ในที่สุด "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ผลงานภาพยนตร์แห่งอิสรภาพโดยท่านมุ้ย ก็ดำเนินมาถึงศึกยุทธหัตถี และบั้นปลายชีวิตของพระองค์ดำ ที่จะผ่านสายตาของผู้ชมคนไทยในปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ โดยกำหนดวันฉายคือ ๒๙ พฤษภาคม ปีนี้ ต้อนรับเปิดเทอมพอดี
ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่ทุ่มทุนอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ ทุลักทุเลที่สุด และเสียเวลารอคอยนานที่สุดในรอบทศวรรษนี้ คงไม่มีใครเกิน "นเรศวรฯ" ตอน "ยุทธหัตถี" หรือจะเรียกชื่อหนังให้ดูกะทัดรัดว่า "ยุทธหัตถี" ก็ได้
ดีใจที่สุดคือหนังจะได้ฉายแล้ว แต่เสียดายที่สุดเห็นจะเป็นการประกาศว่า จะเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายที่ถ่ายทำด้วยแผ่นฟิล์ม ซึ่งมีข้อดีคือให้ภาพที่สวยสด คมชัด สะอาดตากว่าหนังไทยที่ฉายทั่วไปในยุคดิจิตอล แต่จะเป็นจริงหรือแค่พูดก็ต้องพิสูจน์กันบนหน้าประวัติศาสตร์หนังไทย
ข่าวความเคลื่อนไหวของเรื่องนี้ก็ประกาศไว้แล้ว รวมถึงได้ส่งภาพใบปิดต่างๆ และทีเซอร์ความยาวหนึ่งนาทีครึ่ง ออกมาเรียกน้ำย่อย ก่อนจะค่อยเรียกน้ำใหญ่ว่าจะเรียกความยิ่งใหญ่ทั้งหน้าหนังและในหนังให้ผู้ชมได้สักเพียงใด เชื่อว่าคงไม่อ่อนโปรโมทเหมือนหนังที่ทำรายได้แค่ล้านสองล้านหรือหนังที่ไม่ดึงดูดตาดูดใจมหาชนเพราะดารานักแสดงแน่นอน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังชุดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หนังไทยที่ทำรายได้รวมเฉียดพันล้านบาท ก็ต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลัง ทั้งคนทำและคนดูจะร่วมเป็นพยานด้วยกัน
ว่าบทสุดท้ายของหนังไทยระบบฟิล์ม คือ "ยุทธหัตถี" ใช่หรือไม่?
และจะช่วยต่อลมหายใจของคนทำหนังทุกระดับให้ทำหนังด้วยระบบฟิล์มอีกไหม ..ถ้าไม่มีคำว่าตกยุค
เตรียมนับถอยหลัง "นเรศวรฯ" ตอน "ยุทธหัตถี" ภาพยนตร์ฟิล์มเรื่องสุดท้ายของประเทศ(จริงหรือ?)
ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่ทุ่มทุนอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ ทุลักทุเลที่สุด และเสียเวลารอคอยนานที่สุดในรอบทศวรรษนี้ คงไม่มีใครเกิน "นเรศวรฯ" ตอน "ยุทธหัตถี" หรือจะเรียกชื่อหนังให้ดูกะทัดรัดว่า "ยุทธหัตถี" ก็ได้
ดีใจที่สุดคือหนังจะได้ฉายแล้ว แต่เสียดายที่สุดเห็นจะเป็นการประกาศว่า จะเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องสุดท้ายที่ถ่ายทำด้วยแผ่นฟิล์ม ซึ่งมีข้อดีคือให้ภาพที่สวยสด คมชัด สะอาดตากว่าหนังไทยที่ฉายทั่วไปในยุคดิจิตอล แต่จะเป็นจริงหรือแค่พูดก็ต้องพิสูจน์กันบนหน้าประวัติศาสตร์หนังไทย
ข่าวความเคลื่อนไหวของเรื่องนี้ก็ประกาศไว้แล้ว รวมถึงได้ส่งภาพใบปิดต่างๆ และทีเซอร์ความยาวหนึ่งนาทีครึ่ง ออกมาเรียกน้ำย่อย ก่อนจะค่อยเรียกน้ำใหญ่ว่าจะเรียกความยิ่งใหญ่ทั้งหน้าหนังและในหนังให้ผู้ชมได้สักเพียงใด เชื่อว่าคงไม่อ่อนโปรโมทเหมือนหนังที่ทำรายได้แค่ล้านสองล้านหรือหนังที่ไม่ดึงดูดตาดูดใจมหาชนเพราะดารานักแสดงแน่นอน ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังชุดตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หนังไทยที่ทำรายได้รวมเฉียดพันล้านบาท ก็ต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มกำลัง ทั้งคนทำและคนดูจะร่วมเป็นพยานด้วยกัน
ว่าบทสุดท้ายของหนังไทยระบบฟิล์ม คือ "ยุทธหัตถี" ใช่หรือไม่?
และจะช่วยต่อลมหายใจของคนทำหนังทุกระดับให้ทำหนังด้วยระบบฟิล์มอีกไหม ..ถ้าไม่มีคำว่าตกยุค