ราสิยสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
----------------------
(บางส่วน)
[๖๔๔] ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะ ทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๓ จำพวกเป็นไฉน
คือ บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอ เราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยม อย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย แต่ก็ไม่บรรลุกุศลธรรม
ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้ ๑
ดูกรนายคามณี
ก็บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอเราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย บรรลุกุศลธรรมอย่างเดียว
แต่กระทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้ ๑
ดูกรนายคามณี
ก็บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอ เราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรม
และทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ๑ ฯ
[๖๔๕] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนั้น
ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ไม่ได้บรรลุกุศลธรรม
ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้นี้
พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถาน
พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
สถานที่ ๒ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ไม่ได้บรรลุกุศลธรรม
สถานที่ ๓ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้
ดูกรนายคามณี บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอย่างเศร้าหมองนี้ พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถานเหล่านี้ ฯ
[๖๔๖] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้า หมอง ๓ จำพวกนั้น
ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรมเท่านั้น
แต่ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้นี้
พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถาน ควรสรรเสริญโดยสถานเดียว
พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
สถานที่ ๒ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้
ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวเป็นไฉน
คือ ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวดังนี้ว่า ได้บรรลุกุศลธรรม
ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองเช่นนี้ พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถาน ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวนี้ ฯ
[๖๔๗] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนั้น ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง
ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรม และทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์นี้
พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียว ควรสรรเสริญโดย ๒ สถาน
พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียวเป็นไฉน
คือ พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียวดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
ควรสรรเสริญโดย ๒ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ ควรสรรเสริญดังนี้ว่า ได้บรรลุกุศลธรรม
สถานที่ ๒ ควรสรรเสริญดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ได้
ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองเช่นนี้พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียว ควรสรรเสริญโดย ๒ สถานเหล่านี้ ฯ
[๖๔๘] ดูกรนายคามณี
ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นของอันบุคคลพึงเห็นเองหาความทรุดโทรมมิได้ ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู
ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน
คือ การที่บุคคลเป็นผู้กำหนัดตั้งใจที่จะเบียดเบียนตนเองบ้าง ตั้งใจที่จะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
ตั้งใจที่จะเบียดเบียนทั้งตนเองทั้งผู้อื่นบ้าง เพราะราคะเป็นเหตุ
เมื่อละราคะได้แล้ว ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนตนเองบ้าง ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนทั้งตนเองทั้งผู้อื่นบ้าง นี้เป็นธรรมอันบุคคลพึงเห็นเอง
หาความทรุดโทรมมิได้ ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๘๓๔๕ - ๘๕๘๐. หน้าที่ ๓๖๐ - ๓๗๐.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=8345&Z=8580&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=629
บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
----------------------
(บางส่วน)
[๖๔๔] ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะ ทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
๓ จำพวกเป็นไฉน
คือ บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธาออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอ เราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยม อย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย แต่ก็ไม่บรรลุกุศลธรรม
ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้ ๑
ดูกรนายคามณี
ก็บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอเราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย บรรลุกุศลธรรมอย่างเดียว
แต่กระทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้ ๑
ดูกรนายคามณี
ก็บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองบางคนในโลกนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยคิดว่า
ไฉนหนอ เราพึงบรรลุกุศลธรรม พึงทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ดังนี้
เขาย่อมทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรม
และทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ ๑ ฯ
[๖๔๕] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนั้น
ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ไม่ได้บรรลุกุศลธรรม
ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้นี้ พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถาน
พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
สถานที่ ๒ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ไม่ได้บรรลุกุศลธรรม
สถานที่ ๓ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้
ดูกรนายคามณี บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอย่างเศร้าหมองนี้ พึงถูกติเตียนโดย ๓ สถานเหล่านี้ ฯ
[๖๔๖] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้า หมอง ๓ จำพวกนั้น
ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรมเท่านั้น
แต่ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้นี้ พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถาน ควรสรรเสริญโดยสถานเดียว
พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
สถานที่ ๒ พึงถูกติเตียนดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ไม่ได้
ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวเป็นไฉน
คือ ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวดังนี้ว่า ได้บรรลุกุศลธรรม
ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองเช่นนี้ พึงถูกติเตียนโดย ๒ สถาน ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวนี้ ฯ
[๖๔๗] ดูกรนายคามณี
ในบรรดาบุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง ๓ จำพวกนั้น ผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมอง
ที่ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย ได้บรรลุกุศลธรรม และทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรมที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์นี้
พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียว ควรสรรเสริญโดย ๒ สถาน
พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียวเป็นไฉน
คือ พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียวดังนี้ว่า ทำตัวให้ร้อนรนกระวนกระวาย
ควรสรรเสริญโดย ๒ สถานเป็นไฉน
คือ สถานที่ ๑ ควรสรรเสริญดังนี้ว่า ได้บรรลุกุศลธรรม
สถานที่ ๒ ควรสรรเสริญดังนี้ว่า ทำให้แจ้งซึ่งอุตริมนุสธรรม ที่เป็นญาณทัศนะวิเศษชั้นเยี่ยมอย่างบริบูรณ์ได้
ดูกรนายคามณี
บุคคลผู้มีตบะทรงชีพอยู่อย่างเศร้าหมองเช่นนี้พึงถูกติเตียนโดยสถานเดียว ควรสรรเสริญโดย ๒ สถานเหล่านี้ ฯ
[๖๔๘] ดูกรนายคามณี
ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นของอันบุคคลพึงเห็นเองหาความทรุดโทรมมิได้ ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู
ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ธรรม ๓ อย่างเป็นไฉน
คือ การที่บุคคลเป็นผู้กำหนัดตั้งใจที่จะเบียดเบียนตนเองบ้าง ตั้งใจที่จะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
ตั้งใจที่จะเบียดเบียนทั้งตนเองทั้งผู้อื่นบ้าง เพราะราคะเป็นเหตุ
เมื่อละราคะได้แล้ว ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนตนเองบ้าง ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนผู้อื่นบ้าง
ย่อมไม่ตั้งใจที่จะเบียดเบียนทั้งตนเองทั้งผู้อื่นบ้าง นี้เป็นธรรมอันบุคคลพึงเห็นเอง
หาความทรุดโทรมมิได้ ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ๑
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ บรรทัดที่ ๘๓๔๕ - ๘๕๘๐. หน้าที่ ๓๖๐ - ๓๗๐.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=18&A=8345&Z=8580&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=629