ใบตองแห้ง : ความเป็นไทยอันประเสริฐ




ใบตองแห้ง: ความเป็นไทยอันประเสริฐ

วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 14:35:00 น.
    

ปีใหม่ไทยเป็นช่วงรำลึกถึง "ความเป็นไทย" ไถ่ถาม "ความเป็นไทย" ว่ายังสบายดีอยู่หรือ ในยุคสมัยที่วิถีชีวิตเปลี่ยนไป ถึงยังลอยกระทง ยังเล่นสงกรานต์ แต่ก็มีผู้ทุกข์ร้อนห่วงใย จนลอยกระทงกลายเป็น "คืนเสียตัว" สงกรานต์กลายเป็น "เทศกาลห้ามตาย"

แหม จะสนุกหน่อยก็ไม่ได้ ห้ามนู่นห้ามนี่ จนแทบจะหมอบกราบรดน้ำ ถึงถูกต้องตามประเพณีไทย

หลายปีมานี้ กระแสหวงแหน "ความเป็นไทย" ขึ้นสูงปรี๊ด พร้อมกับจิตสำนึก "ความเป็นชาติ" ซึ่งประหลาดหน่อยๆ ไม่ได้ปลุกไปรบกับต่างชาติที่ไหน รบกับคนไทยด้วยกันเอง (เพียงแต่เวลาคนต่างขั้วมาม็อบ ก็ตัดต่อภาพให้เป็นพม่า เขมรไปเสียฉิบ)

กระแสหวงแหนความเป็นไทย เป็นภาคผนวกของ "กระแสศีลธรรม" ซึ่งปลุกขึ้นมาต้าน "นักการเมืองชั่ว" "ต้านโกง" ไล่มันให้พ้นไปจากแผ่นดินไทย ไม่ให้เป็น "คนไทย"

อันที่จริงการปลุกกระแสศีลธรรม ปลุกความเป็นไทย เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ปลุกแล้วผูกขาดไปเป็นของตัวนี่สิ

น่าสังเกตว่า ปลุกไปปลุกมา ศีลธรรมและความเป็นไทยกลายเป็นของผู้ลากมากดี คนชั้นกลาง ชาวกรุง ซึ่งไปงานสัปดาห์หนังสือ ซื้อธรรมะท่านพุทธทาสและประวัติศาสตร์พระนเรศวรมาเต็มตู้ ขณะที่คนไทยบ้านๆ กลายเป็นคนลาว สปป.ล้านนา หรือพวกไร้การศึกษา ไม่มีวัฒนธรรม สงกรานต์ก็ขึ้นรถกระบะสาดน้ำ ประแป้ง เมาแอ๋ เปิดเพลงดังลั่น แดนซ์กันกระจาย

แหม่ สงกรานต์ไทยแท้เมาแอ๋แต่โบราณนะครับ เพราะเป็นการเฉลิมฉลองฤดูผลิตใหม่ ข้าวที่เก็บเกี่ยวไว้หมักใส่ไหกำลังได้ที่ สมัยนี้ก็แค่อย่าเมาแล้วขับ ถ้าไม่เป็นอันตรายกับใคร ม.ต.ล.ว.ก็สิทธิส่วนตัว

น่าสังเกตว่า ปลุกไปปลุกมา "ความเป็นไทย" กลายเป็นอะไรที่ดีงามสูงส่ง วิเศษกว่าใคร ทั้งที่คนชาติไหนก็มีข้อดีข้ออ่อน "ความเป็นไทย" กลายเป็นอะไรที่งามพร้อมแต่โบราณ แต่ มาถูกทำลายเพราะวัฒนธรรมตะวันตก นักการเมือง และ "ทุนสามานย์" ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 2475 ประเทศไทยคงไปโลด

ปั่นถึงขีดสุด "คนไทยเหนือชาติใดในโลก" เพราะคนไทยไม่ต้องตามก้นฝรั่ง ไม่เอาเลือกตั้ง ไม่เอาประชาธิปไตย ก็ทำให้ประเทศเจริญได้ คนไทยจะคิดค้นระบอบการปกครองที่ดีกว่า ดีที่สุด ที่ไม่มีใครเคยคิดได้ ไม่มีใครเคยทำได้ เราเป็นชาติแรกในจักรวาลที่ "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง"

ฝรั่งโง่ บังอาจวิพากษ์วิจารณ์ นักข่าวฝรั่งที่หาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถูกทักษิณซื้อไปแล้วทั้งนั้น

ว่าแต่หลังห้ำหั่นกัน 8 ปี เราเคยย้อนถาม "ความเป็นไทย" ไหมว่ายังสบายดีอยู่หรือ "สยามเมืองยิ้ม" วันนี้ยิ้มแบบไหน ทำไมเห็นแต่แสยะ

ประเพณีไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ ยังมีอยู่ไหม น่าจะมีครับ แต่ถามก่อนว่าสีไหน ที่จริงไม่ได้กีดกัน แต่ต้องเห็นใจ ไม่งั้นก๊งเหล้าไปจะกลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์

คนไทยขี้เกรงใจ อันที่จริงมีข้อเสีย คือไม่รู้จักประท้วง เพื่อสิทธิของตัว แต่ก็ไม่น่าตั้งตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ปิดถนน ปิดเมือง ยกขบวนขึ้นทางด่วน รถติดยาวเหยียดไม่เกรงใจใคร (แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเกรงใจท่าน)

คนไทยแต่โบราณสอนให้เอาใจเขาใส่ใจเรา แต่ทำไมขัดแย้งทางการเมืองแล้วปิดกั้นความเห็นต่าง ไม่ยอมให้เลือกตั้ง แล้วบีบคอ ทำร้ายคนไปเลือกตั้ง ทำร้ายข้าราชการไปทำงาน

เมืองไทยเมืองพุทธ พุทธไม่ได้สอนว่า "คนดี" ต้อง "ปราบมาร" ด้วยการทำสงคราม ยึดอำนาจ (แต่ก็น่าประหลาด เมืองพุทธมีรัฐประหารมากอันดับต้นๆ ของโลก)

พุทธไม่ได้สอนให้ปลุกความเกลียดชัง พุทธสอนให้เอาชนะใจกันไม่ใช่หรือ แต่ทำไมเห็นคนฝ่ายตรงข้ามถูกทำร้าย บาดเจ็บล้มตาย คนไทยกลับโห่ร้องสะใจ

สู้เพื่อความเป็นไทย แต่ทำไมใช้ถุงป๊อปคอร์น

พูดอย่างนี้เหมือนว่าข้างเดียว อันที่จริงเป็นทั้งสองข้าง แต่ข้างไหนล่ะชอบอ้างความเป็นไทย ข้างไหนล่ะไม่เอาประชาธิปไตย

ประชาธิปไตยไม่ได้ขัดแย้งกับความเป็นไทย ถ้าพูดถึง ความเอื้อเฟื้อ มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ การยอมรับความแตกต่างหลากหลาย ทั้งทางชาติพันธุ์ และวัฒนธรรม (ตรุษไหนๆ พี่ไทยก็เมา-ฮา)

ประชาธิปไตยเอาใจเขาใส่ใจเรา เพราะยอมรับความเห็นต่าง ตัดสินด้วยการเลือกตั้ง แพ้ชนะไม่เข่นฆ่าล้างผลาญ แต่สู้กัน ต่อไปภายใต้หลักประกันสิทธิเสรีภาพ

ประชาธิปไตยเพียงอาจขัดแย้ง "ความเป็นไทย" บางอย่าง ที่ถูกยึดติด ตอกตรึง จนปรับตัวไม่ได้ และอาจขัดแย้งกับความเป็น "ไทยแท้" แบบ "ทำอะไรตามใจ" เอาชนะโดยไม่เลือกวิธีการ ไม่เคารพกติกา เป็นกรรมการก็โกงเสียเอง อ้างว่า "โกงเพื่อชาติ"

ความเป็นไทยแบบหลัง ถ้ายังเอาไว้ก็ "ตามใจ" อ้าว จะไปทำอะไรได้ ก็มีอำนาจตีความตามใจ

ที่มา ข่าวสดออนไลน์


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1397282841&grpid&catid=02&subcatid=0200
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่