ผมพยามส่ายหน้าไปมา แต่เพื่อนผมมันก็ยังพยักหน้าอยู่ดี ซึ้งนั้นก็แปลว่าเพื่อนผมมันจะจีบ พิ้ง ผมก็เลยพยามห้ามไม่ให้จีบโดยการส่ายหน้า และ พิ้ง ก็มอง
พวกผมทำอะไร แล้วก็เอ่ยถาม
"เอ่อ...นี่คือกำลังทำอะไรอยู่คะ"
ทันทีที่ผมได้ยินผมเลยหยุดส่ายหน้าแล้วบอกไป
"อ๋อ!! พวกเรากำลังออกกำลังกายกันเนอะ" ผมมองตาเพื่อน
"อ๋อ!! ใช่ครับ”
ผมเลยขออนุญาต พิ้ง มาคุยกับเพื่อนตามลำพัง ที่ตรงหัวมุมประตู
"เฮ้ย!! แกจะจีบจริงๆ หรอวะ" ผมถามด้วยใบหน้าที่งง เพื่อนผมก็ตบหัวผมทีหนึ่งแล้วบอกว่า
"เออสิวะ! กูจะจีบพิ้ง แล้วอ่ะ ชอบเค้าหรอ" เพื่อนผมส่งคำถามมาให้ แต่ผมก็หันหน้าหนีแล้วไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้เพื่อนผมงง อยู่แบบนั้น
จนใกล้เวลาเลิกงาน พิ้ง ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระต้องไปทำอีก ผมเลยปล่อยให้ไป เพื่อนผมมันก็ขอตัวด้วยเช่นกัน เพราะ มันจะไปส่ง พิ้ง ผมก็เลยปล่อยมันไป เหลือผมทำงานคนเดียว จนเวลาเลิกงานเสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะของผมก็ดังขึ้น ผมไปดูปรากฏชื่อของเพื่อนผม ผมเลยกดรับสาย ได้เสียงตะโกนของพิ้ง ผมเลยถามไปว่า
"เกิดอะไรขึ้น!!" ผมวางของแล้วนั่งฟัง ด้วยซีหน้าที่เป็นห่วง
"ช่วยด้วยมีกลุ่มวัยรุ่นพยามจับตัวพวกเรา ช่วยด้วย!!" เพื่อนผมพูดด้วยอาการที่รีบร้อน
"แล้วอยู่แถวไหน!"
"อยู่แถว บริษัทเรา แต่ อยู่ในซอยลึก!!" ทันทีเพื่อนผมพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดับลง ผมเลยรีบวิ่งออกไป ทิ้งของไว้ที่ทำงาน
เมื่อถึงสถานที่ก็เห็น ตำรวจ กำลังจับตัวพวกวัยรุ่น เห็นเพื่อนผมอยู่บนเตียงพยามบาล ส่วนพิ่ง ก็อยู่อีกเตียง ผมเลยรีบวิ่งไปหาเพื่อนเพื่อจะถามเหตุการณ์ แต่หมอได้เอามือมาขวางแล้วบอก
"ตอนนี้คนไข้ได้รับบาดจ็บหนัก กรุณาถอยไปด้วยครับ"
หมอพยามเอามือมาบังผมเอาไว้ ผมก็เลยได้แค่มองเพื่อนผมถูกส่งเข้ารถพยามบาล พอเสร็จประตูรถก็ปิดลง ผมเลยเดินกลับไปที่ทำงานหยิบของแล้วเดินไปซื้อของฝากจากร้านขายของชำแถวบริษัท เพื่อจะนำไปให้ เพื่อนผม กับ พิ้ง พอใกล้ถึงร้านมีเสียงปืนดังขึ้น ผมเลยไปดู เห็นคนร้ายกำลังจี้คอเด็กชาย ตัวเล็กๆ ผมดำ ดวงตาสีดำ กับน้ำตาตาที่ไหล ผมเลยยืนมองเพื่อช่วยอะไรได้ ส่วนทางฝั่งขวาก็มีตำรวจพยามหันกระบอกปืนไปทางคนร้าย แต่ไม่กล้ายิงเพราะกลัวไปโดนเด็ก จนผมเห็นทางแคบที่ไปโผล่บริษัท working ผมเลยเดินอ้อมไปที่บริษัท working แล้วเข้าทางแคบจนใกล้ถึง คราวนี้ผมชะโงกหน้าไปดู เห็นคนร้ายยังอยู่ที่เดิม ส่วนตำรวจ ก็มาอยู่ทั้งสองฝั่ง ล้อมคนร้ายเอาไว้ ผมก็นั่งรอจนกว่าคนร้ายจะเผลอตัว ประมาณ 3 นาทีคนร้ายเอามือที่ถือปืนลงแล้วสะบัดไปมาทันที ผมวิ่งไปล็อกคอคนร้ายแล้วจับมือทั้งสองกดลงกับพื้นแล้วเอาเท้าถีบปืนที่ตกไปไกลๆ จนตำรวจวิ่งเข้ามาหาแล้วใส่กุญแจมือกับผู้ร้าย ส่วนผมก็ไปหาเด็กคนนั้นแล้วยื่น ลูกอมให้ 2เม็ด เด็กชายก็ร้องไห้ไม่หยุดเอามือมาซับน้ำตา ผมก็เลยเอาผ้าเช็ดน้ำตาเด็กนั้น พร้อมบอกไปว่า
“ลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้นะ”ผมเอามือลูบหัวเด็กเบาๆ เด็กก็มองผมแล้วพยามซับน้ำตาแล้วก็บอกผม
“ครับ!! ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ขอบคุณนะครับ” ทันทีที่พูดจบเด็กชายก็วิ่งไปหาแม่ที่ร้องไห้อยู่ ส่วนผมก็มองดู ผมเริ่มสังเกตเห็นเงาแปลกที่อยู่ท่ามกลางผู้
คน แต่ผมก็ไม่สนใจเดินไปหยิบของที่ร้านขายของชำ แล้วเดินไปที่โรงพยาบาล
และเมื่อถึงโรงพยามบาล ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่
“ที่นี่มีคนชื่อ สุภัทร์ นาพาล์ม ไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่มองหน้าผม
“คุณ ชื่อ รุจ ใช่ไหมค่ะ?”
“ครับ!” เค้ารู้ชื่อเราได้ไงฟระ หรือ ว่า เค้ามีพลังจิตไงกัน
“จำฉันไม่ได้หรอ...!”
"ใครกันน้า?” ใครจะไปจำได้กันละเนี่ย แต่ทำไมสวยจังเนี่ย น่ารักด้วย หรือว่าจะเป็นเนื้อคู่เรา คงไม่ใช่หรอกมั้ง
"ฉันเอง ปูน!! จำไม่ได้สินะ”
ใครว้าปูนเราคงไม่ได้มีเพื่อนชื่อปูนหรอกนะ อะเด้หรือว่า เค้าจะเป็นเพื่อนของ เรียว คงไม่ใช่หรอกเจ้าเรียว คงไม่มีเพื่อนสวยขนาดนี้หรอก
“โทษทีนะครับ จำไม่ได้”
“ฉัน อาริกา มามิน!! จำได้รึยัง!”
“ว่าไงนะ..อา.ริ..กา!!” ไม่จริงใช่ไหม!!!!!!~~~~~ คนอย่างนั้นจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอฉันไม่เชื่อเด็ดขาด คงเป็นแค่ชื่อเหมือนละมั้ง ๑_@
“เป็นอะไรรึเปล่า รุจ ??” เป็นอะไรของเจ้าหมอนี่นะ ไม่ได้เจอกันสามปี หล่อขึ้นเยอะเลย
ผมทำหน้าอึ้งประมาณ 5 วิ ก่อนเริ่มมีสติแล้วส่ายหนห้าที่ แล้วก็มองหุ่นของ อาริกา แล้วกลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยปากถาม
“คงไม่ใช่ยัยโอ่งมังกรหรอกนะ”
“อ๋อ..ไม่ได้ยินนานแล้วแฮะ!!”
เธอจะไปได้ยินได้ไงสูงขาเรียวขาวผมยาวสลวย หุ่นดีอีกต่างหาก ผมเลยหันไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่แดง
อาริกาก็สะกิดผมแล้วบอกคนไข้ที่ชื่อ สุภัทร์ อยู่ห้อง 425 อยู่ชั้น 4 ห้อง 25 แล้วชี้นิ้วไปที่ข้างหลัง ผมก็หันไปพร้อมเห็นคนมาต่อคิวยาว ผมเลยก้มหน้าเดินออกมาตรงดิ่งไปยัง ห้อง 425 และเมื่อถึงห้อง เปิดประตูเข้าไป แสงแดดส่องเข้าตาทำให้มัว เป็นเวลา 2 วิ ผมต้องเดินออกมาทางเตียงคนไข้ พยามมองหาเตียงเพื่อนผม จนผมเจอคืออยู่ เตียงที่ 3 ฝั่งขวามือ ติดหน้าต่าง ผมเลยเดินเข้าไปหาพร้อมถือของฝากมาด้วย เมื่อถึงเตียงเพื่อนผม เห็นมันกำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมเลยสะกิดมัน
“เฮ้ย!!”
เพื่อนผมสะดุ้งทำให้หนังสือที่กำลังอ่านตก ผมก็ก้มลงไปเก็บพร้อมดูหนังปกหนังสือนั้น หยิบขึ้นมาแล้วพลิกหนังสือไปมา พอผมกำลังเปิดอ่านเพื่อนผมก็บอกว่าอย่า ผมเลยปิดแล้ววางหนังสือไว้ตรงโต๊ะคนไข้
“เฮ้ย!! เดี่ยวนี่แกหัดอ่านนิยายแล้วหรอวะ!”
“มันก็เรื่องของฉันอีกละน้า”
ผมทำหน้างง แล้วหยิบแอปเปิ้ลมาหนึ่งลูกจากของฝากที่ผมเอามา แล้วส่งมันไปให้เพื่อน เพื่อนผมมันก็รับแล้วกัดทันที ผมมองสภาพมัน เห็นข้างๆ เตียงมีไม้ช่วยเดิน ผมเลยถาม
“เป็นอะไรมั้งวะ?”
“กระดูตรงต้นขาหัก แล้วก็รอยช้ำต่างๆ แล้วแกไปดู พิ้ง รึยัง”
“ยังเลยวะ กะว่าจะไปอยู่”
“รีบไปเถอะ ฉันเป็นห่วงพิ้งวะ”
อะไรของมันวะ ทั้งที่เก่งเรื่องศิลปะป้องกันตัว แต่ช่วยใครเขาไม่ได้ยังเป็นห่วงอีกหรอ
“งั้นเดี่ยวฉันมา แล้ว ห้อง พิ้งอยู่ไหน?”
“ฉันจะรู้ไหมละ”
เอาไอ้นี่ให้ไปหาแล้วไม่รู้ห้อง ต้องลงไปถาม อาริกา อีกแล้วสิ เฮ้อ!!
ผมก็เดินออกมาจากห้อง แล้วเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อลงข้างล่าง แต่ในลิฟท์มีผมอยู่คนเดียว แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร แต่ขณะลิฟท์ ไปได้แค่ชั้น 2 ลิฟท์ก็เปิดขึ้น แต่ไม่มีใคร ผมคงสงสัยว่าคงมีใครมากดเล่น แต่ในขณะลิฟท์จะปิดตัวลง มีเงาผู้หญิงเดินมาทางเดินใกล้เข้ามา ลิฟท์ก็จะปิดแล้วเสี้ยววินาทีที่ลิพกำลังปิดได้มีหน้าผู้หญิงที่หน้าเต็มไปด้วยแผลแหวะ กลับลูกตาที่แดงกร่ำ จนทำให้ผมสะดุ้งล้มลงอย่างจัง ลิฟท์ก็ปิดตัวลง จนถึงชั้นที่ 1 ผมรีบเดินออกมาเลยแล้วตรงดิ่งไปยัง เคาน์เตอร์
เป็นอย่างไหร่ต่อไปโปรดติดตาม
พนักงานใหม่สุดซึน!! กับ นายไร้มิตร ตอนที่ 3
พวกผมทำอะไร แล้วก็เอ่ยถาม
"เอ่อ...นี่คือกำลังทำอะไรอยู่คะ"
ทันทีที่ผมได้ยินผมเลยหยุดส่ายหน้าแล้วบอกไป
"อ๋อ!! พวกเรากำลังออกกำลังกายกันเนอะ" ผมมองตาเพื่อน
"อ๋อ!! ใช่ครับ”
ผมเลยขออนุญาต พิ้ง มาคุยกับเพื่อนตามลำพัง ที่ตรงหัวมุมประตู
"เฮ้ย!! แกจะจีบจริงๆ หรอวะ" ผมถามด้วยใบหน้าที่งง เพื่อนผมก็ตบหัวผมทีหนึ่งแล้วบอกว่า
"เออสิวะ! กูจะจีบพิ้ง แล้วอ่ะ ชอบเค้าหรอ" เพื่อนผมส่งคำถามมาให้ แต่ผมก็หันหน้าหนีแล้วไปที่โต๊ะทำงาน ปล่อยให้เพื่อนผมงง อยู่แบบนั้น
จนใกล้เวลาเลิกงาน พิ้ง ก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระต้องไปทำอีก ผมเลยปล่อยให้ไป เพื่อนผมมันก็ขอตัวด้วยเช่นกัน เพราะ มันจะไปส่ง พิ้ง ผมก็เลยปล่อยมันไป เหลือผมทำงานคนเดียว จนเวลาเลิกงานเสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะของผมก็ดังขึ้น ผมไปดูปรากฏชื่อของเพื่อนผม ผมเลยกดรับสาย ได้เสียงตะโกนของพิ้ง ผมเลยถามไปว่า
"เกิดอะไรขึ้น!!" ผมวางของแล้วนั่งฟัง ด้วยซีหน้าที่เป็นห่วง
"ช่วยด้วยมีกลุ่มวัยรุ่นพยามจับตัวพวกเรา ช่วยด้วย!!" เพื่อนผมพูดด้วยอาการที่รีบร้อน
"แล้วอยู่แถวไหน!"
"อยู่แถว บริษัทเรา แต่ อยู่ในซอยลึก!!" ทันทีเพื่อนผมพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดับลง ผมเลยรีบวิ่งออกไป ทิ้งของไว้ที่ทำงาน
เมื่อถึงสถานที่ก็เห็น ตำรวจ กำลังจับตัวพวกวัยรุ่น เห็นเพื่อนผมอยู่บนเตียงพยามบาล ส่วนพิ่ง ก็อยู่อีกเตียง ผมเลยรีบวิ่งไปหาเพื่อนเพื่อจะถามเหตุการณ์ แต่หมอได้เอามือมาขวางแล้วบอก
"ตอนนี้คนไข้ได้รับบาดจ็บหนัก กรุณาถอยไปด้วยครับ"
หมอพยามเอามือมาบังผมเอาไว้ ผมก็เลยได้แค่มองเพื่อนผมถูกส่งเข้ารถพยามบาล พอเสร็จประตูรถก็ปิดลง ผมเลยเดินกลับไปที่ทำงานหยิบของแล้วเดินไปซื้อของฝากจากร้านขายของชำแถวบริษัท เพื่อจะนำไปให้ เพื่อนผม กับ พิ้ง พอใกล้ถึงร้านมีเสียงปืนดังขึ้น ผมเลยไปดู เห็นคนร้ายกำลังจี้คอเด็กชาย ตัวเล็กๆ ผมดำ ดวงตาสีดำ กับน้ำตาตาที่ไหล ผมเลยยืนมองเพื่อช่วยอะไรได้ ส่วนทางฝั่งขวาก็มีตำรวจพยามหันกระบอกปืนไปทางคนร้าย แต่ไม่กล้ายิงเพราะกลัวไปโดนเด็ก จนผมเห็นทางแคบที่ไปโผล่บริษัท working ผมเลยเดินอ้อมไปที่บริษัท working แล้วเข้าทางแคบจนใกล้ถึง คราวนี้ผมชะโงกหน้าไปดู เห็นคนร้ายยังอยู่ที่เดิม ส่วนตำรวจ ก็มาอยู่ทั้งสองฝั่ง ล้อมคนร้ายเอาไว้ ผมก็นั่งรอจนกว่าคนร้ายจะเผลอตัว ประมาณ 3 นาทีคนร้ายเอามือที่ถือปืนลงแล้วสะบัดไปมาทันที ผมวิ่งไปล็อกคอคนร้ายแล้วจับมือทั้งสองกดลงกับพื้นแล้วเอาเท้าถีบปืนที่ตกไปไกลๆ จนตำรวจวิ่งเข้ามาหาแล้วใส่กุญแจมือกับผู้ร้าย ส่วนผมก็ไปหาเด็กคนนั้นแล้วยื่น ลูกอมให้ 2เม็ด เด็กชายก็ร้องไห้ไม่หยุดเอามือมาซับน้ำตา ผมก็เลยเอาผ้าเช็ดน้ำตาเด็กนั้น พร้อมบอกไปว่า
“ลูกผู้ชายไม่ควรร้องไห้นะ”ผมเอามือลูบหัวเด็กเบาๆ เด็กก็มองผมแล้วพยามซับน้ำตาแล้วก็บอกผม
“ครับ!! ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว ขอบคุณนะครับ” ทันทีที่พูดจบเด็กชายก็วิ่งไปหาแม่ที่ร้องไห้อยู่ ส่วนผมก็มองดู ผมเริ่มสังเกตเห็นเงาแปลกที่อยู่ท่ามกลางผู้
คน แต่ผมก็ไม่สนใจเดินไปหยิบของที่ร้านขายของชำ แล้วเดินไปที่โรงพยาบาล
และเมื่อถึงโรงพยามบาล ผมเดินไปถามเจ้าหน้าที่
“ที่นี่มีคนชื่อ สุภัทร์ นาพาล์ม ไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่มองหน้าผม
“คุณ ชื่อ รุจ ใช่ไหมค่ะ?”
“ครับ!” เค้ารู้ชื่อเราได้ไงฟระ หรือ ว่า เค้ามีพลังจิตไงกัน
“จำฉันไม่ได้หรอ...!”
"ใครกันน้า?” ใครจะไปจำได้กันละเนี่ย แต่ทำไมสวยจังเนี่ย น่ารักด้วย หรือว่าจะเป็นเนื้อคู่เรา คงไม่ใช่หรอกมั้ง
"ฉันเอง ปูน!! จำไม่ได้สินะ”
ใครว้าปูนเราคงไม่ได้มีเพื่อนชื่อปูนหรอกนะ อะเด้หรือว่า เค้าจะเป็นเพื่อนของ เรียว คงไม่ใช่หรอกเจ้าเรียว คงไม่มีเพื่อนสวยขนาดนี้หรอก
“โทษทีนะครับ จำไม่ได้”
“ฉัน อาริกา มามิน!! จำได้รึยัง!”
“ว่าไงนะ..อา.ริ..กา!!” ไม่จริงใช่ไหม!!!!!!~~~~~ คนอย่างนั้นจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอฉันไม่เชื่อเด็ดขาด คงเป็นแค่ชื่อเหมือนละมั้ง ๑_@
“เป็นอะไรรึเปล่า รุจ ??” เป็นอะไรของเจ้าหมอนี่นะ ไม่ได้เจอกันสามปี หล่อขึ้นเยอะเลย
ผมทำหน้าอึ้งประมาณ 5 วิ ก่อนเริ่มมีสติแล้วส่ายหนห้าที่ แล้วก็มองหุ่นของ อาริกา แล้วกลืนน้ำลาย ก่อนเอ่ยปากถาม
“คงไม่ใช่ยัยโอ่งมังกรหรอกนะ”
“อ๋อ..ไม่ได้ยินนานแล้วแฮะ!!”
เธอจะไปได้ยินได้ไงสูงขาเรียวขาวผมยาวสลวย หุ่นดีอีกต่างหาก ผมเลยหันไปทางอื่นด้วยใบหน้าที่แดง
อาริกาก็สะกิดผมแล้วบอกคนไข้ที่ชื่อ สุภัทร์ อยู่ห้อง 425 อยู่ชั้น 4 ห้อง 25 แล้วชี้นิ้วไปที่ข้างหลัง ผมก็หันไปพร้อมเห็นคนมาต่อคิวยาว ผมเลยก้มหน้าเดินออกมาตรงดิ่งไปยัง ห้อง 425 และเมื่อถึงห้อง เปิดประตูเข้าไป แสงแดดส่องเข้าตาทำให้มัว เป็นเวลา 2 วิ ผมต้องเดินออกมาทางเตียงคนไข้ พยามมองหาเตียงเพื่อนผม จนผมเจอคืออยู่ เตียงที่ 3 ฝั่งขวามือ ติดหน้าต่าง ผมเลยเดินเข้าไปหาพร้อมถือของฝากมาด้วย เมื่อถึงเตียงเพื่อนผม เห็นมันกำลังอ่านหนังสืออยู่ ผมเลยสะกิดมัน
“เฮ้ย!!”
เพื่อนผมสะดุ้งทำให้หนังสือที่กำลังอ่านตก ผมก็ก้มลงไปเก็บพร้อมดูหนังปกหนังสือนั้น หยิบขึ้นมาแล้วพลิกหนังสือไปมา พอผมกำลังเปิดอ่านเพื่อนผมก็บอกว่าอย่า ผมเลยปิดแล้ววางหนังสือไว้ตรงโต๊ะคนไข้
“เฮ้ย!! เดี่ยวนี่แกหัดอ่านนิยายแล้วหรอวะ!”
“มันก็เรื่องของฉันอีกละน้า”
ผมทำหน้างง แล้วหยิบแอปเปิ้ลมาหนึ่งลูกจากของฝากที่ผมเอามา แล้วส่งมันไปให้เพื่อน เพื่อนผมมันก็รับแล้วกัดทันที ผมมองสภาพมัน เห็นข้างๆ เตียงมีไม้ช่วยเดิน ผมเลยถาม
“เป็นอะไรมั้งวะ?”
“กระดูตรงต้นขาหัก แล้วก็รอยช้ำต่างๆ แล้วแกไปดู พิ้ง รึยัง”
“ยังเลยวะ กะว่าจะไปอยู่”
“รีบไปเถอะ ฉันเป็นห่วงพิ้งวะ”
อะไรของมันวะ ทั้งที่เก่งเรื่องศิลปะป้องกันตัว แต่ช่วยใครเขาไม่ได้ยังเป็นห่วงอีกหรอ
“งั้นเดี่ยวฉันมา แล้ว ห้อง พิ้งอยู่ไหน?”
“ฉันจะรู้ไหมละ”
เอาไอ้นี่ให้ไปหาแล้วไม่รู้ห้อง ต้องลงไปถาม อาริกา อีกแล้วสิ เฮ้อ!!
ผมก็เดินออกมาจากห้อง แล้วเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อลงข้างล่าง แต่ในลิฟท์มีผมอยู่คนเดียว แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร แต่ขณะลิฟท์ ไปได้แค่ชั้น 2 ลิฟท์ก็เปิดขึ้น แต่ไม่มีใคร ผมคงสงสัยว่าคงมีใครมากดเล่น แต่ในขณะลิฟท์จะปิดตัวลง มีเงาผู้หญิงเดินมาทางเดินใกล้เข้ามา ลิฟท์ก็จะปิดแล้วเสี้ยววินาทีที่ลิพกำลังปิดได้มีหน้าผู้หญิงที่หน้าเต็มไปด้วยแผลแหวะ กลับลูกตาที่แดงกร่ำ จนทำให้ผมสะดุ้งล้มลงอย่างจัง ลิฟท์ก็ปิดตัวลง จนถึงชั้นที่ 1 ผมรีบเดินออกมาเลยแล้วตรงดิ่งไปยัง เคาน์เตอร์
เป็นอย่างไหร่ต่อไปโปรดติดตาม