ทำไมอเมริกากระจายความเจริญได้อย่างทั่วถึง ทั้งที่ประเทศใหญ่มาก

หรือเพราะว่าอเมริกาเงินหนาจริง เลยทำได้

มีที่ไหนในอเมริกาที่ไม่ค่อยเจริญบ้างไหม ถามคนไทยในอเมริกา

ประมาณว่าชนบทบ้านเรา
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ไทยปกครองโดยส่วนกลางมายาวนานมาก
ตั้งแต่ก่อตั้งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งผมเกลียดกระทรวงนี้มาก
เป็นตัวถ่วงความเจริญ  ทำตัวเป็นเจ้าขุนมูลนายมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ดูตัวอย่าง พวกผู้ว่า นายอำเภอ ซิ กินเงินเดือนภาษีประชาชน แต่มาทำตัวเป็นเจ้านายประชาชน
ชอบคิดแทนชาวบ้าน (โดยนโยบายจากรัฐบาล) โดยไม่คำนึงว่า
แท้ที่จริงแล้ว ชาวบ้านต้องการหรือไม่ หรือเหมาะสมกับสถาณการณ์นั้นๆ หรือไม่
การส่งคนส่วนกลางไปปกครองทั่วประเทศ  แต่ไม่ได้นึกว่า
แต่ละภูมิภาคของไทย มีสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ค่านิยม แตกต่างกันไม่มาก ก็น้อย
ปัญหาภาคใต้ตอนล่างส่วนหนึ่ง ก็มาจากกระทรวงนี้แหละ ที่ส่งคน
ไปบังคับขืนใจเขา ให้ทำตามแบบที่รัฐบาลต้องการ ย้อนได้ถึง จอมพล ป. เลยทีเดียว

อเมริกา มีการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเข้มแข็ง
รัฐบาลส่วนกลางดูแค่นโยบายภาพรวม เศรษฐกิจ การทหาร การต่างประเทศ
ดังนั้น แต่ละ มลรัฐ สามารถกำหนดนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพทางภูมิศาสตร์
ลักษณะประชากร และอื่น ๆ อย่างเหมาะสะ
เช่น โอเรกอน ไม่ค่อยมีอะไรดึงดูด  เลยกำหนดให้การซื้อของบางอย่าง ไม่มี แวท (เช่น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์)
และ แวท สำหรับแต่ละมลรัฐ ก็ไม่เท่ากัน ฯลฯ
ความคิดเห็นที่ 35
ผมชอบถามตัวเอง อะไรทำให้อเมริกาหรือพวกฝรั่งเจริญ ผมว่าน่าจะเป็น2อย่าง
ความคิด และวัฒนธรรม (ตอบกว้างเป็นทะเลเลย)
ขอขยายความครับ....
- การแสดงความคิดเห็น (อันนี้เข้ากับสถานะการณ์ปัจจุบันเลย)
เชื่อไหมครับตอนเรียน, ทำงาน, ไปเที่ยวกลุ่มใหญ่
เอาง่ายๆมีคนถามว่ากินอะไรดี หลายคนจะเงียบ แล้วก็จะมีพวกผู้นำกลุ่มที่จะได้
แสดงความคิดเห็นว่ากินที่โน่นดีกว่า บางทีก็จะมีผู้นำอีกคนเสนอกินที่นี่ดีกว่า
สิ่งที่เกิดตามมาคือจะมีความรู้สึกhard feeling ระหว่าง2คนนี้ตามมา อันนี้เกิดมากกับ
คนเอเชียเลย

ยกอีกตัวอย่างนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนภาษา ครูมักจะให้พูดเกี่ยวกับ
ประเทศตัวเอง, อะไรที่แตกต่างระหว่างประเทศตัวเองกับอเมริกา สิ่งเหล่านี้คือการฝึก
แสดงความคิดเห็น มันไม่มีอะไรถูกผิดหรอกครับ ครูเขาสอนให้รับฟังความคิดเห็น
พอเรียนต่อไปครูก็จะเริ่มให้เขียนessayเช่น "คุณคิดว่าเวลาแข่งกีฬา ผู้ชนะมักจะhappyใช่หรือไม่?"
บางคนก็ตอบใช่แล้วก็อธิบายเหตุผลมา บางคนก็ตอบไม่ใช่ก็แสดงเหตุผลมา ไม่มีผิดถูก
พอเรียนไปอีกครูก็จะเริ่มยกประเด็นเช่น ประเทศกำลังพัฒนาสร้างมลพิษมากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว
คราวนี้ให้ถกกันในชั้นเลย เริ่มมีการแตกคอ ผมจำได้ตัวอย่างนึงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
ครูยกประเด็นว่า "คอมพิวเตอร์ฉลาดหรือโง่?" ผมบอกว่าคอมพิวเตอร์คิดเองไม่เป็นมันโง่
ก็มีอีกคนบอกว่าถ้าให้คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงๆ memoryเยอะๆมันจะฉลาดได้ ผมก็บอกว่ามันก็ยัง
คิดเองไม่ได้..... (เกือบได้วางมวยกันเลย) ยังนินทาผมนอกห้องอีก

แต่สำหรับฝรั่งเขามีประเด็นเช่น การทำแท้ง, gun control, discrimination,
สงครามก่อการร้าย, Obama care, การขึ้นภาษี โอ้ยยย... เยอะกว่าเมืองไทยอีก
เขาถกกันจนได้ข้อสรุปที่น่าจะดีสุด แต่เขาก็ไม่aggressiveใส่กัน

- ความกระตือรือล้น อันนี้เห็นบทความใน Times เขาพูดถึงของเล่นทามาก็อต
ที่บ.Bandaiญี่ปุ่น สร้างออกมาขายทั่วโลก คนคิดค้นก็คือพนักงานผู้หญิงธรรมดาๆคนหนี่งในบริษัท
Timesเขางงมากเลยที่พนักงานคนนี้ ได้ผลตอบแทนจากBandaiเพียงโบัสประจำปี
ที่สูงเป็นพิเศษ แต่Bandaiฟันกำไรจากการขายทามาก็อตทั่วโลกเป็นเงินระดับ$Billions
ที่Timesงงซ้ำสองคือ ไปสัมภาษณ์พนักงานหญิงคนนี้ว่ารู้ไหมBandaiฟันกำไรมหาศาล
แต่คุณได้เพียงโบนัสพิเศษ พนักงานตอบว่าเขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานกับBandai
และสร้างผลงานให้กับบริษัท ได้รับการยกย่องจากผู้บริหาร เขาได้รู้สึกเหมือนตอบแทน
บุญคุณบริษัทที่ได้จ่ายเงินเดือน Timesก็คอมเม้นต์ตอนท้ายคล้ายๆกับ นี่อาจเป็น
เหตุผลที่ประเทศกำลังพัฒนาไม่ค่อยมีนวัฒกรรมใหม่ๆ เพราะรู้สึกทำไปก็เหมือนไม่ได้อะไรตอบแทน
Timesพูดอีกว่าเป็นเขา เขาผลิตขายเองแล้ว!!!!"""

- ความเกรงใจ ความรู้สึกนี้เป็นแทบทุกชาติในเอเชียเลย มันก็มีทั้งดีและไม่ดี
ยกตัวอย่างเลย เครื่องบินจากเกาหลีที่กระแทกกำแพงตอนลงจอดที่สนามบินในLA (รึเปล่าเนี่ย)
เขาบอกว่านักบินผู้ช่วยไม่กล้าเตือนกัปตันว่าเครื่องบิน บินต่ำเกินไปเพราะกัปตันอาวุโสกว่า
ผู้ช่วยเลือกที่จะเงียบดีกว่าเตือน เล่นเอาฝรั่งทั้งงงทั้งโมโหเลย
ตัวอย่างอีกอันที่ชอบมากคือ Professorที่สอนนักเรียนเขาจะตั้งใจสอนอย่างดี
เข้าสอน-เลิกตรงเวลา, ตอบคำถามนักเรียนทุกอย่างทั้งในห้อง และoffice hours,
อธิบายเนื้อหากระจ่างครบ ฯลฯ เพราะว่านักเรียนคือคนประเมินผลงาน แล้วมีผลต่อการขึ้น
salaryของ professor

- การสื่อสาร อันนี้ฝรั่งในเมืองไทยงงมากๆ ตัวอย่างเลยสามีเป็นฝรั่งภรรยาเป็นคนไทย
สามีถามว่าเขาจะไปซื้อstarbuck จะเอากาแฟไหม ภรรยานั่งดูทีวีอยู่บอกไม่เอา
พอสามีซื้อstarbuckกลับมาเสร็จ ภรรยาบอกอยากกินมั่ง อ้าววว เฮ้ยย..ตะกี้บอกไม่กิน
"อ๋ออ..ก็ตอบแบบเกรงใจไปยังงั้นแหละ" นี่แหละการพูดแบบ direct vs indirect
หรือพวกงานในบริษัทที่เสียหาย ผิดพลาด ส่งงานไม่ทัน มักเกิดจากการสื่อสารทั้งนั้น

- คำว่า Independent คำนี้ผู้สัมภาษณ์งานแทบทุกคนต้องบอกว่า I'm independent.
ก็เหมือนกับสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้ สามารถเดินทางไปเที่ยว
คนเดียว ขับรถคนเดียวไปติดต่อลูกค้าได้ แต่เดี๋ยวนี้ก็เห็นคนไทย
เริ่มindependentขึ้น แต่อย่าถึงกับ "ฉันอยู่คนเดียว โดยไม่แต่งงานก็ได้" เลยครับ

- คำว่า Work hard อันนี้คนไทยเริ่มwork hardขึ้น แต่บางคนเอาไปพูดเป็น
work hardน่ะยังไม่เก่งเท่า work smart?? ผมว่าคำว่า work hardก็ครอบคลุมหมดแล้วนะ
"nice guy, nice person" ยังมีอีกเยอะ....

นั่งบ่นคนเดียว Happy สงกรานต์
ความคิดเห็นที่ 25
คิดว่าเมกาก็มีฉ้อราษฏ์บังหลวง คนธรรมดาเดินดินเหมือนเรานี่ บ่ได้เป็นเทวดา
เเต่ ถ้าโกงเเล้ว เห็นว่ามีการจับได้ มีการประนาม เเละะมีการลงโทษที่เป็นเรื่องเป็นราวมากกว่าของไทย  
เลยมีเงินเหลือไปพัฒนาประเทศได้เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่ามั้ง

คนเมกาที่รู้จักมีค่านิยมว่า
1.  การได้เงินมาเเบบง่ายๆ (เช่นได้มรดก เเล้วไม่ต้องทำอะไรกิน) หรือ
2.  การได้เงินมาเเบบฉ้อโกง
จะไม่เป็นที่ยกย่อง ถูกดูถูก เเละไม่สอนลูกหลานให้ทำอย่างงั้น  (ทุกคนจะยกตัวอย่างเศรษฐีอย่าง Bill Gates หรือ Rockefeller ที่ตั้งมูลนิธิ   ไม่ได้ยกมรดกให้ทายาทตัวเองอย่างเดียว)

เขาให้คุณค่ากับการทำงานหนัก ยืนบนขาตนเองให้ได้  บางทีสนิทกัน ล้อกันเล่น คุยทับกันว่า วิเศษกว่าอีกคนในฐานะพลเมืองดีของชาติ เพราะจ่ายภาษีมากกว่า

เพื่อนๆที่รู้จักหลายคนไม่ค่อยชอบ Obamacare เลย บอกว่าทำให้คนไม่รู้จักดูเเลสุขภาพตัวเอง (เขาหาว่า บางคนกินไม่บันยะบันยัง พอเจ็บ เเล้วจะมาเเบมือ ให้รัฐช่วยออกค่ารักษาพยาบาล ว่าไปโน่น....)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่