เมื่อท่านคลิกเข้ามาแล้ว ตั้งใจอ่านให้จบนะครับ ไม่ยาวมากครับ และตอนสุดท้าย ผมมีนิทานสั้นๆให้อ่านครับ
พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยครับ
วันนี้ผมได้มีโอกาสไปซื้อเครื่องดื่มราคา 13 บาท ที่สาขาของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อซื้อเสร็จ ผมก็ชำระด้วยบัตรเครดิตที่มี cash back 0.5 - 2.0 % ตามแต่ละยอดการใช้จ่าย
สำหรับยอดการใช้จ่ายของผม ผมจะได้รับ cash back ที่ 0.5 % เพราะใช้จ่ายไม่ถึงยอดที่จะได้รับ 2.0 %
แต่สิ่งที่ผมได้รับ คือ
1. พนักงานบริการด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และเต็มใจให้บริการ (อันนี้พูดจริงๆนะครับ ไม่ได้ประชด)
2. จากยอด 13 บาท เมื่อหักกับ cash back 0.5 % ที่ผมจะได้รับ เมื่อถึงรอบที่ผมต้องชำระเงินค่าบัตรเครดิตจริง
ทำให้ผมชำระเงินจริงในส่วนนี้เพียง 12.935 บาท ประหยัดไปได้ถึง 0.065 บาท
3. ผมได้ของราคา 13 บาท โดยที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินจริง ทำให้ผมสามารถนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้
หรือแม้กระทั่งลงทุนในหุ้น หรือจะฝากเอาไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆก็ยังได้ ทำให้ผมสามารถทำกำไรจากเงินส่วนนี้ได้อีกจำนวนหนึ่ง
4. เมื่อใช้บัตรเครดิตที่มี cash back ตัวนี้ ผมจะ
ไม่ได้รับคะแนนสะสมนะครับ เพราะจะได้รับเป็น cash back แทน
5. เมื่อถึงเวลาที่จะต้องชำระเงินค่าบัตรเครดิตจริงๆ
ผมจะชำระเต็มจำนวนในวันสุดท้ายทุกครั้ง
เพราะจะเป็นการยืดระยะเวลาการชำระเงินค่าบัตรเครดิตให้นานที่สุด เพื่อผลตอบแทนที่มากที่สุด
เพราะผมจะพักเงินที่จะต้องชำระค่าบัตรเครดิตไว้ในกองทุนรวมตราสารหนี้
ในทั้งปีผมจะมียอดที่จะใช้ผ่านบัตรเครดิตประมาณ 20,000 - 30000 บาท โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นค่าน้ำมันและของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นทั่วไป
ผมก็จะทำแบบนี้ในทุกๆรอบชำระ นั่นก็คือ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (รวมถึงเงินสด) ผมจะบันทึกไว้ในบัญชีรายรับรายจ่ายทุกๆครั้ง
แล้วสำหรับยอดบัตรเครดิต ผมจะนำเงินที่พักไว้ในกองทุนรวมตราสารหนี้มาชำระเต็มจำนวนในวันสุดท้ายที่ครบกำหนดชำระ
ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าการจ่ายด้วยเงินสด และไม่เสียดอกเบี้ยใดๆ
ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ คือสิ่งดีๆที่เราจะได้รับจากบัตรเครดิตเมื่อเรามีวินัยทางการเงินครับ
นี่ยังไม่รวมถึงบัตรเครดิตประเภทอื่นๆที่ให้แต้มสะสมแทน cash back ซึ่งหลายๆท่านสามารถเอาไปแลกของต่างๆได้มากมาย
แต่จะใช้บัตรเครดิตทั้งที ต้องแน่ใจก่อน ว่าเรามีวินัยทางการเงินที่ดีพอ
เพราะถ้ารูดซื้อของตามกิเลสโดยไม่สนใจความสามารถในการชำระเงินได้เต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนดได้แล้ว ชีวิตก็จะมีแต่หนี้ หนี้ หนี้ แล้วก็หนี้
เพราะดอกเบี้ยบัตรเครดิตเมื่อเราไม่ได้ชำระเงินเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนดนั้น เป็นดอกเบี้ยที่สูงมากๆครับ
สุดท้ายนี้ มีนิทานจะเล่าให้ฟังครับ
เคยมีคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต ไปพูดกับเศรษฐีท่านหนึ่งว่า
"ที่ผมเป็นหนี้มากมายนี่ เพราะบัตรเครดิตแท้ๆ เพราะฉะนั้น ผมจะหักมันทิ้ง เพราะบัตรเครดิตมันคือพิษภัยที่มาพร้อมกับระบบทุนนิยม"
ท่านเศรษฐี ตอบกลับอย่างเยือกเย็นว่า
"ที่คนโดนมีดบาด ก็เพราะมีดมันคม คุณจะแก้ปัญหาโดยการทำมีดไม่ให้มันคมอย่างนั้นหรือ"
เมื่อซื้อเครื่องดื่ม 13 บาท แล้วจ่ายด้วยบัตรเครดิต__นี่หรือ คือสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนอย่างผมได้รับในประเทศนี้
พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลยครับ
วันนี้ผมได้มีโอกาสไปซื้อเครื่องดื่มราคา 13 บาท ที่สาขาของห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อซื้อเสร็จ ผมก็ชำระด้วยบัตรเครดิตที่มี cash back 0.5 - 2.0 % ตามแต่ละยอดการใช้จ่าย
สำหรับยอดการใช้จ่ายของผม ผมจะได้รับ cash back ที่ 0.5 % เพราะใช้จ่ายไม่ถึงยอดที่จะได้รับ 2.0 %
แต่สิ่งที่ผมได้รับ คือ
1. พนักงานบริการด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส และเต็มใจให้บริการ (อันนี้พูดจริงๆนะครับ ไม่ได้ประชด)
2. จากยอด 13 บาท เมื่อหักกับ cash back 0.5 % ที่ผมจะได้รับ เมื่อถึงรอบที่ผมต้องชำระเงินค่าบัตรเครดิตจริง
ทำให้ผมชำระเงินจริงในส่วนนี้เพียง 12.935 บาท ประหยัดไปได้ถึง 0.065 บาท
3. ผมได้ของราคา 13 บาท โดยที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินจริง ทำให้ผมสามารถนำเงินส่วนนี้ไปลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้
หรือแม้กระทั่งลงทุนในหุ้น หรือจะฝากเอาไว้ในบัญชีออมทรัพย์เฉยๆก็ยังได้ ทำให้ผมสามารถทำกำไรจากเงินส่วนนี้ได้อีกจำนวนหนึ่ง
4. เมื่อใช้บัตรเครดิตที่มี cash back ตัวนี้ ผมจะไม่ได้รับคะแนนสะสมนะครับ เพราะจะได้รับเป็น cash back แทน
5. เมื่อถึงเวลาที่จะต้องชำระเงินค่าบัตรเครดิตจริงๆ ผมจะชำระเต็มจำนวนในวันสุดท้ายทุกครั้ง
เพราะจะเป็นการยืดระยะเวลาการชำระเงินค่าบัตรเครดิตให้นานที่สุด เพื่อผลตอบแทนที่มากที่สุด
เพราะผมจะพักเงินที่จะต้องชำระค่าบัตรเครดิตไว้ในกองทุนรวมตราสารหนี้
ในทั้งปีผมจะมียอดที่จะใช้ผ่านบัตรเครดิตประมาณ 20,000 - 30000 บาท โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นค่าน้ำมันและของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นทั่วไป
ผมก็จะทำแบบนี้ในทุกๆรอบชำระ นั่นก็คือ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (รวมถึงเงินสด) ผมจะบันทึกไว้ในบัญชีรายรับรายจ่ายทุกๆครั้ง
แล้วสำหรับยอดบัตรเครดิต ผมจะนำเงินที่พักไว้ในกองทุนรวมตราสารหนี้มาชำระเต็มจำนวนในวันสุดท้ายที่ครบกำหนดชำระ
ทำให้ได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าการจ่ายด้วยเงินสด และไม่เสียดอกเบี้ยใดๆ
ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ คือสิ่งดีๆที่เราจะได้รับจากบัตรเครดิตเมื่อเรามีวินัยทางการเงินครับ
นี่ยังไม่รวมถึงบัตรเครดิตประเภทอื่นๆที่ให้แต้มสะสมแทน cash back ซึ่งหลายๆท่านสามารถเอาไปแลกของต่างๆได้มากมาย
แต่จะใช้บัตรเครดิตทั้งที ต้องแน่ใจก่อน ว่าเรามีวินัยทางการเงินที่ดีพอ
เพราะถ้ารูดซื้อของตามกิเลสโดยไม่สนใจความสามารถในการชำระเงินได้เต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนดได้แล้ว ชีวิตก็จะมีแต่หนี้ หนี้ หนี้ แล้วก็หนี้
เพราะดอกเบี้ยบัตรเครดิตเมื่อเราไม่ได้ชำระเงินเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนดนั้น เป็นดอกเบี้ยที่สูงมากๆครับ
สุดท้ายนี้ มีนิทานจะเล่าให้ฟังครับ
เคยมีคนที่เป็นหนี้บัตรเครดิต ไปพูดกับเศรษฐีท่านหนึ่งว่า
"ที่ผมเป็นหนี้มากมายนี่ เพราะบัตรเครดิตแท้ๆ เพราะฉะนั้น ผมจะหักมันทิ้ง เพราะบัตรเครดิตมันคือพิษภัยที่มาพร้อมกับระบบทุนนิยม"
ท่านเศรษฐี ตอบกลับอย่างเยือกเย็นว่า
"ที่คนโดนมีดบาด ก็เพราะมีดมันคม คุณจะแก้ปัญหาโดยการทำมีดไม่ให้มันคมอย่างนั้นหรือ"