สถานการณ์บ้านเมือง มี 2 ทางให้เลือกเดิน คือ
1. จัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
2. ให้มีการปฏิรูปก่อน
โดยปกติวิญญูชนจะเลือกทำการสิ่งใดหรือเดินไปทางใด ทางนั้นก็ควรจะไปถึงเป้าหมาย ด้วยความสงบ ราบเรียบ ไปถึงเร็วที่สุด และเกิดอุปสรรคน้อยที่สุด
ซึ่งในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ สิ่งที่เป็นเป้าหมายของประเทศชาติคือ ความมั่นคงสงบสุขของผู้คนในสังคม มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น เราก็ควรจะต้องเลือกว่า เส้นทางที่จะเดินต่อไปนั้น ทางใดจะไปถึงเปัาหมายได้ตรงทางกว่ากัน
ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มคนที่เข้าข้างรัฐบาลก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
กลุ่มคนที่เข้าข้างกปปส ก็ต้องการให้มีการปฏิรูปก่อน
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าทางใดที่จะนำพาคนในชาติไปถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุด เกิดอุปสรรคน้อยที่สุด
หากทิ้งเรื่องการกลัว การโกง และรัฐบาลไม่ชอบธรรมออกไปเสียก่อน การจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดก็จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ดีที่สุด เพราะ ต่างชาติยอมรับ และรู้สึกมั่นใจว่าประเทศชาติของเรา มีกระบวนการที่มาของอำนาจอย่างมีหลักมีเกณฑ์ ใครจะเข้ามาลงทุนค้าขายก็อุ่นใจว่าประเทศนี้เมืองนี้มีหลักประกัน ไม่ใช่นึกทำอะไรตามอำเภอใจเป็นคนผีเข้าผีออก การเลือกตั้งนี้เองจะเป็นทางที่นำไปสู่เป้าหมายของประเทศได้ดีที่สุด หากประเทศสงบสุขแล้วการปฏิรูปประเทศไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทำในปัจจุบันทันด่วน เป็นเรื่องของการพัฒนาที่จะต้องศึกษาไปพัฒนาไป ปรับปรุงไป จนกว่าจะถึงจุดที่เหตุปัจจัยพร้อม คนในชาติก็จะเดินไปถึงความมั่นคงผาสุขได้
แต่ ปัญหาคือ การกลัวรัฐบาลจะโกง กลัวว่ารัฐบาลชุดนี้จะชนะการเลือกตั้งเสมอไป จนทำให้คนไทยหลายๆคน ยอมทิ้งอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า แล้วมุ่งเน้นทำลายกัน
เพราะ ความเชื่อ ความกลัว การต้องการเอาชนะ จนต้องขจัดรัฐบาลออกไป จนลืมนึกไปว่า เรานึกคิดไปในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราคาดเดาไปว่า ทำแบบนี้แล้วจะดี เราคาดเดาไปทุกอย่าง เราใช้ความเชื่อมากกว่า ความจริง จนไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาหลายๆอย่าง ทั้งๆที่ หากเลือกตั้งเสียแต่ทีแรก อาจจะได้รัฐบาลเป็นพรรคตรงข้ามรัฐบาลชุดนี้ก็ได้ แต่ทำไมเรากลับเลือกทางที่จะต่อสู้กัน จนถึงกับต้องทำลายระบบ ทำลายมิตรภาพ ทำลายรัฐธรรมนูญ ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ บางคนจะตัองไปมีคดีติดตัว บางคนต้องตาย บางคนต้องสูญเสียโอกาส เพื่อแลกกับแนวทางที่มีแต่ความมืด ที่ไม่มีอะไรชี้ชัดว่าจะยุติเมื่อใด ไปถึงเป้าหมายเมื่อใด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเพราะไม่มีข้อยุติที่ลงตัว
ถ้าไตร่ตรองดูดีๆก็ไม่คุ้มกันเลยกับการได้มาในทางที่ตนเองต้องการ กับสิ่งที่ต้องเสียไป
ทางที่ถูกของคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ก็ควรจะ ใช้กลไกและระบบที่มีอยู่ อดทนรอเวลา สร้างสรรค์ผลงาน ของตนเอง ถ้าทำได้ดีจริง คนไทยก็พร้อมที่จะเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง บางทีอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ปี ก็อาจจะเห็นผลประจักษ์แล้ว เมื่อนั้นเราก็จะภูมิใจในผลงาน และความมานะพยายามปรับปรุงตนเองจน กลุ่มของตนเองมีพลังขึ้นมา อันเป็นอำนาจที่แท้จริงที่ประชาชนเห็นพ้องด้วย น่าภูมิใจกว่าการเอาชนะกันด้วยวิธีนอกระบบมากมาย
ถ้าคุณต้องอดทนทำอะไรสักอย่าง ควรอดทนทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ดีกว่าจะอดทนต่อสู้ไปอย่างไม่สร้างสรรค์
อย่างไหนดีกว่ากัน คนไทยควรเลือก
1. จัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
2. ให้มีการปฏิรูปก่อน
โดยปกติวิญญูชนจะเลือกทำการสิ่งใดหรือเดินไปทางใด ทางนั้นก็ควรจะไปถึงเป้าหมาย ด้วยความสงบ ราบเรียบ ไปถึงเร็วที่สุด และเกิดอุปสรรคน้อยที่สุด
ซึ่งในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ สิ่งที่เป็นเป้าหมายของประเทศชาติคือ ความมั่นคงสงบสุขของผู้คนในสังคม มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
ดังนั้น เราก็ควรจะต้องเลือกว่า เส้นทางที่จะเดินต่อไปนั้น ทางใดจะไปถึงเปัาหมายได้ตรงทางกว่ากัน
ซึ่งแน่นอนว่า กลุ่มคนที่เข้าข้างรัฐบาลก็ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
กลุ่มคนที่เข้าข้างกปปส ก็ต้องการให้มีการปฏิรูปก่อน
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ต้องพิจารณาว่าทางใดที่จะนำพาคนในชาติไปถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุด เกิดอุปสรรคน้อยที่สุด
หากทิ้งเรื่องการกลัว การโกง และรัฐบาลไม่ชอบธรรมออกไปเสียก่อน การจัดให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วที่สุดก็จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ดีที่สุด เพราะ ต่างชาติยอมรับ และรู้สึกมั่นใจว่าประเทศชาติของเรา มีกระบวนการที่มาของอำนาจอย่างมีหลักมีเกณฑ์ ใครจะเข้ามาลงทุนค้าขายก็อุ่นใจว่าประเทศนี้เมืองนี้มีหลักประกัน ไม่ใช่นึกทำอะไรตามอำเภอใจเป็นคนผีเข้าผีออก การเลือกตั้งนี้เองจะเป็นทางที่นำไปสู่เป้าหมายของประเทศได้ดีที่สุด หากประเทศสงบสุขแล้วการปฏิรูปประเทศไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทำในปัจจุบันทันด่วน เป็นเรื่องของการพัฒนาที่จะต้องศึกษาไปพัฒนาไป ปรับปรุงไป จนกว่าจะถึงจุดที่เหตุปัจจัยพร้อม คนในชาติก็จะเดินไปถึงความมั่นคงผาสุขได้
แต่ ปัญหาคือ การกลัวรัฐบาลจะโกง กลัวว่ารัฐบาลชุดนี้จะชนะการเลือกตั้งเสมอไป จนทำให้คนไทยหลายๆคน ยอมทิ้งอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า แล้วมุ่งเน้นทำลายกัน
เพราะ ความเชื่อ ความกลัว การต้องการเอาชนะ จนต้องขจัดรัฐบาลออกไป จนลืมนึกไปว่า เรานึกคิดไปในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เราคาดเดาไปว่า ทำแบบนี้แล้วจะดี เราคาดเดาไปทุกอย่าง เราใช้ความเชื่อมากกว่า ความจริง จนไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาหลายๆอย่าง ทั้งๆที่ หากเลือกตั้งเสียแต่ทีแรก อาจจะได้รัฐบาลเป็นพรรคตรงข้ามรัฐบาลชุดนี้ก็ได้ แต่ทำไมเรากลับเลือกทางที่จะต่อสู้กัน จนถึงกับต้องทำลายระบบ ทำลายมิตรภาพ ทำลายรัฐธรรมนูญ ทำลายเศรษฐกิจ ทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ บางคนจะตัองไปมีคดีติดตัว บางคนต้องตาย บางคนต้องสูญเสียโอกาส เพื่อแลกกับแนวทางที่มีแต่ความมืด ที่ไม่มีอะไรชี้ชัดว่าจะยุติเมื่อใด ไปถึงเป้าหมายเมื่อใด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเพราะไม่มีข้อยุติที่ลงตัว
ถ้าไตร่ตรองดูดีๆก็ไม่คุ้มกันเลยกับการได้มาในทางที่ตนเองต้องการ กับสิ่งที่ต้องเสียไป
ทางที่ถูกของคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ก็ควรจะ ใช้กลไกและระบบที่มีอยู่ อดทนรอเวลา สร้างสรรค์ผลงาน ของตนเอง ถ้าทำได้ดีจริง คนไทยก็พร้อมที่จะเลือกอีกฝ่ายหนึ่ง บางทีอาจจะใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 ปี ก็อาจจะเห็นผลประจักษ์แล้ว เมื่อนั้นเราก็จะภูมิใจในผลงาน และความมานะพยายามปรับปรุงตนเองจน กลุ่มของตนเองมีพลังขึ้นมา อันเป็นอำนาจที่แท้จริงที่ประชาชนเห็นพ้องด้วย น่าภูมิใจกว่าการเอาชนะกันด้วยวิธีนอกระบบมากมาย
ถ้าคุณต้องอดทนทำอะไรสักอย่าง ควรอดทนทำในสิ่งที่สร้างสรรค์ ดีกว่าจะอดทนต่อสู้ไปอย่างไม่สร้างสรรค์