สวัสดีค่ะ คือเราอยากมาแชร์ประสบการณ์การเดินทางกับสายกับบิน low cost ที่เปิดใหม่ในบ้านเรา ก็คือสายการบิน "Thai Lion Air"
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าเรายืม ล๊อคอินเพื่อนมาใช้ เราไม่มีล๊อคอินส่วนตัวในพันทิปค่ะ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ ...
อย่างที่หลายๆคนทราบกันดีว่าสายการบิน Thai Lion Air เป็นสายการบินที่เปิดใหม่ ราคาเรียกได้ว่าเกือบถูกที่สุดที่มีอยู่ในบ้านเรา และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ราคาพอๆกับรถทัวร์ หรือบางไฟลต์ บางเวลาอาจจะถูกกว่านั่งรถทัวร์ก็เป็นไปได้ เราก็เป็นคนนึงได้เลือกสายการบินนี้ เพราะอย่างแรกคือราคาประหยัด และอย่างที่สองคือมันมีบริการเหมือนสายการบินทั่วๆไป คือโหลดกระเป๋าได้ฟรี 15 กก.ต่อหนึ่งที่นั่ง และอย่างที่สามคือประหยัดเวลาค่ะ
เรากับแฟนได้จองตั๋วไปเชียงใหม่ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาด้วยสายการบิน thai lion air ในราคาคนละ 1800 บาท (ไป-กลับ) จองไว้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานู้นนนนน ตอนขาไป มีเหตุขัดข้องนิดหน่อย แฟนเราเดินทางไปก่อน เราเลยต้องเดินทางคนเดียวด้วยเครื่องบินที่จองไว้ตั้งแต่แรก การเดินทางครั้งนี้บอกเลยว่ารู้สึกดีค่ะ เครื่อง take-off and landing ดีพอสมควร เครื่องถึงตรงเวลา บริการบนเครื่องก็ปกติ ไม่มีเสิร์ฟของว่างให้แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรก็เป็นไปตามราคาและเป็นระยะเดินทางใกล้ๆคะ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงประมาณนั้น กระเป๋าก็โหลดเอาค่ะ
หลังจากนั้นวันที่ 20 เมษา 57 เราก็มีกำหนดกลับเชียงใหม่-กรุงเทพ ด้วยไฟลต์บิน SL8509 เครื่องออกจากเชียงใหม่ 16:15 น. เราก็ไปเช็คอินตอนบ่ายสามตรงเป๊ะๆกับแฟน (คราวนี้กลับมาด้วยกันละ) พร้อมทั้งโหลดกระเป๋าใบเดิมพลาสติกล้อลาก 1 ใบ และกระเป๋าเป้ของแฟนเรา 1 ใบ โหลดไปปปเต็มที่ 2 คน 2 ใบ และก้ไปหาของกินสบายใจเฉิบ ถึงเวลาก้ขึ้นเครื่องกลับมากทม.
พอมาถึงกทม.ที่สนามบินดอนเมือง เราก็รอโหลดกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋าเราก็ออกมาปกติเหมือนทั่วๆไป แต่พอมันเลื่อนจะถึงหน้าเรา ปรากฏว่าเราเห็นว่า กระเป๋าด้านหลังมันแตก คือแตกและบุ๋มลงไป เราก้เริ่มอารมณ์เสียว่ากระเป๋าใบนี้ใช้มา 2-3 ปี โหลดลงใต้เครื่องทุกครั้งไม่เคยเป็นไรเลย แต่นี่คือแตก!!!!!!!!!!!!! เราก้เลยทิ้งแฟนเรารอเป้ของเค้า และเราก้ลากกระเป๋าของเราไปหาเจ้าหน้าที่ของทางสายการบิน thai lion air ที่อยู่ใกล้ที่สุดสายพาน เราก้ถามเค้าไปว่า "โหลดกระเป๋ามากับเครื่องแล้วกระเป๋ามันแตก ทำยังไงได้บ้างค่ะ" พนักงานก็ทำหน้าแบบเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ แล้วก้บอกกลับมาว่า "เดี๋ยวขอถ่ายรูปส่งไปให้ทางหัวหน้าดูก่อนนะคะ ว่าทำอะไรได้บ้าง" ระหว่างนั้นแฟนเราก้เดินมาพอดี ก็ยืนรอว่าทำยังไงได้บ้าง พนักงานก็ถ่ายรูปไปใช้มือถือถ่าย แล้วก็มาบอกว่า "กรณีนี้ทางเรารับผิดชอบเรื่องนี้ได้แค่ 200 บาท (สองร้อยบาทถ้วนๆ)" พนักงานก็ได้แต่พูดว่า "ก็เข้าใจคุณลูกค้านะคะ ถ้าเป็นเราก้คงไม่โอเค แต่นี่ก็ทำดีที่สุดแล้วค่ะ" เราก็ถามว่า "เพราะว่าสายการบินของคุณเป็นสายการบิน low cost รึป่าวค่ะ เลยรับผิดชอบได้แค่นี้" พนักงานตอบกลับมาว่า "ใช่ค่ะ" เราสตั๊นไป 3 วิกับคำตอบเลยบอกว่า งั้นเราขอคุยกับหัวหน้า หรือผู้มีอำนาจมากกว่าคุณในการรับผิดชอบเรื่องกระเป๋า พนักงานรีบบอกกลับมาว่า "ฝากเรื่องไว้ที่ดิฉันได้เลยคะ นี่เป็นอำนาจสูงสุดในการชดเชยค่าเสียหายแล้ว" เราก็เลยโทรไปที่ call center ของ thai lion air 02-1429988 ก็มีพนักงานรับสาย และก็แนะนำว่าในกรณีให้ทำเป็นจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามาทาง info@lionairthai.com ติดต่อร้องเรียนได้ผ่านทางนี้ทางเดียวค่ะ" เราเลยถามต่อไปว่าแล้วยังไงคะ ถ้าส่งจดหมายไปแล้วยังไงต่อ จะขอติดต่อกับผู้มีอำนาจในการรับผิดชอบคะ" call center ตอบกลับมาว่า "ก็ต้องเป็นทางนี้แหละคะ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วันทำการ อาจจะมีคนรับเรื่องและติดต่อกลับไป" บอกตรงๆว่าเงิบค่ะ เราเลยวางสาย และก็หันมาคุยพนักงานที่ยืนอยู่ พนักงานคนนั้นก็ได้บอกว่า "งั้นก็ต้องตามที่ call center แนะนำคะ คือส่งเรื่องไป ถ้ามีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆทางผู้ใหญ่อาจจะลงมาดูปัญหามากขึ้นก็ได้ค่ะ" เราตอบไปกลับแบบไม่คิดว่า "ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกกี่ครั้งค่ะ 10 ครั้งหรือ 100 ครั้ง ทางสายการบินคุณจึงจะรับผิดชอบมากกว่านี้" ซึ่งก็ได้คำตอบแบบเดิมๆว่า ทำดีที่สุดแล้ว กรณีนี้ชดเชยได้แค่ 200 บาท ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ เข้าใจค่ะ แต่ทำได้เท่านี้ ... เถียงไปเถียงมา โค่ดเซงค่ะบอกเลยยยย เดินทางถูกจริง แต่ไม่คุ้มกระเป๋าพังค่ะ เสียเวลา เสียความรู้สึกด้วย !!!!
(ปล.นี่เป็นรูปกระเป๋าเราที่แตก กระเป๋าใบนี้ได้มาจากการซื้อของในดิวตี้ครบ 25,000 หรือ 50,000 นี่แหละคะ เลยได้ใบนี้มา)
และตอนนั้นเราก็ยืนมองกระเป๋าที่มันแตกอยู่ มองไปก็ถามหาความรับผิดชอบไป ก็มองมันใกล้ๆมองไปมองมา สายตาดีหรือมีคนมาตบหน้าให้เห็นก็ไม่รู้ สติ๊กเกอร์สีเขียวที่เจ้าหน้าที่จากสนามบินเชียงใหม่แปะเวลาสแกนกระเป๋าเข้าสนามบินมันขาดค่ะ!!! มันขาดตรงซิปพอดิบพอดี!!!!! เราเลยปากไว ถามว่า "สติ๊กเกอร์ที่ขาดนี่คืออะไรค่ะ ขาดตรงซิปคืออะไร" ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายใส่เสื้อสีขาวตอบกลับมาว่า "มันอาจจะเกี่ยวกับของอย่างอื่นตอนโหลดกระเป๋าแล้วขาดก็ได้ครับ" เราก็เลยบอกว่าไป "เราเดินทางโดยเครื่องบินบ่อย เราโหลดกระเป๋าทุกครั้ง สติ๊กเกอร์ไม่เคยขาด" เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ทำหน้าเจื่อนๆและหลบสายตาไป และพนักงานของสายการบินก้บอกว่า ให้ลูกค้าตรวจเช็คของก่อนว่ามีอะไรหายมั้ย เราก็จะเปิดค่ะ แต่ปรากฏว่า รหัสหน้ากระเป๋าเปลี่ยนไป เราล๊อคกระเป๋าเสร็จจะตั้งไว้ที่ 246 ทุกครั้ง แต่นี่เป็นรหัส 000 คือรหัสเปิดกระเป๋าของเรา พอเปิดออกมาอย่างแรกที่เราดูคือ เครื่องสำอาง และเราก็ดูแบบรีบๆว่ามีอะไรแตกมั้ยหรือยังไง ก็คือไม่มีอะไรแตก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรหายมั้ย แล้วก็ปิดกระเป๋า (อันนี้ยอมรับว่ากำลังปี๊ดแตกกับการรับผิดชอบของสายการบินนี้ และดูของในกระเป๋าไม่ละเอียดพอ ก้ปิดกระเป๋ามาคุยกับพนักงานต่อ) หลังจากเถียงไปมา ก็โค่ดเซงและเบื่อมากเพราะได้แต่คำตอบเดิมๆเหมือนท่งมาตอบ หน้าตาพนักงานดูตายๆแบบประมาณว่าโดนแบบนี้บ่อยแล้ว ก็เลยคิดว่าเป็นคราวซวยของเรา อาจจะเป็นเพราะเบญจเพศหาเหตุผลอะไรก้แล้วแต่มาปลอบใจตัวเอง เลยชั่งมันค่ะ แตกก็ซื้อใหม่ ฟาดเคราะห์ไป และก็ตกลงรับเงินมา 200 บาท เป็นค่า taxi กลับบ้านละกัน และระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสแกนบัตรประชาชน เซ็นใบรับเงินอะไรนี้ เราก้เลยถามไปว่า "กระเป๋าที่สติ๊กเกอร์ขาด โดนเปิดกระเป๋า โดนค้นนี่คือต้องทำไงคะ รับผิดชอบไรได้บ้าง" พนักงานยิ้ม และตอบกลับว่า "ก็ลองร้องเรียนผ่านไปทาง info พร้อมเรื่องกระเป๋าแตกแล้วกันนะคะ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง" .....
(ปล. นี่เป็นรูปสติ๊กเกอร์ที่ขาดตรงซิปที่เราบอก แต่ว่าอันนี้เป็นรูปหลังเราเปิดประเป๋าดูแล้ว)
หลังจากรับเงินละก้เดินออกมาก ก็ไปขึ้นรถ taxi ตามปกติ ก็มากินข้าว กลับบ้าน .. พอมาถึงบ้านเราก้จัดการเคลียเสื้อผ้าในกระเป๋า และก็ตรวจดูของอีกครั้งว่าทุกอย่างยังอยู่ครบดีมั้ย โดยเฉพาะเครื่องสำอางนี่หวงสุดเพราะมันก้ร่วมสองหมื่นนะในกระเป๋าใบนั้น .. แต่แล้วน้ำตาก็แทบไหล เมื่อดูในกระเป๋าเครื่องสำอาง แป้ง burberry ตลับใหม่ เพิ่งถอยมาจากญี่ปุ่น ใช้ไปไม่ถึง 5 ครั้ง มันหายไป และ อายไลเนอร์ mac ที่เป็นเจลๆ เป็นกระปุกใช้ไปค่อนกระปุกละ หายค่ะ หายยยยยยยยยยยยยยย !!!! หายไปไหนคะ คำตอบคือไม่รู้เหมือนกันค่ะ กระเป๋าใส่ที่เช็คเครื่องสำอางเปียกชุ่มไปด้วยที่เช็ดเครื่องสำอางที่ปิดไม่แน่น ไหลลงสู่ไดร์เป่าผม ชุ่มไปด้วยที่เช็ดเครื่องสำอาง เซงคะ .. เพราะก่อนออกจากโรงแรมเช็คทุกอย่างเองกับมือ เก็บของเองทุกอย่างกับมือ ไม่มีตกหล่นแน่นอน ที่เช็คเครื่องสำอาง ปิดสนิทแน่นอนเพราะหมุนสองสามรอบ .. บอกนี้บอกเลยคะ ว่าเซงและเสียความรู้สึกมากๆ
เราได้โพสคร่าวๆลงใน facebook ของ thai lion air แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือตอบกลับอะไร ทั้งๆที่เราเข้าไปดูก็เห็นมีแอดมินมาตอบคนอื่น อันนี้เราก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว แต่เราก็ทำเป็นจดหมายลายลักษณ์อักษรส่งไปที่ info ที่เค้าแนะนำแล้ว .. ตอนนี้ไม่อยากได้เครื่องสำอางคืน แต่แค่รู้สึกว่าอยากได้การรับผิดชอบมากกว่านี้ ทั้งเรื่องกระเป๋าแตก และก็กระเป๋าโดนค้น โดนรื้อ รวมไปถึงของหาย ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้อยากได้ของคืน อยากได้รับการรับผิดชอบจากสายการบิน !!!
และอยากให้กรณีของเราเป็นกรณีศึกษา กรณีตัวอย่าง กรณีแบ่งปัน และเป็นกรณีสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น!!
สุดท้ายนี้เราคิดว่า เราที่สายการบินราคาประหยัด ทำราคาออกมาให้คนเข้าถึงได้ ควรมีมาตรฐานในระบบการทำงาน การบริการ และความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ "สายการบินราคาประหยัด ไม่จำเป็นต้องประหยักมาตรฐานและคุณภาพตามราคา"
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ ยาวไปหน่อย แต่อยากเล่าแบบละเอียดๆ .. ขอให้ทุกคนเซฟทรัพย์สินและของมีค่าไว้กับตัวให้ดีๆ เพราะว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขอบคุณค่ะ
*** ขอแก้ไขนะคะ .. คือประเด็นที่เราเอามาแชร์ เราไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่กระเป๋าแตกเพิ่มเติมอะไร แต่ประเด็นคือ กระเป๋าเราโดนค้น และของเราก็หายไป แล้วเราก็อยากให้ทาง thai lion air สนใจกับกรณีทุกกรณีที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราเห็นว่าเขานิ่งเฉย และเราก็ได้ทำจดหมายร้องเรียนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนทาง call center ไม่รับเรื่องร้องเรียน ให้ส่งเป็นอีเมลล์ไปคะ .. กระเป๋าที่ใช้ได้รับการชดเชยเป็นจำนวนเงิน 200 บาท ซึ่งไม่แน่ใจในเรื่องของระบบการทำงานของสายการบินคะ ส่วนเรื่องที่ซื้อประกันกระเป๋าเพิ่ม อันนี้ของ thai lion air เราไม่เห็นว่ามีให้กดซื้อเพิ่ม เราเห็นมีแต่กดไฟลต์บินไป และก็มีให้กรอกข้อมูลพร้อมกับว่าจะจ่ายตังอย่างไรและกฎของสายการบิน .. ถ้าเราตกหล่นอะไร ขอโทษด้วยนะคะ แต่เจตนาคืออยากแชร์เรื่องกระเป๋าที่โดนค้นและของหายคะ ขอบคุณค่ะ ***
Thai Lion Air : มาตรฐาน บริการ และความรับผิดชอบ "low cost" สมตามราคา.
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่าเรายืม ล๊อคอินเพื่อนมาใช้ เราไม่มีล๊อคอินส่วนตัวในพันทิปค่ะ เริ่มเลยแล้วกันนะคะ ...
อย่างที่หลายๆคนทราบกันดีว่าสายการบิน Thai Lion Air เป็นสายการบินที่เปิดใหม่ ราคาเรียกได้ว่าเกือบถูกที่สุดที่มีอยู่ในบ้านเรา และทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ราคาพอๆกับรถทัวร์ หรือบางไฟลต์ บางเวลาอาจจะถูกกว่านั่งรถทัวร์ก็เป็นไปได้ เราก็เป็นคนนึงได้เลือกสายการบินนี้ เพราะอย่างแรกคือราคาประหยัด และอย่างที่สองคือมันมีบริการเหมือนสายการบินทั่วๆไป คือโหลดกระเป๋าได้ฟรี 15 กก.ต่อหนึ่งที่นั่ง และอย่างที่สามคือประหยัดเวลาค่ะ
เรากับแฟนได้จองตั๋วไปเชียงใหม่ ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาด้วยสายการบิน thai lion air ในราคาคนละ 1800 บาท (ไป-กลับ) จองไว้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานู้นนนนน ตอนขาไป มีเหตุขัดข้องนิดหน่อย แฟนเราเดินทางไปก่อน เราเลยต้องเดินทางคนเดียวด้วยเครื่องบินที่จองไว้ตั้งแต่แรก การเดินทางครั้งนี้บอกเลยว่ารู้สึกดีค่ะ เครื่อง take-off and landing ดีพอสมควร เครื่องถึงตรงเวลา บริการบนเครื่องก็ปกติ ไม่มีเสิร์ฟของว่างให้แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรก็เป็นไปตามราคาและเป็นระยะเดินทางใกล้ๆคะ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงประมาณนั้น กระเป๋าก็โหลดเอาค่ะ
หลังจากนั้นวันที่ 20 เมษา 57 เราก็มีกำหนดกลับเชียงใหม่-กรุงเทพ ด้วยไฟลต์บิน SL8509 เครื่องออกจากเชียงใหม่ 16:15 น. เราก็ไปเช็คอินตอนบ่ายสามตรงเป๊ะๆกับแฟน (คราวนี้กลับมาด้วยกันละ) พร้อมทั้งโหลดกระเป๋าใบเดิมพลาสติกล้อลาก 1 ใบ และกระเป๋าเป้ของแฟนเรา 1 ใบ โหลดไปปปเต็มที่ 2 คน 2 ใบ และก้ไปหาของกินสบายใจเฉิบ ถึงเวลาก้ขึ้นเครื่องกลับมากทม.
พอมาถึงกทม.ที่สนามบินดอนเมือง เราก็รอโหลดกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋าเราก็ออกมาปกติเหมือนทั่วๆไป แต่พอมันเลื่อนจะถึงหน้าเรา ปรากฏว่าเราเห็นว่า กระเป๋าด้านหลังมันแตก คือแตกและบุ๋มลงไป เราก้เริ่มอารมณ์เสียว่ากระเป๋าใบนี้ใช้มา 2-3 ปี โหลดลงใต้เครื่องทุกครั้งไม่เคยเป็นไรเลย แต่นี่คือแตก!!!!!!!!!!!!! เราก้เลยทิ้งแฟนเรารอเป้ของเค้า และเราก้ลากกระเป๋าของเราไปหาเจ้าหน้าที่ของทางสายการบิน thai lion air ที่อยู่ใกล้ที่สุดสายพาน เราก้ถามเค้าไปว่า "โหลดกระเป๋ามากับเครื่องแล้วกระเป๋ามันแตก ทำยังไงได้บ้างค่ะ" พนักงานก็ทำหน้าแบบเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ แล้วก้บอกกลับมาว่า "เดี๋ยวขอถ่ายรูปส่งไปให้ทางหัวหน้าดูก่อนนะคะ ว่าทำอะไรได้บ้าง" ระหว่างนั้นแฟนเราก้เดินมาพอดี ก็ยืนรอว่าทำยังไงได้บ้าง พนักงานก็ถ่ายรูปไปใช้มือถือถ่าย แล้วก็มาบอกว่า "กรณีนี้ทางเรารับผิดชอบเรื่องนี้ได้แค่ 200 บาท (สองร้อยบาทถ้วนๆ)" พนักงานก็ได้แต่พูดว่า "ก็เข้าใจคุณลูกค้านะคะ ถ้าเป็นเราก้คงไม่โอเค แต่นี่ก็ทำดีที่สุดแล้วค่ะ" เราก็ถามว่า "เพราะว่าสายการบินของคุณเป็นสายการบิน low cost รึป่าวค่ะ เลยรับผิดชอบได้แค่นี้" พนักงานตอบกลับมาว่า "ใช่ค่ะ" เราสตั๊นไป 3 วิกับคำตอบเลยบอกว่า งั้นเราขอคุยกับหัวหน้า หรือผู้มีอำนาจมากกว่าคุณในการรับผิดชอบเรื่องกระเป๋า พนักงานรีบบอกกลับมาว่า "ฝากเรื่องไว้ที่ดิฉันได้เลยคะ นี่เป็นอำนาจสูงสุดในการชดเชยค่าเสียหายแล้ว" เราก็เลยโทรไปที่ call center ของ thai lion air 02-1429988 ก็มีพนักงานรับสาย และก็แนะนำว่าในกรณีให้ทำเป็นจดหมายเป็นลายลักษณ์อักษรเข้ามาทาง info@lionairthai.com ติดต่อร้องเรียนได้ผ่านทางนี้ทางเดียวค่ะ" เราเลยถามต่อไปว่าแล้วยังไงคะ ถ้าส่งจดหมายไปแล้วยังไงต่อ จะขอติดต่อกับผู้มีอำนาจในการรับผิดชอบคะ" call center ตอบกลับมาว่า "ก็ต้องเป็นทางนี้แหละคะ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วันทำการ อาจจะมีคนรับเรื่องและติดต่อกลับไป" บอกตรงๆว่าเงิบค่ะ เราเลยวางสาย และก็หันมาคุยพนักงานที่ยืนอยู่ พนักงานคนนั้นก็ได้บอกว่า "งั้นก็ต้องตามที่ call center แนะนำคะ คือส่งเรื่องไป ถ้ามีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆทางผู้ใหญ่อาจจะลงมาดูปัญหามากขึ้นก็ได้ค่ะ" เราตอบไปกลับแบบไม่คิดว่า "ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกกี่ครั้งค่ะ 10 ครั้งหรือ 100 ครั้ง ทางสายการบินคุณจึงจะรับผิดชอบมากกว่านี้" ซึ่งก็ได้คำตอบแบบเดิมๆว่า ทำดีที่สุดแล้ว กรณีนี้ชดเชยได้แค่ 200 บาท ต้องขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ เข้าใจค่ะ แต่ทำได้เท่านี้ ... เถียงไปเถียงมา โค่ดเซงค่ะบอกเลยยยย เดินทางถูกจริง แต่ไม่คุ้มกระเป๋าพังค่ะ เสียเวลา เสียความรู้สึกด้วย !!!!
(ปล.นี่เป็นรูปกระเป๋าเราที่แตก กระเป๋าใบนี้ได้มาจากการซื้อของในดิวตี้ครบ 25,000 หรือ 50,000 นี่แหละคะ เลยได้ใบนี้มา)
และตอนนั้นเราก็ยืนมองกระเป๋าที่มันแตกอยู่ มองไปก็ถามหาความรับผิดชอบไป ก็มองมันใกล้ๆมองไปมองมา สายตาดีหรือมีคนมาตบหน้าให้เห็นก็ไม่รู้ สติ๊กเกอร์สีเขียวที่เจ้าหน้าที่จากสนามบินเชียงใหม่แปะเวลาสแกนกระเป๋าเข้าสนามบินมันขาดค่ะ!!! มันขาดตรงซิปพอดิบพอดี!!!!! เราเลยปากไว ถามว่า "สติ๊กเกอร์ที่ขาดนี่คืออะไรค่ะ ขาดตรงซิปคืออะไร" ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายใส่เสื้อสีขาวตอบกลับมาว่า "มันอาจจะเกี่ยวกับของอย่างอื่นตอนโหลดกระเป๋าแล้วขาดก็ได้ครับ" เราก็เลยบอกว่าไป "เราเดินทางโดยเครื่องบินบ่อย เราโหลดกระเป๋าทุกครั้ง สติ๊กเกอร์ไม่เคยขาด" เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ทำหน้าเจื่อนๆและหลบสายตาไป และพนักงานของสายการบินก้บอกว่า ให้ลูกค้าตรวจเช็คของก่อนว่ามีอะไรหายมั้ย เราก็จะเปิดค่ะ แต่ปรากฏว่า รหัสหน้ากระเป๋าเปลี่ยนไป เราล๊อคกระเป๋าเสร็จจะตั้งไว้ที่ 246 ทุกครั้ง แต่นี่เป็นรหัส 000 คือรหัสเปิดกระเป๋าของเรา พอเปิดออกมาอย่างแรกที่เราดูคือ เครื่องสำอาง และเราก็ดูแบบรีบๆว่ามีอะไรแตกมั้ยหรือยังไง ก็คือไม่มีอะไรแตก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรหายมั้ย แล้วก็ปิดกระเป๋า (อันนี้ยอมรับว่ากำลังปี๊ดแตกกับการรับผิดชอบของสายการบินนี้ และดูของในกระเป๋าไม่ละเอียดพอ ก้ปิดกระเป๋ามาคุยกับพนักงานต่อ) หลังจากเถียงไปมา ก็โค่ดเซงและเบื่อมากเพราะได้แต่คำตอบเดิมๆเหมือนท่งมาตอบ หน้าตาพนักงานดูตายๆแบบประมาณว่าโดนแบบนี้บ่อยแล้ว ก็เลยคิดว่าเป็นคราวซวยของเรา อาจจะเป็นเพราะเบญจเพศหาเหตุผลอะไรก้แล้วแต่มาปลอบใจตัวเอง เลยชั่งมันค่ะ แตกก็ซื้อใหม่ ฟาดเคราะห์ไป และก็ตกลงรับเงินมา 200 บาท เป็นค่า taxi กลับบ้านละกัน และระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังสแกนบัตรประชาชน เซ็นใบรับเงินอะไรนี้ เราก้เลยถามไปว่า "กระเป๋าที่สติ๊กเกอร์ขาด โดนเปิดกระเป๋า โดนค้นนี่คือต้องทำไงคะ รับผิดชอบไรได้บ้าง" พนักงานยิ้ม และตอบกลับว่า "ก็ลองร้องเรียนผ่านไปทาง info พร้อมเรื่องกระเป๋าแตกแล้วกันนะคะ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงได้บ้าง" .....
(ปล. นี่เป็นรูปสติ๊กเกอร์ที่ขาดตรงซิปที่เราบอก แต่ว่าอันนี้เป็นรูปหลังเราเปิดประเป๋าดูแล้ว)
หลังจากรับเงินละก้เดินออกมาก ก็ไปขึ้นรถ taxi ตามปกติ ก็มากินข้าว กลับบ้าน .. พอมาถึงบ้านเราก้จัดการเคลียเสื้อผ้าในกระเป๋า และก็ตรวจดูของอีกครั้งว่าทุกอย่างยังอยู่ครบดีมั้ย โดยเฉพาะเครื่องสำอางนี่หวงสุดเพราะมันก้ร่วมสองหมื่นนะในกระเป๋าใบนั้น .. แต่แล้วน้ำตาก็แทบไหล เมื่อดูในกระเป๋าเครื่องสำอาง แป้ง burberry ตลับใหม่ เพิ่งถอยมาจากญี่ปุ่น ใช้ไปไม่ถึง 5 ครั้ง มันหายไป และ อายไลเนอร์ mac ที่เป็นเจลๆ เป็นกระปุกใช้ไปค่อนกระปุกละ หายค่ะ หายยยยยยยยยยยยยยย !!!! หายไปไหนคะ คำตอบคือไม่รู้เหมือนกันค่ะ กระเป๋าใส่ที่เช็คเครื่องสำอางเปียกชุ่มไปด้วยที่เช็ดเครื่องสำอางที่ปิดไม่แน่น ไหลลงสู่ไดร์เป่าผม ชุ่มไปด้วยที่เช็ดเครื่องสำอาง เซงคะ .. เพราะก่อนออกจากโรงแรมเช็คทุกอย่างเองกับมือ เก็บของเองทุกอย่างกับมือ ไม่มีตกหล่นแน่นอน ที่เช็คเครื่องสำอาง ปิดสนิทแน่นอนเพราะหมุนสองสามรอบ .. บอกนี้บอกเลยคะ ว่าเซงและเสียความรู้สึกมากๆ
เราได้โพสคร่าวๆลงใน facebook ของ thai lion air แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อหรือตอบกลับอะไร ทั้งๆที่เราเข้าไปดูก็เห็นมีแอดมินมาตอบคนอื่น อันนี้เราก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว แต่เราก็ทำเป็นจดหมายลายลักษณ์อักษรส่งไปที่ info ที่เค้าแนะนำแล้ว .. ตอนนี้ไม่อยากได้เครื่องสำอางคืน แต่แค่รู้สึกว่าอยากได้การรับผิดชอบมากกว่านี้ ทั้งเรื่องกระเป๋าแตก และก็กระเป๋าโดนค้น โดนรื้อ รวมไปถึงของหาย ย้ำอีกครั้งว่าไม่ได้อยากได้ของคืน อยากได้รับการรับผิดชอบจากสายการบิน !!!
และอยากให้กรณีของเราเป็นกรณีศึกษา กรณีตัวอย่าง กรณีแบ่งปัน และเป็นกรณีสุดท้ายที่จะเกิดขึ้น!!
สุดท้ายนี้เราคิดว่า เราที่สายการบินราคาประหยัด ทำราคาออกมาให้คนเข้าถึงได้ ควรมีมาตรฐานในระบบการทำงาน การบริการ และความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ "สายการบินราคาประหยัด ไม่จำเป็นต้องประหยักมาตรฐานและคุณภาพตามราคา"
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ ยาวไปหน่อย แต่อยากเล่าแบบละเอียดๆ .. ขอให้ทุกคนเซฟทรัพย์สินและของมีค่าไว้กับตัวให้ดีๆ เพราะว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขอบคุณค่ะ
*** ขอแก้ไขนะคะ .. คือประเด็นที่เราเอามาแชร์ เราไม่ได้ต้องการจะเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่กระเป๋าแตกเพิ่มเติมอะไร แต่ประเด็นคือ กระเป๋าเราโดนค้น และของเราก็หายไป แล้วเราก็อยากให้ทาง thai lion air สนใจกับกรณีทุกกรณีที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราเห็นว่าเขานิ่งเฉย และเราก็ได้ทำจดหมายร้องเรียนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนทาง call center ไม่รับเรื่องร้องเรียน ให้ส่งเป็นอีเมลล์ไปคะ .. กระเป๋าที่ใช้ได้รับการชดเชยเป็นจำนวนเงิน 200 บาท ซึ่งไม่แน่ใจในเรื่องของระบบการทำงานของสายการบินคะ ส่วนเรื่องที่ซื้อประกันกระเป๋าเพิ่ม อันนี้ของ thai lion air เราไม่เห็นว่ามีให้กดซื้อเพิ่ม เราเห็นมีแต่กดไฟลต์บินไป และก็มีให้กรอกข้อมูลพร้อมกับว่าจะจ่ายตังอย่างไรและกฎของสายการบิน .. ถ้าเราตกหล่นอะไร ขอโทษด้วยนะคะ แต่เจตนาคืออยากแชร์เรื่องกระเป๋าที่โดนค้นและของหายคะ ขอบคุณค่ะ ***