“เปิ้ล ไอริณ” เดือดจัด ออกโรงสัมภาษณ์ แฉแหลก “ดีเจแมน” ชวนเข้าโรงแรมไปนอนด้วย ซัดแหลก ฝ่ายชายนิสัยไม่แมนเหมือนชื่อ

“เปิ้ล ไอริณ” เปิดศึก “ใบเตย อาร์สยาม” ก้าวก่ายเรื่องงาน บังคับให้ “ดีเจแมน” แฟนหนุ่มโทร.สั่งกองถ่าย ให้ตัดฉากเลิฟซีนระหว่างตนกับฝ่ายชายที่ถ่ายทำออก ซ้ำยังกล่าวหาว่าตนเป็นคนปล่อยภาพสยิวดังกล่าวทั้งๆ ที่กองถ่ายเป็นคนส่งภาพเพื่อโปรโมตหนัง ตัดพ้อ ดีเจแมน เป็นคนมาจับนม เป็นคนมาจูบแลกลิ้นตนเอง แต่สุดท้ายตนเองกลับเป็นคนผิด ออกโรงแฉแหลก ฝ่ายชายเป็นคนที่ชวนไปนอนด้วย ซัดกลับ นิสัยไม่แมนเหมือนชื่อ
       


       เปิดศึกฉะแหลก ซัดกันนัว ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวเกาเหลากันเรื่องก๊อบปี้มิวสิควิดีโอกันมาแล้ว ล่าสุด “เปิ้ล ไอริณ ศรีแกล้ว” กับ “ใบเตย อาร์สยาม” สุธีวัน ทวีสิน ก็ฟัดกันอีก คราวนี้เป็นทางฝ่ายเปิ้ลที่ลุกขึ้นมาโพสต์ซัดใบเตยว่าก้าวก่ายเรื่องงาน เพราะหึงแฟนหนุ่ม “ดีเจแมน” พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา จนหน้ามืด โทร.สั่งทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ เรื่อง “บุญเพ็งหีบเหล็ก” ที่เปิ้ล ไอริณ แสดงคู่กับ ดีเจแมน บอกให้ตัดฉากเลิฟซีนสุดสยิวกิ้ว ระหว่าง เปิ้ล ไอริณ กับ ดีเจแมนออก เท่านั้นยังไม่พอเปิ้ล ยังแฉแหลกว่า หนุ่ม ดีเจแมนแบบไม่ไว้หน้าว่าชวนตนเข้าโรงแรมด้วย อุต๊ะ แรงส์ !!! ซึ่งก่อนหน้านี้ทางด้านของ ใบเตย ได้ออกมายืนยันแล้วว่าไม่ได้จุ้นจ้าน สั่งดีเจแมนให้โทร.ไปเหวี่ยงทีมงานหนัง ส่วนประเด็นที่ ดีเจแมน เป็นคนชวนเปิ้ล ไอริณ ไปนอนด้วยก็ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเชื่อใจแฟนหนุ่มว่าไม่วอกแวกแตกแถวแน่นอน
       



       ล่าสุดเป็นคิวของเปิ้ล ไอริณ ที่ออกมาเคลียร์ตัวเองบ้าง ผ่านรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทางช่อง2 สตาร์แม็กซ์ พร้อมย้ำชัดเช่นกันว่า ดีเจแมนได้ทำแบบนั้นจริงๆ
       

       “โดยส่วนตัวตอนแรกเคยมีนักข่าวมาสัมภาษณ์เปิ้ล เปิ้ลก็พยายามที่จะปิดกระแส บอกไปว่างานผ่านไปด้วยดี เปิ้ลกับดีเจแมนเป็นเพื่อนกัน แล้วก็ให้เกียรติกัน จริงๆ เราก็ไม่อยากไปแตะใครให้เป็นกระแสขึ้นมา แต่เรื่องดันไม่หยุด เพราะทางกองถ่ายโทร.มาที่เปิ้ล บอกว่าฉากเลิฟซีนจะต้องตัดออก เราก็ถามผู้ใหญ่ว่าเป็นเพราะอะไร คือถ้าเหตุผลบอกเราว่าเราเล่นไม่ถึงเพราะว่าไม่มีที่มาที่ไปของเรื่องตัดเลย แต่ทางผู้ใหญ่ให้เหตุผลว่าแฟนของพระเอกทะเลาะกับพระเอกเพราะไม่อยากเห็นฉากนี้ เราก็เอ๊ะ เมื่อวานเพิ่งดูรายการข่าวตอนเช้า เห็นเขาเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่าเคารพกันให้เกียรติกันไม่ยุ่งเรื่องงาน เราก็เอ๊ะผู้ใหญ่โกหกหรือเปล่า ทำไมผู้ใหญ่พูดแบบนี้ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะเราเป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ คนนึง เราก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงออกความเห็นกับทางผู้ใหญ่อยู่แล้ว”
       


       “จนวันรุ่งขึ้นก็มีคนดูแลนักแสดงชายคนนี้โทร.มาหาเปิ้ลแต่เช้าเลย ถามเปิ้ลว่า เปิ้ลเป็นคนปล่อยภาพใช่ไหม แล้วก็บอกว่าน้องผู้หญิงเขาไม่พอใจนะ เราก็รู้สึกว่าเหมือนเขาก้าวก่ายงานเราเกินไปแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของเราเลย แล้วทางกองถ่ายก็โทร.มาบอกเป็นการพีอาร์ของกองหนัง ไม่เกี่ยวกับเปิ้ลเลย และทางกองถ่ายก็บอกว่ายินดีจะออกมายืนยันว่าเปิ้ลไม่ได้เป็นคนปล่อยภาพ เพราะมันก็คงเป็นไปไม่ได้”
       


       “คือเรารับเล่นละครหรือหนัง เรารู้และเต็มใจอยู่แล้ว คือตอนที่คุณจูบคุณเต็มใจจูบ ตอนคุณจับคุณเต็มใจจับ แต่ตอนที่ภาพถูกปล่อยออกไปคุณไม่เต็มใจให้คนเห็นคือมันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความผิดทุกอย่างดันมาอยู่ที่เปิ้ลทุกอย่าง ภาพถูกปล่อยออกมาเป็นความผิดของเปิ้ล เขาจับนมเปิ้ลเป็นความผิดของเปิ้ล เขาจูบแลกลิ้นเปิ้ลก็เป็นความผิดของเปิ้ล ทุกอย่างเป็นความผิดของเปิ้ล เพลงแรกโดนก็อปปี้ เปิ้ลผิดเปิ้ลก็อปปี้เขา เพลงที่2 เหมือนกันอีกเปิ้ลผิดอีก เปิ้ลจะโดนตัดฉากเปิ้ลผิดอีก คือเปิ้ลขยับตัวทุกอย่างเปิ้ลผิดไปหมด"


       
       ไม่รู้ว่าฉากเลิฟซีนดังกล่าวจะถูกตัดออกจากหนังหรือเปล่า บอกตอนนี้อยู่ที่ทางผู้ใหญ่ตัดสิน


       “คือล่าสุดคุยกับทางผู้ใหญ่ ทางผู้ใหญ่ก็บอกอยู่ในดุลยพินิจอยู่ เพราะก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ แต่ผู้ใหญ่ก็บอกอยู่ว่าถ้าตัดออกก็จะเสียอรรถรสของหนัง ก็ต้องคุยกันก่อน คือตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพิจารณา”
       


       บอกสาเหตุที่โพสต์แฉแหลกขนาดนี้ เพราะฉุนจัดที่ฝ่ายชายโพสต์ด่าแขวะว่าตนเป็นคนเลว


       “คืออันดับแรกเป็นเห็นเขาโพสต์ก่อนว่า เขากราบเท้าแม่เขา แล้วบอกว่าแม่ครับขอให้ผมพ้นคนเลวๆ เร็วๆ นะครับ เราก็รู้สึกว่าอะไรล่ะ งานก็ตัดงานเรา คือคุณก้าวก่ายงานเราไม่พอยังมาโพสต์ด่าเราอีก คือเปิ้ลอยากให้มองว่าเปิ้ลโดนรังแกก่อนจริงๆ เราก็ต้องออกมาพูดบ้าง อย่างเพลงแรกก็มารังแกเรา เพลง 2 ยังมารังแกเราอีก หนังก็รังแกเรา แล้วถ้าเปิ้ลไม่ออกมาพูด เขาก็จะมาก้าวก่ายงานเปิ้ลเรื่อยๆ อยู่ดี”
       

       “เราคงไม่ได้ร้อนตัวไปเองเพราะว่าจริงๆ แล้ว ได้มีการคุยกับทางแฟนไอจี คือเรามีการนำร่องกันมาก่อน อย่างเรื่องของน้องเสียเหลี่ยมเขาก็ได้ไปโพสต์ในไอจีเขาว่าทุกคนเข้าไปโพสต์ด่าเปิ้ล ไอริณ เยอะๆ นะคะ ซึ่งก็ระบุชื่อชัดเจนเลยว่าเปิ้ล ไอริณ ซึ่งจริงๆ เปิ้ลจะฟ้องกฎหมายไอทีเลยก็ได้ แล้วหลังจากนั้นคนที่โดนยุก็เข้ามาโพสต์ด่าเปิ้ลอย่างดุเดือดเผ็ดมันทุกอันเลย เราก็เอ๊ะเราก็ว่าเราไม่เคยทำขนาดนี้นะ และที่สำคัญทางผู้ชายเขาก็มักทำพฤติกรรมแปลกๆ เช่น การคุยกับทางแฟนคลับ เขาบอกว่าผมอึดอัดครับ ผมอยากให้เขาเป็นผู้ชาย ผมคงจะทำอะไรได้มากกว่านี้ คือคุณจะมาต่อยหน้าเปิ้ลเหรอ คืออะไรเปิ้ลงงๆไม่เข้าใจ คือทุกอย่างที่เปิ้ลเริ่มเพราะมีคนมาเริ่มก่อน ไม่มีใครหรอก นั่งอยู่บ้านดีๆ มานั่งโพสต์ คือเรื่องมันมีที่มาที่ไปจริงๆ”
       


        บอกไม่คิดจะฟ้องร้องเพราะตนเองไม่ใช่คนขี้ฟ้อง
       “ก็คงไม่ฟ้องหรอกค่ะเพราะเปิ้ลไม่ใช่คนขี้ฟ้อง และเปิ้ลเชื่อว่าความจริงๆ คือความจริง เราไม่ได้เริ่มก่อน คือคนที่ติดตามมาตลอดจะรู้ว่าเราเป็นฝ่ายโดนรังแกมากกว่า”
       


       บอกถ้าอีกฝ่ายนิ่งจริงตนก็จะรู้สึกดีมาก เพราะรู้สึกอายที่ต้องมานั่งทะเลาะเรื่องผู้ชาย

       “ก็รู้สึกดีมากนะ ถ้าเกิดว่าเขานิ่งจริง พูดตรงๆ นะว่า เปิ้ลก็อายเขาเหมือนกันที่ต้องมานั่งทะเลาะเรื่องผู้ชาย ซึ่งเรื่องมันไม่เป็นเรื่องเลย ซึ่งเราก็เคยบอกไปแล้วว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้มีอะไร บอกได้เลยว่าไม่มีใครเขามาแย่งน้องหรอกค่ะ น้องเก็บไว้เองเถอะ เพราะแบบนี้ไม่ใช่สเป็กพี่เลย พี่เลี้ยงเขาไม่ไหวหรอก คบกันนานๆ เถอะนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ ไม่คิดแย่งมาเลยค่ะ(เน้นเสียง)”
       



       ส่วนเรื่องที่ “ดีเจแมน” ชวนตนเข้าโรงแรม เจ้าตัวยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

       “เปิ้ลอยากให้ลองไปถามคนในกองถ่ายดูแล้วกันค่ะ เพราะล่าสุดเปิ้ลมีโอกาสคุยกับน้องโกโก้(อารยะ ศุภฤกษ์ รองอันดับ 1 มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2011 ที่มีข่าวว่าแมนส่งไลน์ไปจีบ) เพราะสิ่งที่เขาพูดกับความจริงมันเหมือนหนังคนละม้วน เพราะล่าสุดเขาให้สัมภาษณ์กับทางดาราเดลี่เขาบอกว่า เขาพูดจริง แต่ว่าตอนที่เขาพูดอยู่กัน 3 คน แล้วก็คนในกองถ่ายอีกเป็น 10 ซึ่งพอไปถามโกโก้ เขาบอกว่าอยู่บ้านคนละหลังเลย ฉากนั้นเปิ้ลอยู่กับเขา 2 คน น้องโกโก้ก็เห็น”
       

       “คือเขาพูดออกมาจริงๆ ไม่ได้พูดแค่ว่าไปนอนด้วยได้ไหม คือไม่ได้พูดแค่นั้นจริงๆ เราก็แมนพอ เราก็ยืดอกรับแล้ว เพราะเปิ้ลเชื่อเรื่องความจริง เพราะความจริงคือสิ่งไม่ตาย ความจริงก็คือความจริง อย่างน้อยก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าพูดหรือไม่พูด ถ้าไม่รับก็ไม่เป็นไร คือเปิ้ลก็พูดไปตามเนื้อผ้า ไม่ได้ต้องการมาแฉใครทั้งสิ้น คือพูดตามเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วเขาก็เป็นคนโพสต์เองว่าไม่อยากจับนมวัยทองหรอก นมบูดแบบนี้อ่ะ คือเขาพูดเอง เปิ้ลก็เลยออกมาอธิบายไงว่าไม่อยากจับ แต่มาชวนเราไปนอนด้วย แล้วเวลานอนด้วยไม่จับนมเหรอคะ”
       

       “แต่สิ่งที่เขาพูดมันเหมือนหนังคนละม้วน เขาบอกเปิ้ลพยายามไปนวดเขา เปิ้ลไปนวดเขาตอนไหนคะ คือไปถึงก็ทำงาน คือเรื่องมันขัดกับความจริง อย่างน้องโกโก้ พี่วิทย์ ขุนศึก เขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาเพิ่งไปขอเบอร์น้องโกโก้ แล้วน้องโกโก้ก็มาบอกเองว่าพี่แมนเคยชวนไปกินข้าวด้วย คือเขาก็ขอเบอร์ทุกคน คุยทุกคนนึกออกป่ะ เราก็เลยมองว่าเขาเป็นคนขี้เล่นหยอดกับทุกคนหรือเปล่า อยากเป็นเพื่อนสนิทกับทุกคนหรือเปล่า”
       
       “ความจริงก็คือความจริง คือหมดยุคมานั่งปั้นเรื่องแล้ว โซเชี่ยลมันเยอะ โซเชี่ยลมันไว คุณเป็นยังไง คนเขาก็เห็นอยู่แล้ว ด่าเปิ้ลได้ก็ด่าได้แค่เรื่องทำศัลยกรรม เหมือนคนไปดัดผมมา ก็ด่าได้แค่อีดัดผม มันก็ไม่แสบใช่รึเปล่า มันก็เป็นแค่เรื่องภายนอก แต่ว่าถ้ามาด่าเปิ้ลว่า อีนอนแลกกระเป๋า อีลืมตัว อีมั่วผู้ชาย เปิ้ลก็จะโกรธมากเพราะว่ามันเป็นเรื่องสันดาน มันเป็นเรื่องภายในจิตใจ”
       


        รับน้อยใจ ถูกมองเกาะอีกฝ่ายดัง

       “ก็รู้สึกน้อยใจนะ เพราะจริงๆ เราตั้งใจสร้างสรรค์ผลงาน เพราะจริงๆ เปิ้ลก็เป็นนักแสดงตัวเล็กๆ คนนึงที่ไม่ได้อยากออกมาโวยวายอะไร เราก็ไม่มีค่ายมีสังกัดจริงๆ คือถ้าเปิ้ลเป็นคนทำอะไรผิดจริง เปิ้ลคงไม่มายืนตรงนี้หรอก คงไม่มารายการนี้หรอก เขาเชิญเปิ้ลมาเปิ้ลก็มาตามสปิริตของนักแสดง ผู้กำกับสั่งให้จูบเปิ้ลก็ต้องจูบ ตามค่าจ้างที่เขาจ้างเปิ้ลมาแสดง คือเรามีสปิริตในการทำงาน”
       


       ยืนยันว่าไม่ใช่การโปรโมตหนังแน่นอน


       “จะโปรโมตทำไมคะ หนังออกวันไหนยังไม่รู้เลย คิดว่าประมาณอีก 3 เดือนมั้ง เปิ้ลไม่รู้จริงๆ ว่าออกเมื่อไหร่ และก็ไม่อยากให้มองว่าเป็นการสร้างกระแส ก็ดูการตอบของเปิ้ลสิ ดูว่าเปิ้ลแมนแค่ไหน คือที่เขาพูดในกองมันเป็นความจริง แต่ที่ก่อนหน้านี้เปิ้ลให้สัมภาษณ์ไปก่อนเพราะเขาให้เกียรติเปิ้ลมากไม่มีอะไรนอกรอบ ทุกอย่างจบไปด้วยดี เปิ้ลก็พยายามพูดบวกแต่เขากลับไม่หยุดเอง เขาเป็นคนให้คนตัดฉาก ให้คนโทร.มาด่าเปิ้ล ฉะนั้นเปิ้ลก็มีสิทธิ์มีเสียงที่จะพูดบ้าง จะแมนไม่แมนก็ต้องให้คนดูตัดสินเอาเอง”
       

       “ล่าสุดเปิ้ลได้พูดกับคุณอาพยุง พยกุล (เป็นผู้สร้างหนังเรื่องนี้) เขาก็โมโห ที่บอกว่าจะไปขอนอนกับเปิ้ลเพราะว่ากองถ่ายไม่มีงบเลยให้เขาไปนอนม่านรูด เขาไม่อยากนอนม่านรูดก็เลยมาขอนอนกับเปิ้ล ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เปิ้ลขอแก้ข่าวแทน ว่าจริงๆ แล้วม่านรูดให้ทางทีมงานนอน แต่ดาราเขาเตรียมรีสอร์ทริมแม่น้ำสวยงามให้นอนชื่อเดอะริเวอร์ เขาไม่ได้นอนม่านรูด การพูดแบบนี้มันทำให้กองดูเสื่อมเสีย คุณอาก็เลยบอกว่าทำไมเขาไม่แมนสมชื่อเขาเลย ก็เลยตัดชื่อจากการที่จะให้เขาเป็นพระเอกในเรื่องที่ 2 ซึ่งเรื่องที่ 2 คุณอาวางไว้ให้เปิ้ลกับเขาคู่กัน”
       


       ลั่นขยาดหากจะต้องได้ร่วมงานกับ “ดีเจแมน-ใบเตย อาร์สยาม” นี้อีก


       “ก็พอสมควรนะ เพราะเปิ้ลเชื่อว่าการเป็นนักแสดงเราต้องมีสปิริตในการทำงาน และการที่เปิ้ลอยู่ในวงการมาได้ 20 กว่าปีเพราะเปิ้ลมีสัมมาคาราวะกับผู้ใหญ่ตลอด ยกมือไหว้ผู้ใหญ่มาตลอด ไม่เคยยุให้แฟนคลับมาโพสต์ด่าใคร ไม่เคยคิดจะไปต่อยหน้าใคร แต่ถ้าจะให้มาร่วมงานอีกทีก็บอกเลยว่าคงลำบากใจ”
       

       “ก็ยืนยันได้ว่าสิ่งที่พูดมาไม่ได้โกหก จะให้ไปจุดธูปไหว้สาบานที่ไหนก็ได้ เพราะไม่ชอบโกหกใครเพราะโกหกเสร็จก็ต้องมานั่งจำ เพราะสิ่งที่เปิ้ลพูดมันออกมาจากใจไม่ต้องจำ ก็อยากบอกว่าคนไทยด้วยกัน วงการบันเทิงก็แคบ เพราะฉะนั้นไม่อยากมาทะเลาะกันเพราะเรื่องผู้ชาย เพราะถ้าทำผิดก็ยอมรับผิด แมนยืดอกให้เหมือนกับที่ชื่อแมน ขอโทษคำเดียวก็หาย ไม่ใช่ออกรายการปุ๊บ ผมขอโทษแฟนผมแล้วกันครับ เราก็งงนะว่า สรุปขอโทษใคร ก็ขอโทษคำเดียวจบ เพราะเปิ้ลก็ไม่ชอบมานั่งเอาเรื่องกับใคร”







        http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9570000041110
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่