สังคมก้มหน้า จะเป็นกันอีกนานมั้ย...

ช่วงสงกรานต์ได้มีโอกาสไปเที่ยวไกลๆกันสองคนกับสามี
ขับรถไปเรื่อยๆจากภาคเหนือสู่ภาคตะวันออก...

ก็คุยกันสัพเพเหระ จนมีอยู่ช่วงหนึ่งเราพูดถึงลูกๆกัน(เค้าคงคิดถึงลูกแหละ ฉันก็คิดถึง)
สามีพูดว่า เนี่ยถ้าเป็นตอนที่ลูกยังเล็กๆนะ ลูกคงได้ทายว่ารถคันหน้าโลโก้แบบนี้เป็นรถยี่ห้ออะไร


จริงค่ะ

ตอนที่ลูกยังเล็ก พวกเราสี่คน พ่อแม่ลูก ไปเที่ยวไหนไกลๆจะชวนลูกเล่นเกมทายยี่ห้อรถ
ทายเลขทะเบียนรถ ชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง
ไม่งั้นก็ฟังนิทานจากเทปคาสเซท (เดี๋ยวนี้ลูกสาวอายุยี่สิบกว่ายังจำนิทานเหล่านั้นได้)

เป็นที่สนุกสนาน เวลาจะชวนไปไหนไม่มีเลยสักครั้งที่ลูกๆจะปฏิเสธ

ต่างจากเด็กสมัยนี้ ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

มีครอบครัวหนึ่งมาทานอาหารร้านฉัน สี่คนพ่อแม่ลูก ทุกคนก้มหน้าหมดไม่มีใครคุยกัน
ฉันคิด จะอะไรกันนักหนา กับคนไกลตัวทีกับคนใกล้ตัวไม่คุย
หรือว่าเล่นเกมส์ ก็หยุดบ้างก็ได้ แบ่งเวลาให้กับครอบครัวบ้าง



ฉันไปจับจ่ายหาซื้อของที่ห้างๆหนึ่ง เด็กวัยกำลังโต(น่าจะปอสี่ปอห้า)นั่งอยู่บนรถเข็น ไม่ยอมเดิน
ไม่ยอมสนใจสิ่งรอบข้างได้แต่นั่งก้มหน้า จิ้มๆๆๆ
ฉันคิด  เสียดายเด็กเสียโอกาสในการทัศนศึกษากับสิ่งรอบๆตัว แบบนี้ถ้าพาไปเที่ยวไหนก็คงไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ



ทุกคนทำกิจกรรมตรงหน้าหมด ขาดความใส่ใจกันและกัน
พ่อแม่กำลังเล่นเพลิน ลูกๆนู่นนี่นั่น พ่อแม่รำคาญก็ตวาด ดุ

พอลูกมีปัญหาจริงๆ จะไม่กล้าบอกพ่อแม่เพราะกลัวจะโดนดุ โดนตะคอกกลับ เลยไปปรึกษาเพื่อน
เจอเพื่อนดีก็ดีไปแต่ถ้าเจอเพื่อนไม่ดี ....



ช่วงวัยที่ลูกยังเล็กๆเป็นโอกาสทองของครอบครัวเลยนะคะ
อย่าปล่อยให้โอกาสดีๆหลุดลอยไป ใส่ใจเค้าตอนที่เค้ายังอยู่ให้เราดูแลเถอะค่ะ





ปล  ฉันกับสามี ตอนนี้ได้แต่คุยกันเรื่องลูกถึงวันเวลาดีๆที่เราเคยอยู่ร่วมกัน

ฉันเอง บางวันที่ทอดไข่ดาวให้ลูกค้า มันแว๊ปขึ้นมาคือ คิดถึงลูก แล้วส่งข้อความไปบอกว่าคิดถึง ลูกถามเป็นไร
บอกลูกไม่เป็นไร แค่คิดถึง
เฮ้อออ ตอนนี้ทำได้แค่นี้จริงๆ



ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ



.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่