ขอเขียนภาค 3 ตัวเต็มเลยนะครับ
ค.ศ.1467 สงครามโอนิน เป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคสงครามกลางเมืองอันยาวนาน ระหว่างบรรดาไดเมียวที่แตกแยกออกเป็นสองกลุ่ม ภายใต้การนำของตระกูลโฮโซกาวะ กับตระกูลยามานะ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปกครองระบบโชกุนทั้งหมด ชนชั้นนักรบมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
ค.ศ.1477 การต่อสู้ในเกียวโตได้สงบลง แต่สงครามกลับขยายตัวไปยังส่วนภูมิภาคแทน
หลังสงครามโอนิน แคว้นต่างๆ ในญี่ปุ่นก็ถูกตระกูลต่างๆ ครอบครอง
โดย ตระกูลสำคัญ ก็คือ
มัตสึไดระ โมโตยาสุ (โทคุกาว่า อิเอยาสุ) ได้ ถือกำเนิด ขึ้นมาในดินแดนมิกาว่า
โอดะ โนบุนางะ ผู้สืบทอดแคว้นโอวาริ
อิมากาว่า โยชิโมโต้ ผู้นำแคว้นซุรุกะ
ค.ศ. 1542 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ผู้ครอบครองแคว้นซุรุกะ และ โทโทมิ ได้เปิดศึกกับตระกูลโฮโจ ที่ครอบครองแคว้นซางามิ กับ อิซุ ข้างๆ การศึกเป็นไปอย่างดุเดือดและยาวนาน
หลังจากเปิดศึกกับโฮโจ ด้านตะวันออก “อิมากาว่า“ ก็เริ่มขยายอำนาจไปด้านตะวันตก เป้าหมายคือแคว้นมิคาว่าของ ”ตระกูลมัตสึไดระ” หลังการเข้ามามีอำนาจในมิคาว่า “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ต้องการให้ ตระกูลโทกุกาว่า ส่งตัว ลูกชายคือ “โมโตยาสุ“ มาเป็นตัวประกันที่ซุรุงะ ทางมัตสึไดระ ก็ตกลงส่งตัวให้แต่ในช่วงการเดินทางระหว่างไปซุรุกะ “โอดะ โนบุฮิเดะ“ พ่อของ “โนบุนางะ“ ได้ส่งทหารมาจับตัว “โมโตยาสุ“ ไปยังแคว้นโอวาริ เพื่อเอาถ่วงดุลอำนาจระหว่าง ตระกูลโอดะที่ครองโอวาริกับอิมากาว่าที่ครองโทโทมิ กับ ซุรุกะ โดยในศึกชิงตัวประกันครั้งนี้ “โนบุนางะ“ ก็ได้ออกศึกครั้งแรก
ต่อมาใน ค.ศ. 1548 “โนบุนางะ“ ก็ได้สมรส กับ “โนอุฮิเมะ“ บุตรสาวของ “ไซโต้ โดซัง“ ผู้ครองแคว้นมิโนะ จนเวลาผ่านไปกว่า 3 ปี “โอดะ โนบุฮิเดะ“ พ่อของ “โนบุนางะ“ ก็สิ้นใจและยกให้โนบุนางะเป็นผู้สืบทอดแคว้นโอวาริ แต่ด้วยอำนาจที่ยังน้อยนิดของโนบุนางะทำให้อำนาจในแคว้นโอวาริ อยู่ที่ “โอดะ โนบุโตโมะ“ เจ้าของปราสาทคิโยสุ
ค.ศ. 1553 ทางด้านตะวันตกก็เกิดศึกใหญ่ เป็นการทำศึกกันครั้งแรก ของ “ชินเก็น“ กับ “เคนชิน“ ในศึกที่คานาวาจิม่า
ทาเคดะ ชินเก็น ผู้นำแคว้นคาอิ
อุเอสึงิ เคนชิน ผู้นำแคว้นเอจิโกะ
โดยเริ่มต้น “ชินเก็น“ ได้ส่งกองทัพเข้ายึดแคว้นชินาโนะตอนเหนือ ที่ตระกูลมุราคามิครอบครองอยู่ หลังจากเสียปราสาทไป“มุราคามิ โยชิฮารุ“ ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก“เคนชิน“ ซึ่งเคนชินก็ตกลง ตระกูลอุเอสึงิ จึงซึ่งกองทัพเข้าทำศึกกับ ทาเคดะ หลังการปะทะครั้งแรก ชินเก็น กับ เคนชิน ก็ถอยทัพ
ค.ศ. 1555 “โนบุนางะ“ ก็ได้ลอบสังหาร “โนบุโตโมะ“ และ เข้าครอบครองปราสาทคิโยสุแทน ตอนนี้ก็เหลือเพียง “โนบุยุคิ“ น้องชายของโนบุนางะเท่านั้นที่คานอำนาจในแคว้นโอวาริอยู่
ทางด้าน “ชินเก็น“ กับ “เคนชิน“ ก็ได้ เปิดศึกกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้ตระกูลคุริตะพันธมิตรของทาเคดะ ที่เฝ้าป้อมอาซาฮิยาม่า ถูกกองทัพของเคนชินเข้าโจมตี กองทัพของชินเก็นจำนวน 3 พัน ก็เคลื่อนเข้าสนุบสนุน แต่แล้วไม่นานทั้งสองทัพก็ต้องถอยกลับแคว้น เพื่อจัดการปัญหาภายในแคว้นตัวเอง
ค.ศ. 1556 “ไซโต้ โยชิทัตซึ“ ทำการก่อกบฏต่อบิดาของตนเอง คือ “ไซโต้ โดซัง“ เมื่อโนบุนางะรู้ข่าว จึงรีบเคลื่อนทัพไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน โยชิทัตซึ สามารถสังหาร โดซัง แล้วยึดอำนาจครองแคว้นมิโนะได้สำเร็จ
ในปีต่อมา “โนบุยูกิ“ ก่อกบฏหมายขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลโอดะ แต่แล้วก็พ่ายแพ้ “ โนบุนางะ“ สั่งประหารน้องชายตัวเอง แต่มารดาของโนบุนางะขอไว้ “โนบุยูกิ“ จึงได้รอดชีวิต แต่แล้วโนบุนางะก็หลอกน้องชายตัวเองมาที่ปราสาทคิโยสุ แล้วฆ่าทิ้งซะ เลยทำให้ดินแดนโอวาริอยู่ในอำนาจของโนบุนางะสักที ทางด้าน “ชินเง็น“ กับ “เคนชิน“ ก็มีการปะทะกันอีกครั้ง เล็กๆน้อยๆ
ค.ศ. 1558 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ได้ให้ลูกแต่งงานกับตระกูลโฮโจ ซึ่งก่อนหน้านี้ ลูกของชินเก็น ก็ได้แต่งกับกับ ตระกูลอิมากาว่าอยู่แล้ว ทำให้ทางด้านเขตแดนทางตะวันออกครายความกังวลไป “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ จึงมุ่งไปทางตะวันตก คือเมืองหลวงเกียวโต
ค.ศ 1560 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ได้ยกทัพ 4 หมื่นเคลื่อนออกจาก ซึรุกะ เป้าหมายคือเมืองหลวงเกียวโต โดยเป้าหมายแรกก็คือแคว้นโอวาริที่ต้องยึดให้ได้ “โอดะ“ เมื่อทราบข่าวก็สั่งให้ทหารแนวหน้าต้านทัพอิมากาว่าไว้ แต่ก็ไม่สามารถต้านได้ ทัพของโยชิโมโต้ เคลื่อนเข้าใกล้ปราสาทคิโยสุเต็มที “โนบุนางะ“ ซึ่งมีทหารเพียง 3 พันรอให้มั่นใจว่าค่ายหลักของอิมากาว่า อยู่ไหนแล้วค่อยเคลื่อนทัพและคืนนั้นสายลับก็แจ้งถึงที่ตั้งค่ายหลักของ “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ นั้นอยู่ที่ช่องเขา “โอเคฮาซามา” โนบุนางะจึงเคลื่อนทัพและสามารถตัดหัวโยชิโมโต้ได้สำเร็จ เมื่อเสียจ้าวตระกูล ทัพของอิมากาว่าก็ต้องถอยกลับแคว้นทันที ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ “โอดะ โนบุนางะ“ มีชื่อเสียงเลืองลือไปไกล หลังจากจัดการกับอิมากาว่าได้แล้ว “ไซโต้ โยชิทัตซึ“ ก็สิ้นใจพอดี โนบุนางะก็เริ่มเลยเข้าโจมตีแคว้นมิโนะต่อทันที
ค.ศ. 1561 สงครามระหว่าง “เคนชิน“ กับ “ชินเก็น“ ก็หนักขึ้นทุกทีโดนครั้งนี้เคนชินยกทัพทหาร 18,000 คน ออกจากเอจิโกะหวังทำลายทัพทาเคดะของชินเก็นให้สิ้นซาก เมื่อชินเก็นทราบข่าวก็ส่งทหารกล้า 16,000 คน เคลื่อนตัวออกจากคาอิ ระหว่างทางเคนชินสามารถตีป้อมแตกมาได้เรื่อยๆ
เช้ารุ่งอรุณ กองทัพทาเคดะจัดทัพแบบปีกนกกระเรียน เข้าปะทะ ทัพเคนชิน ที่จัดทัพมาในแบบคลื่น หรือ แนวหน้าชนแล้วถอย แนวกลางขึ้นแทนชน แนวหน้าพักรอขึ้นแทนสลับกัน 3 เวฟ การศึกเป็นไปอย่างดุเดือด หลังการปะทะ ทัพเคนชินสูญเสีย 3 พันนาย ทัพทาเคดะสูญเสีย 4 พันนาย เมื่อไม่รู้ผลแพ้ชนะ เคนชินก็ค่อยๆ ถอยทัพกลับ เอจิโกะ
ทางด้าน “โนบุนางะ“ ก็ ได้สงบศึกกับ “มัตสึไดระ โมโตยาสุ“ และเป็นพันธมิตรกัน และ ค.ศ. 1564 “โนบุนางะ“ ได้ส่ง น้องสาวโออิจิ ไปแต่งงานกับ “อาซาอิ นางามาสะ“ จ้าวตระกูลอาซาอิผู้ครองแคว้นโอมิ เพื่อเป็นพันธมิตรกัน
ค.ศ. 1565 “โชกุนอาชิคากะ โยชิเตรุ“ ถูกกลุ่มสามนักสู้มิโยชิ และ มัตสึนางะ สังหารที่เกียวโต
ค.ศ. 1566 “โนบุนางะ“ สามารถยึดส่วนนึง ของแคว้นมิโนะได้สำเร็จ
ค.ศ. 1567 สามนักสู้แห่งมิโนะ เข้าด้วยกับ “โนบุนางะ“ รวมถึง “ทาเคนากะ ฮันเบ“ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะด้วย ทำให้ “โนบุนางะ“ สามารถตีปราสาทเขาอินาบะซึ่งขึ้นชื่อว่าตียากได้สำเร็จทำให้ โนบุนากะ ได้ครองแคว้นมิโนะสักทีแล้วก็เปลี่ยนปราสาททเขาอินาบะเป็นชื่อ กิฟุ ส่วนไซโต้ ทัตสึโอกิ ก็หนีไปเขาด้วยกับตระกูลอาซาคุระที่เอจิเซ็น
ประวัติ สงคราม ญี่ปุ่น ภาค 3 โอดะ VS ไดเมียวญี่ปุ่น
ค.ศ.1467 สงครามโอนิน เป็นจุดเริ่มต้นแห่งยุคสงครามกลางเมืองอันยาวนาน ระหว่างบรรดาไดเมียวที่แตกแยกออกเป็นสองกลุ่ม ภายใต้การนำของตระกูลโฮโซกาวะ กับตระกูลยามานะ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการปกครองระบบโชกุนทั้งหมด ชนชั้นนักรบมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ
ค.ศ.1477 การต่อสู้ในเกียวโตได้สงบลง แต่สงครามกลับขยายตัวไปยังส่วนภูมิภาคแทน
หลังสงครามโอนิน แคว้นต่างๆ ในญี่ปุ่นก็ถูกตระกูลต่างๆ ครอบครอง
โดย ตระกูลสำคัญ ก็คือ
มัตสึไดระ โมโตยาสุ (โทคุกาว่า อิเอยาสุ) ได้ ถือกำเนิด ขึ้นมาในดินแดนมิกาว่า
โอดะ โนบุนางะ ผู้สืบทอดแคว้นโอวาริ
อิมากาว่า โยชิโมโต้ ผู้นำแคว้นซุรุกะ
ค.ศ. 1542 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ผู้ครอบครองแคว้นซุรุกะ และ โทโทมิ ได้เปิดศึกกับตระกูลโฮโจ ที่ครอบครองแคว้นซางามิ กับ อิซุ ข้างๆ การศึกเป็นไปอย่างดุเดือดและยาวนาน
หลังจากเปิดศึกกับโฮโจ ด้านตะวันออก “อิมากาว่า“ ก็เริ่มขยายอำนาจไปด้านตะวันตก เป้าหมายคือแคว้นมิคาว่าของ ”ตระกูลมัตสึไดระ” หลังการเข้ามามีอำนาจในมิคาว่า “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ต้องการให้ ตระกูลโทกุกาว่า ส่งตัว ลูกชายคือ “โมโตยาสุ“ มาเป็นตัวประกันที่ซุรุงะ ทางมัตสึไดระ ก็ตกลงส่งตัวให้แต่ในช่วงการเดินทางระหว่างไปซุรุกะ “โอดะ โนบุฮิเดะ“ พ่อของ “โนบุนางะ“ ได้ส่งทหารมาจับตัว “โมโตยาสุ“ ไปยังแคว้นโอวาริ เพื่อเอาถ่วงดุลอำนาจระหว่าง ตระกูลโอดะที่ครองโอวาริกับอิมากาว่าที่ครองโทโทมิ กับ ซุรุกะ โดยในศึกชิงตัวประกันครั้งนี้ “โนบุนางะ“ ก็ได้ออกศึกครั้งแรก
ต่อมาใน ค.ศ. 1548 “โนบุนางะ“ ก็ได้สมรส กับ “โนอุฮิเมะ“ บุตรสาวของ “ไซโต้ โดซัง“ ผู้ครองแคว้นมิโนะ จนเวลาผ่านไปกว่า 3 ปี “โอดะ โนบุฮิเดะ“ พ่อของ “โนบุนางะ“ ก็สิ้นใจและยกให้โนบุนางะเป็นผู้สืบทอดแคว้นโอวาริ แต่ด้วยอำนาจที่ยังน้อยนิดของโนบุนางะทำให้อำนาจในแคว้นโอวาริ อยู่ที่ “โอดะ โนบุโตโมะ“ เจ้าของปราสาทคิโยสุ
ค.ศ. 1553 ทางด้านตะวันตกก็เกิดศึกใหญ่ เป็นการทำศึกกันครั้งแรก ของ “ชินเก็น“ กับ “เคนชิน“ ในศึกที่คานาวาจิม่า
ทาเคดะ ชินเก็น ผู้นำแคว้นคาอิ
อุเอสึงิ เคนชิน ผู้นำแคว้นเอจิโกะ
โดยเริ่มต้น “ชินเก็น“ ได้ส่งกองทัพเข้ายึดแคว้นชินาโนะตอนเหนือ ที่ตระกูลมุราคามิครอบครองอยู่ หลังจากเสียปราสาทไป“มุราคามิ โยชิฮารุ“ ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก“เคนชิน“ ซึ่งเคนชินก็ตกลง ตระกูลอุเอสึงิ จึงซึ่งกองทัพเข้าทำศึกกับ ทาเคดะ หลังการปะทะครั้งแรก ชินเก็น กับ เคนชิน ก็ถอยทัพ
ค.ศ. 1555 “โนบุนางะ“ ก็ได้ลอบสังหาร “โนบุโตโมะ“ และ เข้าครอบครองปราสาทคิโยสุแทน ตอนนี้ก็เหลือเพียง “โนบุยุคิ“ น้องชายของโนบุนางะเท่านั้นที่คานอำนาจในแคว้นโอวาริอยู่
ทางด้าน “ชินเก็น“ กับ “เคนชิน“ ก็ได้ เปิดศึกกันอีกครั้ง โดยครั้งนี้ตระกูลคุริตะพันธมิตรของทาเคดะ ที่เฝ้าป้อมอาซาฮิยาม่า ถูกกองทัพของเคนชินเข้าโจมตี กองทัพของชินเก็นจำนวน 3 พัน ก็เคลื่อนเข้าสนุบสนุน แต่แล้วไม่นานทั้งสองทัพก็ต้องถอยกลับแคว้น เพื่อจัดการปัญหาภายในแคว้นตัวเอง
ค.ศ. 1556 “ไซโต้ โยชิทัตซึ“ ทำการก่อกบฏต่อบิดาของตนเอง คือ “ไซโต้ โดซัง“ เมื่อโนบุนางะรู้ข่าว จึงรีบเคลื่อนทัพไปช่วยเหลือแต่ก็ไม่ทัน โยชิทัตซึ สามารถสังหาร โดซัง แล้วยึดอำนาจครองแคว้นมิโนะได้สำเร็จ
ในปีต่อมา “โนบุยูกิ“ ก่อกบฏหมายขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลโอดะ แต่แล้วก็พ่ายแพ้ “ โนบุนางะ“ สั่งประหารน้องชายตัวเอง แต่มารดาของโนบุนางะขอไว้ “โนบุยูกิ“ จึงได้รอดชีวิต แต่แล้วโนบุนางะก็หลอกน้องชายตัวเองมาที่ปราสาทคิโยสุ แล้วฆ่าทิ้งซะ เลยทำให้ดินแดนโอวาริอยู่ในอำนาจของโนบุนางะสักที ทางด้าน “ชินเง็น“ กับ “เคนชิน“ ก็มีการปะทะกันอีกครั้ง เล็กๆน้อยๆ
ค.ศ. 1558 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ได้ให้ลูกแต่งงานกับตระกูลโฮโจ ซึ่งก่อนหน้านี้ ลูกของชินเก็น ก็ได้แต่งกับกับ ตระกูลอิมากาว่าอยู่แล้ว ทำให้ทางด้านเขตแดนทางตะวันออกครายความกังวลไป “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ จึงมุ่งไปทางตะวันตก คือเมืองหลวงเกียวโต
ค.ศ 1560 “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ ก็ได้ยกทัพ 4 หมื่นเคลื่อนออกจาก ซึรุกะ เป้าหมายคือเมืองหลวงเกียวโต โดยเป้าหมายแรกก็คือแคว้นโอวาริที่ต้องยึดให้ได้ “โอดะ“ เมื่อทราบข่าวก็สั่งให้ทหารแนวหน้าต้านทัพอิมากาว่าไว้ แต่ก็ไม่สามารถต้านได้ ทัพของโยชิโมโต้ เคลื่อนเข้าใกล้ปราสาทคิโยสุเต็มที “โนบุนางะ“ ซึ่งมีทหารเพียง 3 พันรอให้มั่นใจว่าค่ายหลักของอิมากาว่า อยู่ไหนแล้วค่อยเคลื่อนทัพและคืนนั้นสายลับก็แจ้งถึงที่ตั้งค่ายหลักของ “อิมากาว่า โยชิโมโต้“ นั้นอยู่ที่ช่องเขา “โอเคฮาซามา” โนบุนางะจึงเคลื่อนทัพและสามารถตัดหัวโยชิโมโต้ได้สำเร็จ เมื่อเสียจ้าวตระกูล ทัพของอิมากาว่าก็ต้องถอยกลับแคว้นทันที ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ “โอดะ โนบุนางะ“ มีชื่อเสียงเลืองลือไปไกล หลังจากจัดการกับอิมากาว่าได้แล้ว “ไซโต้ โยชิทัตซึ“ ก็สิ้นใจพอดี โนบุนางะก็เริ่มเลยเข้าโจมตีแคว้นมิโนะต่อทันที
ค.ศ. 1561 สงครามระหว่าง “เคนชิน“ กับ “ชินเก็น“ ก็หนักขึ้นทุกทีโดนครั้งนี้เคนชินยกทัพทหาร 18,000 คน ออกจากเอจิโกะหวังทำลายทัพทาเคดะของชินเก็นให้สิ้นซาก เมื่อชินเก็นทราบข่าวก็ส่งทหารกล้า 16,000 คน เคลื่อนตัวออกจากคาอิ ระหว่างทางเคนชินสามารถตีป้อมแตกมาได้เรื่อยๆ
เช้ารุ่งอรุณ กองทัพทาเคดะจัดทัพแบบปีกนกกระเรียน เข้าปะทะ ทัพเคนชิน ที่จัดทัพมาในแบบคลื่น หรือ แนวหน้าชนแล้วถอย แนวกลางขึ้นแทนชน แนวหน้าพักรอขึ้นแทนสลับกัน 3 เวฟ การศึกเป็นไปอย่างดุเดือด หลังการปะทะ ทัพเคนชินสูญเสีย 3 พันนาย ทัพทาเคดะสูญเสีย 4 พันนาย เมื่อไม่รู้ผลแพ้ชนะ เคนชินก็ค่อยๆ ถอยทัพกลับ เอจิโกะ
ทางด้าน “โนบุนางะ“ ก็ ได้สงบศึกกับ “มัตสึไดระ โมโตยาสุ“ และเป็นพันธมิตรกัน และ ค.ศ. 1564 “โนบุนางะ“ ได้ส่ง น้องสาวโออิจิ ไปแต่งงานกับ “อาซาอิ นางามาสะ“ จ้าวตระกูลอาซาอิผู้ครองแคว้นโอมิ เพื่อเป็นพันธมิตรกัน
ค.ศ. 1565 “โชกุนอาชิคากะ โยชิเตรุ“ ถูกกลุ่มสามนักสู้มิโยชิ และ มัตสึนางะ สังหารที่เกียวโต
ค.ศ. 1566 “โนบุนางะ“ สามารถยึดส่วนนึง ของแคว้นมิโนะได้สำเร็จ
ค.ศ. 1567 สามนักสู้แห่งมิโนะ เข้าด้วยกับ “โนบุนางะ“ รวมถึง “ทาเคนากะ ฮันเบ“ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะด้วย ทำให้ “โนบุนางะ“ สามารถตีปราสาทเขาอินาบะซึ่งขึ้นชื่อว่าตียากได้สำเร็จทำให้ โนบุนากะ ได้ครองแคว้นมิโนะสักทีแล้วก็เปลี่ยนปราสาททเขาอินาบะเป็นชื่อ กิฟุ ส่วนไซโต้ ทัตสึโอกิ ก็หนีไปเขาด้วยกับตระกูลอาซาคุระที่เอจิเซ็น