(Semarang ในมุมมองของผม)
ผมเชื่อว่าชื่อเมือง Semarang คงจะไม่ค่อยคุ้นหูกับคนไทยซักเท่าไหร่
ตำแหน่งที่ตั้งของเมือง Semarang จะอยู่ระหว่างเมืองหลวงจาการ์ตากับเมืองสุราบายาที่ผมอยู่ เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตชวากลาง
(ใกล้กับเมือง Solo ที่เคยเกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารสายการบิน Lion Air ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกรันเวย์ไปกองอยู่ใกล้บริเวณสุสานป่าช้าของชาวมุสลิม เมื่อปี 2004)
การเดินทางจากสุราบายาไปเมือง Semarang ถ้าใช้รถยนต์ก็จะกินเวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง
แต่ถ้ามาทางเครื่องบินใช้เวลาแค่ประมาณ 40 นาทีเท่านั้นเอง ประหยัดเวลากว่ากันมาก แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเนื่องจากเที่ยวบินที่ไป Semarang ในแต่ละวันจะมีค่อนข้างน้อยและเป็นส่วนใหญ่จะเป็นสายการบิน low cost
พูดถึงสายการบิน low cost ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นที่นิยมกันในเมืองไทย(ใครๆก็บินได้)
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2004 ที่ผ่านมา ทางอินโดนีเซียเค้ามีกิจการสายการบิน low cost มาก่อนหน้าหลายปีแล้วครับ มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องมี เนื่องจากขนาดของประเทศอินโดนีเซียที่กว้างขวางใหญ่โต บวกกับถนนหนทางที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขยับขยายพื้นผิวจราจรเท่าที่ควร การเดินทางระหว่างเมืองในระยะทางไกล โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถบัสโดยสารคงไม่ใช่ทางเลือกที่ให้ความสะดวกสบายเป็นแน่
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบว่า ผู้คนชาวอินโดฯนิยมเดินทางโดยเครื่องบินกันมากถึงแม้ว่า ค่าโดยสารเมื่อเทียบออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ถูกกว่า low cost ของทางเมืองไทยเลย จึงไม่ต้องประหลาดใจกับภาพของผู้คนที่แออัดตามสนามบินท้องถิ่น บรรยากาศที่เห็นคงไม่ต่างจากสถานีขนส่งหมอชิตมากนัก
หลังจากเมื่อคุณได้พบเห็นภาพนั้นแล้ว มันก็จะทำให้คุณเข้าใจกับสโลแกนที่ว่า "ใครๆก็บินได้" เป็นอย่างดี
พูดถึงสายการบิน low cost ผมอดที่พูดถึงสายการบิน Merpati ไม่ได้ ครั้งนั้นผมใช้บริการบินกลับไปเมืองสุราบายา ปรากฏว่าหลังจากที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่อากาศ และปรับระดับการบินได้ที่แล้ว ผมสังเกตว่ามีหยดน้ำของแอร์ค่อยๆหยดลงมา โดยเฉพาะผู้โดยสารที่นั่งติดริมหน้าต่าง ต่างต้องคอยระวังซับหยดน้ำก่อนที่มันจะหยดลงมาบนหัว
เครื่องบินลำเก่าก็เป็นแบบนี้แหละครับ ทำให้มีกิจกรรมเสริมให้ผู้โดยสารได้ผ่อนคลายแก้เหงาไปตลอดเส้นทางบิน แต่คุณพนักงานต้อนรับสาวน่ารักมากครับ เธองามระหง สวยสง่า ไม่น่าเชื่อเลยว่า อัญมณีเม็ดงามอย่างพวกเธอ จะหาพบเจอได้บนสายการบิน low cost อย่างนี้
แต่ก็ใช่ว่าสายการบิน Merpati ที่ว่า จะมีแต่เครื่องบินเก่าประจำการอย่างเดียว ในครั้งหลังที่ผมใช้บริการ ก็ได้เห็นเครื่องบินลำอื่นที่สภาพดีกว่ามาก ดังนั้นคงต้องขึ้นกับการจัดสรรทรัพยากรของสายการบิน ส่วนผู้โดยสารคงต้องรอลุ้นเองว่าจะได้บินไปกับเครื่องบินลำไหน
บันทึกความทรงจำ จากรอยเท้าที่ยังก้าวเดิน ตอนที่ 9
ผมเชื่อว่าชื่อเมือง Semarang คงจะไม่ค่อยคุ้นหูกับคนไทยซักเท่าไหร่
ตำแหน่งที่ตั้งของเมือง Semarang จะอยู่ระหว่างเมืองหลวงจาการ์ตากับเมืองสุราบายาที่ผมอยู่ เมืองนี้ตั้งอยู่ในเขตชวากลาง
(ใกล้กับเมือง Solo ที่เคยเกิดโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารสายการบิน Lion Air ประสบอุบัติเหตุลื่นไถลออกนอกรันเวย์ไปกองอยู่ใกล้บริเวณสุสานป่าช้าของชาวมุสลิม เมื่อปี 2004)
การเดินทางจากสุราบายาไปเมือง Semarang ถ้าใช้รถยนต์ก็จะกินเวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง
แต่ถ้ามาทางเครื่องบินใช้เวลาแค่ประมาณ 40 นาทีเท่านั้นเอง ประหยัดเวลากว่ากันมาก แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเนื่องจากเที่ยวบินที่ไป Semarang ในแต่ละวันจะมีค่อนข้างน้อยและเป็นส่วนใหญ่จะเป็นสายการบิน low cost
พูดถึงสายการบิน low cost ที่เพิ่งเปิดตัวเป็นที่นิยมกันในเมืองไทย(ใครๆก็บินได้)
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2004 ที่ผ่านมา ทางอินโดนีเซียเค้ามีกิจการสายการบิน low cost มาก่อนหน้าหลายปีแล้วครับ มันเป็นความจำเป็นที่จะต้องมี เนื่องจากขนาดของประเทศอินโดนีเซียที่กว้างขวางใหญ่โต บวกกับถนนหนทางที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงขยับขยายพื้นผิวจราจรเท่าที่ควร การเดินทางระหว่างเมืองในระยะทางไกล โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถบัสโดยสารคงไม่ใช่ทางเลือกที่ให้ความสะดวกสบายเป็นแน่
จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบว่า ผู้คนชาวอินโดฯนิยมเดินทางโดยเครื่องบินกันมากถึงแม้ว่า ค่าโดยสารเมื่อเทียบออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ถูกกว่า low cost ของทางเมืองไทยเลย จึงไม่ต้องประหลาดใจกับภาพของผู้คนที่แออัดตามสนามบินท้องถิ่น บรรยากาศที่เห็นคงไม่ต่างจากสถานีขนส่งหมอชิตมากนัก
หลังจากเมื่อคุณได้พบเห็นภาพนั้นแล้ว มันก็จะทำให้คุณเข้าใจกับสโลแกนที่ว่า "ใครๆก็บินได้" เป็นอย่างดี
พูดถึงสายการบิน low cost ผมอดที่พูดถึงสายการบิน Merpati ไม่ได้ ครั้งนั้นผมใช้บริการบินกลับไปเมืองสุราบายา ปรากฏว่าหลังจากที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่อากาศ และปรับระดับการบินได้ที่แล้ว ผมสังเกตว่ามีหยดน้ำของแอร์ค่อยๆหยดลงมา โดยเฉพาะผู้โดยสารที่นั่งติดริมหน้าต่าง ต่างต้องคอยระวังซับหยดน้ำก่อนที่มันจะหยดลงมาบนหัว
เครื่องบินลำเก่าก็เป็นแบบนี้แหละครับ ทำให้มีกิจกรรมเสริมให้ผู้โดยสารได้ผ่อนคลายแก้เหงาไปตลอดเส้นทางบิน แต่คุณพนักงานต้อนรับสาวน่ารักมากครับ เธองามระหง สวยสง่า ไม่น่าเชื่อเลยว่า อัญมณีเม็ดงามอย่างพวกเธอ จะหาพบเจอได้บนสายการบิน low cost อย่างนี้
แต่ก็ใช่ว่าสายการบิน Merpati ที่ว่า จะมีแต่เครื่องบินเก่าประจำการอย่างเดียว ในครั้งหลังที่ผมใช้บริการ ก็ได้เห็นเครื่องบินลำอื่นที่สภาพดีกว่ามาก ดังนั้นคงต้องขึ้นกับการจัดสรรทรัพยากรของสายการบิน ส่วนผู้โดยสารคงต้องรอลุ้นเองว่าจะได้บินไปกับเครื่องบินลำไหน