หลังจากมีข่าวเลื่อนฉายอยู่หลายหน ในที่สุด ประชาชนชาวไทยก็จะได้ชม “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี” กันเสียที
เรื่องราวที่ขมวดปมเข้ามาทุกทีเพื่อจะนำไปสู่บทสุดท้าย นั่นคือ การที่สมเด็จพระนเรศวรรบบนหลังช้างกระทำยุทธหัตถีกับมังสามเกียด ราชโอรสแห่งพระเจ้านันทบุเรง
พระเจ้านันทบุเรงพยายามยิ่งที่จะตีอโยธยาศรีรามนครที่ท่านมองว่าเป็นเพียงเมืองกบฏให้แตกเป็นเสี่ยง ถึงขึ้นยกทัพมาตั้งค่ายตั้งท่าโจมตีอยู่เป็นนานก็ยังไม่อาจตีได้ ความพลาดพลั้งเสียทีต่อพระนเรศแท้ๆ ที่ทำให้ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา แต่สุดท้าย คนที่ออกมาตีอโยธยากลับกลายเป็นบุตรชายของตนเอง
จริงๆ แล้ว เล่าแบบนี้ไปก็เหมือนสปอยล์นะครับ แต่ถ้ามองกันด้วยใจเป็นกลางแล้ว มันคือประวัติศาสตร์ที่เราพอจะรู้เรื่องคร่าวๆ กันมาก่อนบ้าง หรือจะถ้าดูตัวอย่างก็จะพบว่า มันก็เล่าบอกเรามาแล้วทั้งนั้น “ยุทธหัตถี” จึงไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ เหตุการณ์ทุกอย่างถูกเล่าอย่างเรียงตามลำดับเวลา ไม่ซับซ้อน ครึ่งแรกจะเน้นไปที่ดราม่ามากหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนทางมาเน้นแอ็คชั่นในช่วงท้ายของหนัง
ถ้าจะดูกันเป็นส่วนๆ ในด้านของบทนั้นนับว่าไม่มีชั้นเชิงอะไรในการเล่าเรื่อง ด้วยเพราะมากันแบบไล่เรียงตามวันและเวลา มุ่งตรงสู่เหตุการณ์เป้าหมายที่เป็นชื่อเรื่องเป็นสำคัญ แต่ถ้าจะดูในส่วนของสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์หรือ CG ยังคงไม่เนียนตาเท่าที่ควร แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับตัวอย่างหนังตัวแรกๆ ที่ออกมา ในด้านของอุปกรณ์ประกอบฉากและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้น แทบจะไม่ต้องติอะไรกันอีกแล้ว อีกทั้งเราเองก็ไม่มีความรู้ในส่วนนี้ด้วย
ที่น่าสนใจ คือ ฉากยุทธหัตถีทำออกมาได้ดูน่าสนใจ ลุ้นและตื่นเต้นดี ไม่มีฉากแถมในส่วนไหนของ End Credit แต่อย่างใด
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี |
http://bit.ly/1oHCL9J
[SR] ## ความเห็นหลังชม - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี - อลังการ! ##
เรื่องราวที่ขมวดปมเข้ามาทุกทีเพื่อจะนำไปสู่บทสุดท้าย นั่นคือ การที่สมเด็จพระนเรศวรรบบนหลังช้างกระทำยุทธหัตถีกับมังสามเกียด ราชโอรสแห่งพระเจ้านันทบุเรง
พระเจ้านันทบุเรงพยายามยิ่งที่จะตีอโยธยาศรีรามนครที่ท่านมองว่าเป็นเพียงเมืองกบฏให้แตกเป็นเสี่ยง ถึงขึ้นยกทัพมาตั้งค่ายตั้งท่าโจมตีอยู่เป็นนานก็ยังไม่อาจตีได้ ความพลาดพลั้งเสียทีต่อพระนเรศแท้ๆ ที่ทำให้ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา แต่สุดท้าย คนที่ออกมาตีอโยธยากลับกลายเป็นบุตรชายของตนเอง
จริงๆ แล้ว เล่าแบบนี้ไปก็เหมือนสปอยล์นะครับ แต่ถ้ามองกันด้วยใจเป็นกลางแล้ว มันคือประวัติศาสตร์ที่เราพอจะรู้เรื่องคร่าวๆ กันมาก่อนบ้าง หรือจะถ้าดูตัวอย่างก็จะพบว่า มันก็เล่าบอกเรามาแล้วทั้งนั้น “ยุทธหัตถี” จึงไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ เหตุการณ์ทุกอย่างถูกเล่าอย่างเรียงตามลำดับเวลา ไม่ซับซ้อน ครึ่งแรกจะเน้นไปที่ดราม่ามากหน่อย ก่อนจะเปลี่ยนทางมาเน้นแอ็คชั่นในช่วงท้ายของหนัง
ถ้าจะดูกันเป็นส่วนๆ ในด้านของบทนั้นนับว่าไม่มีชั้นเชิงอะไรในการเล่าเรื่อง ด้วยเพราะมากันแบบไล่เรียงตามวันและเวลา มุ่งตรงสู่เหตุการณ์เป้าหมายที่เป็นชื่อเรื่องเป็นสำคัญ แต่ถ้าจะดูในส่วนของสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กต์หรือ CG ยังคงไม่เนียนตาเท่าที่ควร แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วถ้าเทียบกับตัวอย่างหนังตัวแรกๆ ที่ออกมา ในด้านของอุปกรณ์ประกอบฉากและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้น แทบจะไม่ต้องติอะไรกันอีกแล้ว อีกทั้งเราเองก็ไม่มีความรู้ในส่วนนี้ด้วย
ที่น่าสนใจ คือ ฉากยุทธหัตถีทำออกมาได้ดูน่าสนใจ ลุ้นและตื่นเต้นดี ไม่มีฉากแถมในส่วนไหนของ End Credit แต่อย่างใด
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยุทธหัตถี | http://bit.ly/1oHCL9J