สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
เรื่อง วิธีฟังธรรม
(บางส่วน)
ผู้ปฏิบัติธรรม
เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมะจึงต้องคอยตรวจตราดูสาระคือแก่นสารในตนเอง ดูความคิดความเห็น ความประพฤติการกระทำต่างๆ ของตน
ทางกายทางวาจาทางใจ ว่าเป็นสาระ หรือไม่เป็นสาระแก่นสารอย่างไร ถ้าไม่เป็นสาระแก่นสารก็ต้องละเสีย
และเมื่อทำพูดคิดอะไรไม่เป็นสาระแก่นสาร นั่นแหละเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงข่มสกัดกั้น ไม่ทรงประคับประคอง
และตนเองก็ต้องคอยข่มสกัดกั้นตนเอง ไม่ให้ไปยึดถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารนั้น ให้ว่างจากความไม่เป็นสาระแก่นสาร
การปฏิบัติสุญญตาที่ถูกต้อง
อันนี้แหละเป็นสุญญตาที่ถูกต้อง ว่างจากความไม่เป็นสาระแก่นสาร ว่างจากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร
และสิ่งใดที่เป็นสาระแก่นสารก็ถือเอาไว้ปฏิบัติ อย่าให้ว่าง อย่าให้ว่างจากสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร แต่ให้ว่างจากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร
ส่วนสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารนั้นอย่าให้ว่าง ให้มีอยู่
เพราะฉะนั้นในการปฏิบัติสุญญตานั้น จึงไม่ใช่หมายความว่าทีแรกก็ให้ว่างกันไปเสียหมด ไม่ต้องมีอะไรจะยึดถือทั้งนั้น
ในการปฏิบัติสามัญทั่วไปนั้น จึงต้องให้ว่างจากความไม่ดี ความชั่ว แต่ว่าให้มีความดี อย่าให้ว่างจากความดี
ให้มีความดีที่จะปฏิบัติยิ่งขึ้นต่อไป และเมื่อสุดชั่วก็สุดดี คือเป็นพระอรหันต์นั่นแหละจึงเป็นอันว่าว่างหมดกันเสียทีหนึ่ง
ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์แล้ว ก็จะต้องทิ้งไม่ดี ยึดดีไว้ ว่างจากสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่างจากสิ่งที่ดี ปฏิบัติเพิ่มพูนขึ้นไปโดยลำดับ
ซึ่งถึงเป็นพระอรหันต์เมื่อไรก็เป็นอันว่าว่างหมดทั้งดีทั้งชั่ว
เพราะฉะนั้น เมื่อตนยังไม่ถึงขั้นถึงตอนที่จะไปว่างหมด คิดว่าจะว่างหมด สุญญตาหมด ก็เป็นการคิดผิด ปฏิบัติผิด
เพราะฉะนั้น ขั้นของธรรมะที่ปฏิบัตินั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีความเข้าใจ และเมื่อปฏิบัติถูกต้องดั่งนี้ก็เรียกว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวดและตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก
https://sites.google.com/site/smartdhamma/withi-fang-thrrm
"ผู้ปฏิบัติธรรม" และ "การปฏิบัติสุญญตาที่ถูกต้อง"
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
เรื่อง วิธีฟังธรรม
(บางส่วน)
ผู้ปฏิบัติธรรม
เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมะจึงต้องคอยตรวจตราดูสาระคือแก่นสารในตนเอง ดูความคิดความเห็น ความประพฤติการกระทำต่างๆ ของตน
ทางกายทางวาจาทางใจ ว่าเป็นสาระ หรือไม่เป็นสาระแก่นสารอย่างไร ถ้าไม่เป็นสาระแก่นสารก็ต้องละเสีย
และเมื่อทำพูดคิดอะไรไม่เป็นสาระแก่นสาร นั่นแหละเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงข่มสกัดกั้น ไม่ทรงประคับประคอง
และตนเองก็ต้องคอยข่มสกัดกั้นตนเอง ไม่ให้ไปยึดถือเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสารนั้น ให้ว่างจากความไม่เป็นสาระแก่นสาร
การปฏิบัติสุญญตาที่ถูกต้อง
อันนี้แหละเป็นสุญญตาที่ถูกต้อง ว่างจากความไม่เป็นสาระแก่นสาร ว่างจากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร
และสิ่งใดที่เป็นสาระแก่นสารก็ถือเอาไว้ปฏิบัติ อย่าให้ว่าง อย่าให้ว่างจากสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร แต่ให้ว่างจากสิ่งที่ไม่เป็นสาระแก่นสาร
ส่วนสิ่งที่เป็นสาระแก่นสารนั้นอย่าให้ว่าง ให้มีอยู่
เพราะฉะนั้นในการปฏิบัติสุญญตานั้น จึงไม่ใช่หมายความว่าทีแรกก็ให้ว่างกันไปเสียหมด ไม่ต้องมีอะไรจะยึดถือทั้งนั้น
ในการปฏิบัติสามัญทั่วไปนั้น จึงต้องให้ว่างจากความไม่ดี ความชั่ว แต่ว่าให้มีความดี อย่าให้ว่างจากความดี
ให้มีความดีที่จะปฏิบัติยิ่งขึ้นต่อไป และเมื่อสุดชั่วก็สุดดี คือเป็นพระอรหันต์นั่นแหละจึงเป็นอันว่าว่างหมดกันเสียทีหนึ่ง
ถ้ายังไม่เป็นพระอรหันต์แล้ว ก็จะต้องทิ้งไม่ดี ยึดดีไว้ ว่างจากสิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่างจากสิ่งที่ดี ปฏิบัติเพิ่มพูนขึ้นไปโดยลำดับ
ซึ่งถึงเป็นพระอรหันต์เมื่อไรก็เป็นอันว่าว่างหมดทั้งดีทั้งชั่ว
เพราะฉะนั้น เมื่อตนยังไม่ถึงขั้นถึงตอนที่จะไปว่างหมด คิดว่าจะว่างหมด สุญญตาหมด ก็เป็นการคิดผิด ปฏิบัติผิด
เพราะฉะนั้น ขั้นของธรรมะที่ปฏิบัตินั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีความเข้าใจ และเมื่อปฏิบัติถูกต้องดั่งนี้ก็เรียกว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวดและตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก
https://sites.google.com/site/smartdhamma/withi-fang-thrrm