อยากจะแชร์ความรู้สึกตอนทำโทรศัพท์หายที่ญี่ปุ่นค่ะ

ขอออกตัวก่อนนะคะว่าไม่ได้เป็นติ่งประเทศญี่ปุ่นเลยทั้งเรื่องซีรีส์ ดารา นักร้อง
พอดีได้มีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นแบบไม่ทันตั้งตัวตอนปลายเดือนที่แล้ว เลยอยากจะเล่าถึงเหตุการณ์สั้น ๆ ให้ฟังค่ะ


3 อาทิตย์ที่แล้วขณะนั่งรถไฟจากเมือง Nara เพื่อไป Shijo subway station (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)
เราทำ iphone 5 หล่นบนรถไฟที่เมืองเกียวโต คือเสียบโทรศัพท์ไว้ที่กระเป๋ากางเกงหลัง แล้วเผลอหลับไป
สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนประตูรถไฟเปิดที่สถานีที่คิดว่าจะต้องลงพอดี เลยลุกพรวดขึ้นออกไป ไม่ได้เช็คซ้ำ
(จริง ๆ เราไม่ต้องลง เพราะมันแค่เปลี่ยนชื่อขบวนเฉย ๆ-- ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ)


กว่าจะรู้ตัวก็นั่งรถออกจากสถานีนั้นออกมาแล้ว 2 ป้าย เลยต้องนั่งกลับไปที่สถานีเดิม ปรากฏว่านายสถานีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
เราสื่อสารได้เพียงแต่บอกเค้าว่า เราทำโทรศัพท์หาย (ใช้ google tranlation สื่อสาร)
แต่เราไม่เข้าใจเลยว่า เค้าบอกไรเรากลับมา


เลยตัดสินใจกลับมาติดต่อที่ Kintetsu information, lost and found และสถานีตำรวจที่สถานีโตเกียว
เพราะคิดว่าเป็นสถานีใหญ่ และเป็น hub ของรถไฟ เค้าน่าจะพูดภาษาอังกฤษกันได้มากกว่า


อยากบอกว่าตอนนั้นประทับใจตำรวจญี่ปุ่นมากๆๆๆๆ เค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่เค้าก็โทรตามตำรวจญี่ปุ่นที่พอพูดภาษาอังกฤษจากที่อื่น
มาช่วยสื่อสารกับเรา เค้าได้ลงบันทึกประจำวันให้ ถามละเอียดยิบ รูปร่างหน้าตาโทรศัพท์ สี ลักษณะเคส ใช้งานสัญญาณค่ายไหน
ตอนนั้นก็ตอบ dtac ไปอย่างงง ๆ ว่าเกี่ยวไร เพราะเราบอกเค้าว่าเราเปิดเป็น airplane mode แล้ว
เค้าถามรายละเอียด ทุก ๆ อย่างเกี่ยวกับโทรศัพท์และขบวนรถไฟที่ทำโทรศัพท์หาย
และได้ขอเบอร์โทรศัพท์ ที่อยู่ในรร ที่เกียวโต และที่กรุงเทพไว้ด้วย
เผื่อว่าเค้าเก็บโทรศัพท์ได้หลังจากเรากลับเมืองไทยไปแล้ว จะได้ส่งให้ (ถ้าเป็นบ้านเรา......?)
คุยกันอยู่สักเกือบ 1 ชม กว่าจะได้ใบแจ้งความที่มีรายละเอียดทุกอย่างมา


โดยทุกที่ที่เราไปถามหาโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ก็ได้โทรไปที่รถไฟขบวนนั้นเพื่อถามหาโทรศัพท์ให้เรา (คิดว่านะคะ)
เพราะเราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเค้าโทรไปหาใครกันแน่
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครพบร่องรอยเบาะแสโทรศัพท์เราเลย ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม


ตอนนั้นถอดใจแล้ว เอ๊ะ ไหนบอกว่าใครทำอะไรหายที่ญี่ปุ่นให้กลับไปที่เดิม มันจะวางอยู่ตรงนั้นไง
แต่ที่ ๆ เราทำหล่นหายมันวิ่งด้วยความเร็ว 100-200 km/hr ง่ะ จะตามหาที่ไหนดี เซ็งมาก !!!
ก็เลยบอกแฟนว่า เราเที่ยวกันต่อเถอะ ยังไงก็ไม่เจอหรอก เราจะคิดว่ามันหายไปแล้ว ถ้าหาเจอคือส้มหล่น
ไว้ค่อยกลับมาดูที่สถานีตำรวจตอนเย็น ก่อนเข้ารร อีกทีละกัน จะได้เที่ยวแบบสบายใจขึ้น (จิ๊ดนึง หลอกตัวเองไปเรื่อย)


แต่แฟนบอก เราเข้าไปถาม subway information อีกนิดดีไหม
เพราะ kintetsu มันเปลี่ยนเป็น subway ตรงสถานีที่เราลงพอดี
เราเลยโอเค และเดินไปถามเป็นที่สุดท้าย หลังจากทำโทรศัพท์หล่นไป 2 ชม


เค้าโทรไปถามให้เราอีกครั้ง     
ปรากฏว่า........... ได้คืนค่ะ วู้ฮู้ ๆๆๆ
มันถูกนำมาส่งที่สถานีเล็ก ๆ ที่เราไปถามตอนแรก ที่ๆ นายสถานีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เราเลยรีบนั่งรถไฟกลับไปเอา


ตอนนั้นเราซึ้งใจคนประเทศนี้มากๆๆๆ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องขอบคุณใคร ทำไมมันมาอยู่ที่สถานีนี้
เพราะเราโต้ตอบกับนายสถานีนี้ได้แค่ว่า โทรศัพท์เราหายได้แค่นั้น
เราอยากจะขอบคุณ อยากจะซื้อขนมมาให้คนที่เก็บโทรศัพท์เราได้ แต่ไม่รู้ว่าจะคุยกับเค้ายังไง
และจะบอกเค้ายังไงว่าเราประทับใจพวกคุณมาก ๆ

แต่แฟนเราบอกว่า ดูสีหน้าเค้าสิ ไม่ได้แสดงถึงความภูมิใจอะไรเลยที่เราแทบจะโค้งขอบคุณเค้าแบบนั้น
มันเหมือนกับว่า เค้าทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ใครทำอะไรหาย ก็มาที่ lost and found เพื่อตามหาก็เท่านั้น


เรากลับมาเมืองไทยด้วยความรู้สึกว่า จริง ๆ ประเทศไทยก็มีสิ่งดี ๆ ต่าง ๆ มากมาย
แต่ที่เมืองเรามีด้อยกว่าคนญี่ป่น คงเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์และระเบียบวินัยมั้งคะ  


อดคิดไม่ได้ว่าถ้า iphone 5 ของเราทำตกไว้ที่รถไฟที่แล่นจากเพชรบุรีเข้ากรุงเทพ ตอนนี้โทรศัพท์เราจะไปอยู่ที่ไหน
และถึงจะโชคดีมีพลเมืองดีเก็บไว้ให้ก็ตาม แต่เราก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเราจะไปติดต่อตรงไหนเพื่อให้ได้โทรศัพท์คืนมา


บางคนอาจจะคิดว่าก็แค่ทำโทรศัพท์หายแล้วบังเอิญได้คืนมา จะอะไรกันนักหนา
แต่สำหรับเรามันเป็นความประทับใจในประเทศนี้จริง ๆ ค่ะ ทั้งความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ ระบบการดูแลรักษาความปลอดภัย สวัสดิการต่าง ๆ
แม้ว่าเราว่าในเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เราจะชอบยุโรปมากกว่าญี่ปุ่นก็ตาม แต่ด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจ ความซื่อสัตย์ของคนประเทศนี้
มันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้งจริงๆ ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่