ดิฉันเคยช่วยเหลือคนแก่คนนึงอายุประมาณเกือบ 80 ปีเพราะดูเธอสับสนกับการปิดถนนของม็อบ จึงมาขึ้นรถไฟฟ้าจะไปสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอไม่เคย
ขึ้นดิฉันจึงช่วยเหลือและบอกที่จะลงต่อรถเมลล์ได้ (วันนั้นต้องรีบไปสถานฑูตทำวีซ่าจึงต้องไปตามเวลา ) พอดีท่านบอกว่าลูกชื่อนี้.. อยู่ที่นี่... ด้วยความ
เป็นห่วงกลัวท่านไม่ถึงบ้านหรือพลัดหลงจึงได้สอบถามชื่อตามที่ท่านบอกที่ 1133 ก็ได้ข้อมูลจึงแจ้งทางบ้านไว้พร้อมถามด้วยความเป็นห่วงว่าท่านกลับถึง
บ้านหรือยังเมื่อถึงแล้วก็จบ สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่คนที่บ้านท่านก็คุยต่อกับดิฉันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็จบการสนทนา ผ่านไปหลายเดือนวันหนึ่งผู้
หญิงญาติคุณยาย บอกว่าอยากมาขอบคุณที่บ้านดิฉันบอกไม่เป็นไรแค่นี้เองเธอยืนยันว่าอยากมาขอบคุณถามที่อยู่ ซึ่งเวลาเย็นๆดิฉันไม่อยากรับแขกที่บ้านเพราะเป็นเวลาของครอบครัวต้องทำอาหาร ทานอาหารกัน เธอมาประมาณ 5 โมง พร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง และกระเช้าผลไม้หนึ่งกระเช้า สักพักคนที่มา
ด้วยก็พยายามคุยถึงหม้อ กระทะ ตะหลิว ฯลฯ ว่าใช้ของยี่ห้องอะไรดิฉันก็ งง จะทำไมเหรอคิดในใจอยู่ว่าแปลกๆ สักพัก เธอก็เข้ามมานั่งประชิดตัวดิฉัน ขายอุปกรณ์พวกนี้ ชุดละห้าหมื่นกว่า พอไม่เอาเธอก็ลดราคาที่เสนอโดยแนะให้เอาน้อยชิ้น สุดท้ายทำท่าทางเหมือนดิฉันโง่มากที่ไม่ใช้สินค้าของเขา เธอ
บอกกระทะใบนี้แค่ใบละเจ็ดพันเอง ทำไมไม่เอาไว้ใช้ อึดอัดอยากไล่ออกจากบ้าน นึกว่าความปรารถนาดีของเรากลายเป็นเหยื่อที่เขาเห็นเราใจดี ก็เลยจะมาขายสินค้าซะอีก สุดท้ายคุยอยู่สองชั่วโมงดิฉันไม่ซื้ออะไรเลย ดูเธอจะไม่พอใจ ดิฉันอยากคืนตะกร้าผลไม้ที่ซื้อมาให้ไม่ได้อยากได้เลย แต่ก็ไม่รู้จะพูด
ว่าอย่างไรได้แต่นึกเวทนาคน เขาคิดได้อย่างไรที่ทำกับดิฉันแบบนี้ สินค้าดี แต่ดิฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องใช้หม้อชุดละประมาณ 50,000กว่าบาท เพื่ออะไรเหรอคะ กระทะดีๆในห้างใบละอย่างมากสองพันก็หรูแล้ว ดิฉันบอกว่าลูกอยู่ต่างประเทศใช้เงินเรียนมากเธอทราบข้อมูลอยู่แล้วเพราะเคยคุยกันทางโทรศัพท์ครั้งแรกเธอจะถามโน่นนี่ความเป็นอยู่ของดิฉันรวมมั้งหมู่บ้านที่อยู่เธอเห็นดิฉันเป็นเหยื่อซะเลย
เมื่อผู้มาเยือนแบบอยากเจอเรามาก ช็อคเพราะยัดเยียดขายกระทะหม้อหลายหมื่นบาท
ขึ้นดิฉันจึงช่วยเหลือและบอกที่จะลงต่อรถเมลล์ได้ (วันนั้นต้องรีบไปสถานฑูตทำวีซ่าจึงต้องไปตามเวลา ) พอดีท่านบอกว่าลูกชื่อนี้.. อยู่ที่นี่... ด้วยความ
เป็นห่วงกลัวท่านไม่ถึงบ้านหรือพลัดหลงจึงได้สอบถามชื่อตามที่ท่านบอกที่ 1133 ก็ได้ข้อมูลจึงแจ้งทางบ้านไว้พร้อมถามด้วยความเป็นห่วงว่าท่านกลับถึง
บ้านหรือยังเมื่อถึงแล้วก็จบ สำหรับการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่คนที่บ้านท่านก็คุยต่อกับดิฉันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็จบการสนทนา ผ่านไปหลายเดือนวันหนึ่งผู้
หญิงญาติคุณยาย บอกว่าอยากมาขอบคุณที่บ้านดิฉันบอกไม่เป็นไรแค่นี้เองเธอยืนยันว่าอยากมาขอบคุณถามที่อยู่ ซึ่งเวลาเย็นๆดิฉันไม่อยากรับแขกที่บ้านเพราะเป็นเวลาของครอบครัวต้องทำอาหาร ทานอาหารกัน เธอมาประมาณ 5 โมง พร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง และกระเช้าผลไม้หนึ่งกระเช้า สักพักคนที่มา
ด้วยก็พยายามคุยถึงหม้อ กระทะ ตะหลิว ฯลฯ ว่าใช้ของยี่ห้องอะไรดิฉันก็ งง จะทำไมเหรอคิดในใจอยู่ว่าแปลกๆ สักพัก เธอก็เข้ามมานั่งประชิดตัวดิฉัน ขายอุปกรณ์พวกนี้ ชุดละห้าหมื่นกว่า พอไม่เอาเธอก็ลดราคาที่เสนอโดยแนะให้เอาน้อยชิ้น สุดท้ายทำท่าทางเหมือนดิฉันโง่มากที่ไม่ใช้สินค้าของเขา เธอ
บอกกระทะใบนี้แค่ใบละเจ็ดพันเอง ทำไมไม่เอาไว้ใช้ อึดอัดอยากไล่ออกจากบ้าน นึกว่าความปรารถนาดีของเรากลายเป็นเหยื่อที่เขาเห็นเราใจดี ก็เลยจะมาขายสินค้าซะอีก สุดท้ายคุยอยู่สองชั่วโมงดิฉันไม่ซื้ออะไรเลย ดูเธอจะไม่พอใจ ดิฉันอยากคืนตะกร้าผลไม้ที่ซื้อมาให้ไม่ได้อยากได้เลย แต่ก็ไม่รู้จะพูด
ว่าอย่างไรได้แต่นึกเวทนาคน เขาคิดได้อย่างไรที่ทำกับดิฉันแบบนี้ สินค้าดี แต่ดิฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้ต้องใช้หม้อชุดละประมาณ 50,000กว่าบาท เพื่ออะไรเหรอคะ กระทะดีๆในห้างใบละอย่างมากสองพันก็หรูแล้ว ดิฉันบอกว่าลูกอยู่ต่างประเทศใช้เงินเรียนมากเธอทราบข้อมูลอยู่แล้วเพราะเคยคุยกันทางโทรศัพท์ครั้งแรกเธอจะถามโน่นนี่ความเป็นอยู่ของดิฉันรวมมั้งหมู่บ้านที่อยู่เธอเห็นดิฉันเป็นเหยื่อซะเลย