ภาคแรกนะครับ
http://ppantip.com/topic/31938010 มหาศึกเก็นเป ไทระ vs มินาโมโตะ
มาต่อภาค 2 กันนะครับ
หลังจากโฮโจ เข้าครองอำนาจต่อจาก ตระกูลมินาโมโตะ
ค.ศ. 1325 ตระกูลโฮโจ กุมอำนาจในรัฐบาลบาฟุคุไว้สิ้นและในสมัยนั้นยังมีขุนนาง ชื่อดังอีกคือ อาชิคางะ ทาคาอุจิ กับ นิตตะ โยชิสึดะ
ตราประจำตระกูลโฮโจ
อาชิคางะ ทาคาอุจิ หัวหน้าตระกูลอาชิคางะ ไดเมียวแห่ง แคว้น shimotsuke
ตราประจำตระกูลอาชิคางะ
นิตตะ โยชิสึดะ หัวหน้าตระกูลนิตตะ แห่ง ไดเมียวแคว้นโคสุกะ
ตราประจำตระกูลนิตตะ
แต่แล้วด้วยความบ้าอำนาจและความระส่ำของบ้านเมืองประชาชนอดอยาก ทำให้ ในปี ค.ศ. 1331 จักรพรรดิโกไดโงะ กับ เหล่าขุนนางคนสนิทได้วางแผนเพื่อโค่นอำนาจของตระกุลโฮโจ แต่แผนกับล่วงรู้ถึงฝ่ายบาฟุคุ โฮโจ จึงสั่งประหารและเนรเทศเหล่าขุนนางที่สมรู้ร่วมคิด แต่ จักรพรรดิ ไหวตัวทันจึงหลบหนีไปซ่อนตัวที่บนเขาคาซากิ และ ส่งสารให้เหล่าขุนนางตัวประเทศที่ต้องการโค่นล้มตระกูลโฮโจมาชุมนุมที่เขาแห่งนี้
ขุนศึกคนสำคัญที่มาเข้าร่วม คือ คิซึโนกิ ( กองโจรกู้ชาติ )โดย มีกำลังทหารประมาณ 3 พัน คน
คิซึโนกิ มาซาชิเงะ
เมื่อบาฟุคุรู้ข่าว ก็สั่งให้กองกำลังทหารของรัฐบาลยกกำลังมุ่งสู่เขาคาซากิ ตระกูลต่างๆภายใต้คำสั่งของรัฐบาลจึงยกทัพเข้าตี
เขาคาซากิไม่ขาดสาย และยังมีทัพหลวงที่นำโดย "อาชิคากะ ทาคาอุจิ" จำนวนกว่า 2 แสนคนทีเดียว
แต่ด้วยความเก่งกาจของคิซึโนกิ กองกำลังฝ่ายรัฐบาลต้องใช้เวลากว่า 1 เดือน กว่าจะตีเขาคาซากิแตก คิซึโนกิหลบหนีไปได้
ส่วนองค์จักรพรรดิถูกจับได้และถูกพาไปยังเกียวโต และได้มีการแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ คือ ท่าน"คาซึฮิโตะ ชินโท" แทนจักรพรรดิโกไดโงะ
หลังจากพ่ายแพ้แก่รัฐบาล คิซึโนกิก็ได้หลบหนีและรวบรวมกำลังโดยการสร้างปราสาท และตั้งมั่นอยู่ที่อากาซากะในแคว้นยามาโต้
เมื่อโฮโจรู้ข่าวจึงสั่งให้ "ทาคาอุจิ" นำกองกำลังรัฐบาลจัดกระบวนทัพเข้าตี แต่เนื่องที่มั่นอากาซากะถูกออกแบบมาเป็นปราสาทบนเขา
ซึ่งต่างจากที่มั่นในสมัยนั้นที่จะสร้างบนพื้นราบ มีคฤหาสอยู่ตรงกลาง ทำให้กำลังรบที่มากกว่าไม่ค่อยมีผลซักเท่าไร
จนผ่านไปกว่า 1 เดือน ทัพหน้าของฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่สามารถตีป้อมอากาซากะแตกได้ จึงทำได้แค่ปิดล้อมที่มั่นเอาไว้
แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ หลังจากนั้นไม่นานป้อมอากาซากะก็แตก กองกำลังของคิซึโนกิจึงสลายไป
รัฐบาลจึงส่งจักรพรรดิ์โกไดโงะ ไปคุมขังไว้ที่เกาะกลางทะเลโอกิ
หลังจากคิซึโนกิพ่ายแพ้ที่ป้อมอากาซากะ แต่หนีไปได้ ก็ได้รวบรวมกำลังต่อต้านฝ่ายรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
โดยเข้ายึดแคว้นอิซึมิ กับ แคว้นคาวาจิ และตั้งค่ายบนเขาคาซากิ เช่นเดิมเมื่อบาฟุคุรู้ข่าวจึงส่งทัพ "โรคุฮาระ"
ทัพหน้านำโดย "ทากาฮาชิ มิคาวะ" นำกำลัง 5 พันคนมุ่งหน้าสู่เขาคาซากิ แต่พวกคิซึโนกิรู้ทัน จึงวางแผนเข้าตีที่สะพานวาตานาเบะ ทัพหน้าฝ่ายรัฐบาลแตกพ่าย
หลังจากชนะศึกที่วาตานาเบะ ก็มีตระกูลต่างๆเริ่มมาเข้าร่วมกับฝ่ายคิซึโนกิ ทำให้กำลังทหารของคิซึโนกิเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลก็ยังไม่ลดละก็ส่งกำลังทหารจากตระกูลต่างๆเข้ามาตีค่ายคาซากิเรื่อยๆ
และจากที่คิซึโนกิชนะศึกพวกรัฐบาลได้ ก็เริ่มมีการกบฎกับรัฐบาลหลายพื้นที่ โดยขุนศึกคนสำคัญก็คือ "เจ้าชายโอโทโนมิยะ" ที่ตั้งมั่นอยู่ที่ยาชิโร่ ในแคว้นยามาโต้ กับ "อากามัตสึ" ที่ตั้งมั่นอยู่ในแคว้นฮาริมะ และ
"นาวะ" ที่ตั้งมั่นอยู่ในเขาเซ็นโจ โดยนาวะได้ช่วยจักรพรรดิโกไดโงะไว้ด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้ฝ่ายรัฐบาลจึงต้องส่งกำลังเข้าปราบปราม โดยกองทัพของเจ้าชายโอโทโนมิยะถูกตีแตกที่ยาชิโร่
และได้หนีไปที่เขาโคยะ เมื่อกองทัพรัฐบาลไม่สามารถตีที่มั่นของคิซึโนกิได้สักที จึงสั่งให้ "นิตตะ" นำทัพหลวงเข้าตีโดยนำกำลังกว่า 4 แสนนายของรัฐบาล เข้าปิดล้อมค่ายของคิซึโนกิที่มีทหารเพียง 1 พันกว่าคนเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถตีแตกได้ ทาคาอุจิป่วยไม่สามารถนำทัพได้
ทางด้านกองทัพของอากามัตสึ ได้ตีปราสาทหลายแห่งของตระกูลข้ารับใช้รัฐบาล
ในระหว่างทางที่เคลื่อนกองกำลังจากฮาริมะมุ่งหน้าสู่เกียวโต อากามัตสึชนะศึกติดต่อกันเรื่อยๆ
จนรัฐบาลไม่สามารถปราบพวกกบฎได้ จึงต้องขอให้ "อาชิคากะ" นำทัพเข้าตี แต่อาชิคากะก็บ่ายเบี่ยง
ตระกูลโฮโจเลยขู่จะถล่มตระกูลอาชิคากะให้ราบ อาชิคากะจึงตอบตกลงรับทำศึก
แต่แล้วทัพของ "อาชิคากะ ทาคาอุจิ" ที่ได้ไปตั้งทัพอยุ่ที่ทับบะก็ประกาศกบฎต่อรัฐบาล
โดยมีกำลังทหารกว่า 2 หมื่นคน และยกกำลังย้อนกลับมาตีโรคุฮาระในเกียวโต
เมื่อทาคาอุจิประกาศกบฎต่อรัฐบาลแล้ว เพื่อนสนิทอย่างนิตตะก็เลยประกาศกบฎต่อรัฐบาลด้วยเช่นกัน
โดยกองกองกำลังของนิตตะ รวมตัวกันที่แคว้นโคสุเกะ โดยได้กำลังจากเอจิโกะอีกเกือบ 2 หมื่นนาย
และได้เคลื่อนกำลังมุ่งหน้าสู่คามาคุระที่ทำงานของรัฐบาลทหาร
ตระกูลโฮโจเมื่อรู้ข่าวจึงส่งทหาร 6 หมื่นนายเข้าตีโต้ โดยกองกำลังของนิตตะก็มีคนมารวมตัวเรื่อยๆ จนมีมากว่า 1 แสนคน
แต่กองกำลังของโฮโจก็มีมากว่า 1 แสนคนเช่นกัน
แต่ผลการปะทะ กองทัพของนิตตะสามารถชนะกองกำลังของรัฐบาลได้
และมุ่งหน้าเข้าสู่คามาคุระ และถล่มกองกำลังทหารของรัฐบาลในคามาคุระและสามารถยึดที่ตั้งรัฐบาลได้
ส่วนกองกำลังของทาคาอุจิ กับ อากามัตสึ ก็สามารถเข้ายึดโรคุฮาระในเกียวโตได้สำเร็จ
ทำให้กองกำลังของรัฐบาลประกาศยอมแพ้
หลังปราบตระกูลโฮโจได้สำเร็จ จักรพรรดิ์ก็มอบแคว้นเป็นรางวัลให้กับขุนศึกต่างๆ
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆเสร็จสิ้น จักรพรรดิโกะ-ไดโงทรงจัดตั้งการปกครองขึ้นที่เมืองเกียวโตเรียกว่า "ชินเซ"
หรือการปกครองโดยจักรพรรดิโดยตรงเรียกว่า "การฟื้นฟูเคมมุ" ทำให้เหล่าซามุไรไม่พอใจที่อำนาจการปกครองญี่ปุ่น
จะไปตกอยู่แก่ขุนนางและราชสำนักอีกครั้ง
ค.ศ. 1334 "อาชิคากะ ทาดาโยชิ" น้องชายของทากาอุจิ ได้ลักลอบนำเจ้าชาย "นารินางะ"
พระโอรสอีกองค์ในจักรพรรดิ์โกะ-ไดโงไปทางตะวันออก ไปยังเมืองคามาคุระ และจัดตั้งการปกครองขึ้นที่นั่น
เพื่อแสดงให้เห็นว่าชนชั้นซามุไรยังคงต้องการรัฐบาลโชกุน จักรพรรดิโกะ-ไดโงจึงทรงตอบโต้โดยการแต่งตั้ง
ให้เจ้าชาย"โมรินางะ"พระโอรส เป็นเซอิไทโชกุน
ค.ศ. 1335 "โฮโจ โทกิยุกิ" บุตรชายของ "ชิกเก็ง โฮโจ ทากาโตะกิ" ก่อกบฏเพื่อคืนอำนาจให้แก่ตระกูลโฮโจ
ยกทัพขับ"ทาดาโยชิ" ออกจากคะมะกุระ อาชิคากะและทากาอุจิจึงยกทัพมาจากเมืองเกียวโต
มาปราบกบฏของตระกูลโฮโจได้สำเร็จ โทกิยุกิจึงหลบหนีจากคามากุระ
ฝ่ายจักรพรรดิโกะ-ไดโงทรงฉวยโอกาสที่ทากาอุจิไม่อยู่ ส่ง "นิตตะ โยชิซาดะ" ยกทัพจากเกียวโต มาทำการปราบทากาอุจิ
แต่นิตตะพ่ายแพ้แก่ทากาอุจิ
"อาชิคากะ ทากาอุจิ" จึงยกทัพกลับไปทางตะวันตกเพื่อเข้ายึดเมืองเกียวโต แต่ก็พ่ายแพ้ต่อ "คิซึโนกิ" และ "คิตาบาตาเกะ อากิอิเอะ"
ทำให้อาชิคากะจำต้องหลบหนีไปยังเกาะคิวชู แต่ไม่นานก็สามารถรวบรวมกำลังพลจากคิวชู
ยกทัพเข้าบุกยึดเมืองเกียวโตในยุทธการมินาโตะงาวะ
ค.ศ. 1336 "คิซึโนกิ" กระทำการเซ็ปปุกุ เสียชีวิต เมื่อทัพของทากาอุจิเข้ายึดเมืองเกียวโต ตั้งจักรพรรดิโคเมียว
ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือ
จักรพรรดิโกะ-ไดโงพร้อมทั้งขุนพล ซามุไรเช่น "นิตตะ โยชิซาดะ" และ "คิตาบาตาเกะ อากิอิเอะ" หลบหนีไปทางใต้
และตั้งราชสำนักขึ้นใหม่ที่เมืองโยชิโนะ เป็นพระราชวงศ์ฝ่ายใต้
สิ้นสุดการปกครองของจักรพรรดิในสมัยการฟื้นฟู "เคมมุ" และเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยราชวงศ์เหนือใต้
"อาชิกางะ ทากาอุจิ" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซอิไทโชกุน เมื่อค.ศ. 1338 เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลโชกุนมุโระมะชิ
tree ของ ตระกูลอาชิกางะ ก่อนเข้าสู่ยุค เซนโกคุ
ที่มา
wikipedia
google.com
ตอนต่อไปนะจะ ยุค โอดะ นะครับ
ประวัติ สงคราม ญี่ปุ่น ภาค 2 สงครามสมัย มุโรมะชิ
มาต่อภาค 2 กันนะครับ
หลังจากโฮโจ เข้าครองอำนาจต่อจาก ตระกูลมินาโมโตะ
ค.ศ. 1325 ตระกูลโฮโจ กุมอำนาจในรัฐบาลบาฟุคุไว้สิ้นและในสมัยนั้นยังมีขุนนาง ชื่อดังอีกคือ อาชิคางะ ทาคาอุจิ กับ นิตตะ โยชิสึดะ
ตราประจำตระกูลโฮโจ
อาชิคางะ ทาคาอุจิ หัวหน้าตระกูลอาชิคางะ ไดเมียวแห่ง แคว้น shimotsuke
ตราประจำตระกูลอาชิคางะ
นิตตะ โยชิสึดะ หัวหน้าตระกูลนิตตะ แห่ง ไดเมียวแคว้นโคสุกะ
ตราประจำตระกูลนิตตะ
แต่แล้วด้วยความบ้าอำนาจและความระส่ำของบ้านเมืองประชาชนอดอยาก ทำให้ ในปี ค.ศ. 1331 จักรพรรดิโกไดโงะ กับ เหล่าขุนนางคนสนิทได้วางแผนเพื่อโค่นอำนาจของตระกุลโฮโจ แต่แผนกับล่วงรู้ถึงฝ่ายบาฟุคุ โฮโจ จึงสั่งประหารและเนรเทศเหล่าขุนนางที่สมรู้ร่วมคิด แต่ จักรพรรดิ ไหวตัวทันจึงหลบหนีไปซ่อนตัวที่บนเขาคาซากิ และ ส่งสารให้เหล่าขุนนางตัวประเทศที่ต้องการโค่นล้มตระกูลโฮโจมาชุมนุมที่เขาแห่งนี้
ขุนศึกคนสำคัญที่มาเข้าร่วม คือ คิซึโนกิ ( กองโจรกู้ชาติ )โดย มีกำลังทหารประมาณ 3 พัน คน
คิซึโนกิ มาซาชิเงะ
เมื่อบาฟุคุรู้ข่าว ก็สั่งให้กองกำลังทหารของรัฐบาลยกกำลังมุ่งสู่เขาคาซากิ ตระกูลต่างๆภายใต้คำสั่งของรัฐบาลจึงยกทัพเข้าตี
เขาคาซากิไม่ขาดสาย และยังมีทัพหลวงที่นำโดย "อาชิคากะ ทาคาอุจิ" จำนวนกว่า 2 แสนคนทีเดียว
แต่ด้วยความเก่งกาจของคิซึโนกิ กองกำลังฝ่ายรัฐบาลต้องใช้เวลากว่า 1 เดือน กว่าจะตีเขาคาซากิแตก คิซึโนกิหลบหนีไปได้
ส่วนองค์จักรพรรดิถูกจับได้และถูกพาไปยังเกียวโต และได้มีการแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ คือ ท่าน"คาซึฮิโตะ ชินโท" แทนจักรพรรดิโกไดโงะ
หลังจากพ่ายแพ้แก่รัฐบาล คิซึโนกิก็ได้หลบหนีและรวบรวมกำลังโดยการสร้างปราสาท และตั้งมั่นอยู่ที่อากาซากะในแคว้นยามาโต้
เมื่อโฮโจรู้ข่าวจึงสั่งให้ "ทาคาอุจิ" นำกองกำลังรัฐบาลจัดกระบวนทัพเข้าตี แต่เนื่องที่มั่นอากาซากะถูกออกแบบมาเป็นปราสาทบนเขา
ซึ่งต่างจากที่มั่นในสมัยนั้นที่จะสร้างบนพื้นราบ มีคฤหาสอยู่ตรงกลาง ทำให้กำลังรบที่มากกว่าไม่ค่อยมีผลซักเท่าไร
จนผ่านไปกว่า 1 เดือน ทัพหน้าของฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่สามารถตีป้อมอากาซากะแตกได้ จึงทำได้แค่ปิดล้อมที่มั่นเอาไว้
แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ หลังจากนั้นไม่นานป้อมอากาซากะก็แตก กองกำลังของคิซึโนกิจึงสลายไป
รัฐบาลจึงส่งจักรพรรดิ์โกไดโงะ ไปคุมขังไว้ที่เกาะกลางทะเลโอกิ
หลังจากคิซึโนกิพ่ายแพ้ที่ป้อมอากาซากะ แต่หนีไปได้ ก็ได้รวบรวมกำลังต่อต้านฝ่ายรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
โดยเข้ายึดแคว้นอิซึมิ กับ แคว้นคาวาจิ และตั้งค่ายบนเขาคาซากิ เช่นเดิมเมื่อบาฟุคุรู้ข่าวจึงส่งทัพ "โรคุฮาระ"
ทัพหน้านำโดย "ทากาฮาชิ มิคาวะ" นำกำลัง 5 พันคนมุ่งหน้าสู่เขาคาซากิ แต่พวกคิซึโนกิรู้ทัน จึงวางแผนเข้าตีที่สะพานวาตานาเบะ ทัพหน้าฝ่ายรัฐบาลแตกพ่าย
หลังจากชนะศึกที่วาตานาเบะ ก็มีตระกูลต่างๆเริ่มมาเข้าร่วมกับฝ่ายคิซึโนกิ ทำให้กำลังทหารของคิซึโนกิเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลก็ยังไม่ลดละก็ส่งกำลังทหารจากตระกูลต่างๆเข้ามาตีค่ายคาซากิเรื่อยๆ
และจากที่คิซึโนกิชนะศึกพวกรัฐบาลได้ ก็เริ่มมีการกบฎกับรัฐบาลหลายพื้นที่ โดยขุนศึกคนสำคัญก็คือ "เจ้าชายโอโทโนมิยะ" ที่ตั้งมั่นอยู่ที่ยาชิโร่ ในแคว้นยามาโต้ กับ "อากามัตสึ" ที่ตั้งมั่นอยู่ในแคว้นฮาริมะ และ
"นาวะ" ที่ตั้งมั่นอยู่ในเขาเซ็นโจ โดยนาวะได้ช่วยจักรพรรดิโกไดโงะไว้ด้วย
เมื่อเป็นแบบนี้ฝ่ายรัฐบาลจึงต้องส่งกำลังเข้าปราบปราม โดยกองทัพของเจ้าชายโอโทโนมิยะถูกตีแตกที่ยาชิโร่
และได้หนีไปที่เขาโคยะ เมื่อกองทัพรัฐบาลไม่สามารถตีที่มั่นของคิซึโนกิได้สักที จึงสั่งให้ "นิตตะ" นำทัพหลวงเข้าตีโดยนำกำลังกว่า 4 แสนนายของรัฐบาล เข้าปิดล้อมค่ายของคิซึโนกิที่มีทหารเพียง 1 พันกว่าคนเท่านั้น แต่ก็ยังไม่สามารถตีแตกได้ ทาคาอุจิป่วยไม่สามารถนำทัพได้
ทางด้านกองทัพของอากามัตสึ ได้ตีปราสาทหลายแห่งของตระกูลข้ารับใช้รัฐบาล
ในระหว่างทางที่เคลื่อนกองกำลังจากฮาริมะมุ่งหน้าสู่เกียวโต อากามัตสึชนะศึกติดต่อกันเรื่อยๆ
จนรัฐบาลไม่สามารถปราบพวกกบฎได้ จึงต้องขอให้ "อาชิคากะ" นำทัพเข้าตี แต่อาชิคากะก็บ่ายเบี่ยง
ตระกูลโฮโจเลยขู่จะถล่มตระกูลอาชิคากะให้ราบ อาชิคากะจึงตอบตกลงรับทำศึก
แต่แล้วทัพของ "อาชิคากะ ทาคาอุจิ" ที่ได้ไปตั้งทัพอยุ่ที่ทับบะก็ประกาศกบฎต่อรัฐบาล
โดยมีกำลังทหารกว่า 2 หมื่นคน และยกกำลังย้อนกลับมาตีโรคุฮาระในเกียวโต
เมื่อทาคาอุจิประกาศกบฎต่อรัฐบาลแล้ว เพื่อนสนิทอย่างนิตตะก็เลยประกาศกบฎต่อรัฐบาลด้วยเช่นกัน
โดยกองกองกำลังของนิตตะ รวมตัวกันที่แคว้นโคสุเกะ โดยได้กำลังจากเอจิโกะอีกเกือบ 2 หมื่นนาย
และได้เคลื่อนกำลังมุ่งหน้าสู่คามาคุระที่ทำงานของรัฐบาลทหาร
ตระกูลโฮโจเมื่อรู้ข่าวจึงส่งทหาร 6 หมื่นนายเข้าตีโต้ โดยกองกำลังของนิตตะก็มีคนมารวมตัวเรื่อยๆ จนมีมากว่า 1 แสนคน
แต่กองกำลังของโฮโจก็มีมากว่า 1 แสนคนเช่นกัน
แต่ผลการปะทะ กองทัพของนิตตะสามารถชนะกองกำลังของรัฐบาลได้
และมุ่งหน้าเข้าสู่คามาคุระ และถล่มกองกำลังทหารของรัฐบาลในคามาคุระและสามารถยึดที่ตั้งรัฐบาลได้
ส่วนกองกำลังของทาคาอุจิ กับ อากามัตสึ ก็สามารถเข้ายึดโรคุฮาระในเกียวโตได้สำเร็จ
ทำให้กองกำลังของรัฐบาลประกาศยอมแพ้
หลังปราบตระกูลโฮโจได้สำเร็จ จักรพรรดิ์ก็มอบแคว้นเป็นรางวัลให้กับขุนศึกต่างๆ
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆเสร็จสิ้น จักรพรรดิโกะ-ไดโงทรงจัดตั้งการปกครองขึ้นที่เมืองเกียวโตเรียกว่า "ชินเซ"
หรือการปกครองโดยจักรพรรดิโดยตรงเรียกว่า "การฟื้นฟูเคมมุ" ทำให้เหล่าซามุไรไม่พอใจที่อำนาจการปกครองญี่ปุ่น
จะไปตกอยู่แก่ขุนนางและราชสำนักอีกครั้ง
ค.ศ. 1334 "อาชิคากะ ทาดาโยชิ" น้องชายของทากาอุจิ ได้ลักลอบนำเจ้าชาย "นารินางะ"
พระโอรสอีกองค์ในจักรพรรดิ์โกะ-ไดโงไปทางตะวันออก ไปยังเมืองคามาคุระ และจัดตั้งการปกครองขึ้นที่นั่น
เพื่อแสดงให้เห็นว่าชนชั้นซามุไรยังคงต้องการรัฐบาลโชกุน จักรพรรดิโกะ-ไดโงจึงทรงตอบโต้โดยการแต่งตั้ง
ให้เจ้าชาย"โมรินางะ"พระโอรส เป็นเซอิไทโชกุน
ค.ศ. 1335 "โฮโจ โทกิยุกิ" บุตรชายของ "ชิกเก็ง โฮโจ ทากาโตะกิ" ก่อกบฏเพื่อคืนอำนาจให้แก่ตระกูลโฮโจ
ยกทัพขับ"ทาดาโยชิ" ออกจากคะมะกุระ อาชิคากะและทากาอุจิจึงยกทัพมาจากเมืองเกียวโต
มาปราบกบฏของตระกูลโฮโจได้สำเร็จ โทกิยุกิจึงหลบหนีจากคามากุระ
ฝ่ายจักรพรรดิโกะ-ไดโงทรงฉวยโอกาสที่ทากาอุจิไม่อยู่ ส่ง "นิตตะ โยชิซาดะ" ยกทัพจากเกียวโต มาทำการปราบทากาอุจิ
แต่นิตตะพ่ายแพ้แก่ทากาอุจิ
"อาชิคากะ ทากาอุจิ" จึงยกทัพกลับไปทางตะวันตกเพื่อเข้ายึดเมืองเกียวโต แต่ก็พ่ายแพ้ต่อ "คิซึโนกิ" และ "คิตาบาตาเกะ อากิอิเอะ"
ทำให้อาชิคากะจำต้องหลบหนีไปยังเกาะคิวชู แต่ไม่นานก็สามารถรวบรวมกำลังพลจากคิวชู
ยกทัพเข้าบุกยึดเมืองเกียวโตในยุทธการมินาโตะงาวะ
ค.ศ. 1336 "คิซึโนกิ" กระทำการเซ็ปปุกุ เสียชีวิต เมื่อทัพของทากาอุจิเข้ายึดเมืองเกียวโต ตั้งจักรพรรดิโคเมียว
ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของพระราชวงศ์ฝ่ายเหนือ
จักรพรรดิโกะ-ไดโงพร้อมทั้งขุนพล ซามุไรเช่น "นิตตะ โยชิซาดะ" และ "คิตาบาตาเกะ อากิอิเอะ" หลบหนีไปทางใต้
และตั้งราชสำนักขึ้นใหม่ที่เมืองโยชิโนะ เป็นพระราชวงศ์ฝ่ายใต้
สิ้นสุดการปกครองของจักรพรรดิในสมัยการฟื้นฟู "เคมมุ" และเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยราชวงศ์เหนือใต้
"อาชิกางะ ทากาอุจิ" ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเซอิไทโชกุน เมื่อค.ศ. 1338 เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐบาลโชกุนมุโระมะชิ
tree ของ ตระกูลอาชิกางะ ก่อนเข้าสู่ยุค เซนโกคุ
ที่มา
wikipedia
google.com
ตอนต่อไปนะจะ ยุค โอดะ นะครับ