธรรมและการเมืองได้เจ็บแสบที่สุด มาร์ก วอลเบิล รับบทสายสืบบิลลี ทาร์เก็ตของเมืองนิวยอร์คแต่ว่าตัวเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดียิงเด็กอายุ 16 ปีตาย แต่นายกเทศมนตรีเมืองนิวยอร์กฮุสเตอร์เลอร์ (รัลเซล โคร์ว) ให้ความช่วยเหลือทำให้ตัวเองไม่ต้องติดคก แน่นอนคนไม่พอใจประท้วงเพราะว่าคนที่ยิงเป็นคนผิวสี แต่เมื่อผู้กองของเขาบอกว่า เขาต้องเปลี่ยนอาชีพ เขาก็ทำนักสืบเอกชนมันซะ แล้วก็นายกก็ขอให้ตามสืบเมียตัวเองว่ามีชู้หรือเปล่า แต่เปล่าเรื่องพลิกผันซะนี่ เมียของนายกเทศมนตรีเป็นสายข่าวในเรื่องคอรับชั่นของสามีตัวเอง แล้วอะไรละจะเกิดขึ้น ถามว่าหักมุมแบบหลังหักจากเก้าอี้ ผมบอกว่าไม่แต่ให้ความรู้สึกแบบว่า โอ้วนี่แหละ นักการเมืองตัวจริง
และที่ขาดไม่เลยอาจไม่ใช่หนังแต่เป็นซีรีย์ ที่เป็นเรื่องของการเมืองแบบไม่น่าเบื่อมากๆอีกเรื่องแถมทำให้ผมติด ถ้าได้ดูแล้วจะติดใจกับการแสดงของ เควิน สเปซีย์ ที่รับเป็นนักการเมืองตำแหน่งที่หวังไว้ คือรัฐมนตีว่าการกระทรวงต่างประเทศ แต่ไม่ได้ใช่ไหม ไม่เป็นไร หวังสูงกว่านั้นไปแล้ว ถ้าใครไม่ได้ดูรีบหาดูซะแล้วจะรู้ว่า นักการเมืองไม่ว่าประเทศไหนมันก็พอๆๆกัน
มีคนบอกไว้ว่า “การเมืองไม่ใช่เรื่องของประชาชน แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ ระหว่างประชาชนที่คิดว่าเขาดี กับตัวเขาที่ไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองเลว” ดูหนังแล้วบางทีคนที่บ้าการเมืองอาจปลงบ้างก็ได้
ฝาก fanpage ไว้ด้วยนะครับ https://www.facebook.com/likeitdoitthai
และเว็บล็อก http://gtnewsthailand.bloggang.com