คงจะไม่ถูกใจฝ่ายต่อต้านอำนาจประชาชน ไม่เป็นไร เพราะไร้เหตุผล และ เหยียบย้ำอำนาจและสิทธิ์ของประชาชนเสียเอง เลือกอุ้มไก่แพ้(ภาษานักเลงไก่ชน)
นับจากนี้ไป หากมองจากสถานการณ์อาจจะเห็นเหมือน "เขม็งเกลียว" แต่ผมกลับมองต่างไป คิดว่าทิศทางการเมืองที่ต่อสู้อย่างเข้มข้นกันมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน โดยฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยใช้พลังจากหลายส่วน ทั้งมวลชนจัดตั้ง ทั้งต้นทุนทางสังคมของนักวิชาการจอมปลอมเลือกข้าง เครดิตจากสถาบันการศึกษา อย่าง จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แม้กระทั่งสถาบันการแพทย์ โดยมีเป้าหมายเพียงสร้างความน่าเชื่อถือแก่ประชาชนผู้ที่ไม่มีข้อมูลด้านลึกทางการเมือง
ผลที่ได้รับก็เป็นเพียง ความฮือฮา แปลกใจ ความฉงนสนเท่ห์ และคำถามว่า ทำไม ! มีอะไร ! จริงหรือเปล่านี่ ? และเมื่อมีเวลาค้นหาคำตอบ ทุกอย่างก็เริ่มจืดจาง ไร้ความสำคัญ จนถึง "หมดราคา" นี่คือความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงเวลานี้ ความหวังที่จะเห็นกองทัพเขียวเข้ามาร่วมวงด้วย คงจะตัดออกไปได้ ยิ่งมีพระราชกฤษฎีกาฉบับล่าสุด ทำให้กำลังพลส่วนหนึ่งแม้จะไม่มาก ไม่ต้องขึ้นตรงต่อส่วนกลาง (ผมอาจใช้คำผิด) ก็จะเป็นเรื่องดุลย์อำนาจที่เปลี่ยนไป การแสดงพลังครั้งหลังสุดของ "คนเสื้อแดง" ปรากฎให้ทุกฝ่ายเห็นว่า มีประชาชนมากมายนักที่พร้อมจะยืนอยู่ตรงข้ามกับการใช้อำนาจนอกระบบ การเข้าพบนายกยิ่งลักษณ์ฯ ของผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นเสมือนการบอกใบ้กลายๆว่า ต่างประเทศยอมรับเฉพาะ รัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุด แต่มันอยู่ข้างในจิตใจของประชาชนที่รักความเป็นธรรมในแผ่นดินนี้ก็คือ ผู้รักความยุติธรรม "รู้แจ้ง ชัดเจน" แล้วว่า องค์กรอิสระ อะไรบ้าง ที่สรรหาความไม่ยุติธรรมให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย พร้อมประกาศ และ ได้ประกาศออกไปแล้วว่า "เราไม่ยอม และจะไม่ยอมอีกต่อไป"
ทุกอย่างที่กล่าว จึงสนับสนุนทิศทางของถนนสายประชาธิปไตยทั้งสิ้น หากพวกเหล่านั้นยังดื้อด้าน แข็งขืนต่อไป มันก็จะรู้และเข้าใจได้ว่า "นรกสุมหัว" ที่คนเขาสาปแช่งนั้น ผลที่เกิดกับตัวเป็นอย่างไร
.
"คิดว่าทิศทางการเมืองเริ่มเปลี่ยน หัวศรน่าจะชี้ไปทางสายประชาธิปไตย"
นับจากนี้ไป หากมองจากสถานการณ์อาจจะเห็นเหมือน "เขม็งเกลียว" แต่ผมกลับมองต่างไป คิดว่าทิศทางการเมืองที่ต่อสู้อย่างเข้มข้นกันมาตลอดระยะเวลาหลายเดือน โดยฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยใช้พลังจากหลายส่วน ทั้งมวลชนจัดตั้ง ทั้งต้นทุนทางสังคมของนักวิชาการจอมปลอมเลือกข้าง เครดิตจากสถาบันการศึกษา อย่าง จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ แม้กระทั่งสถาบันการแพทย์ โดยมีเป้าหมายเพียงสร้างความน่าเชื่อถือแก่ประชาชนผู้ที่ไม่มีข้อมูลด้านลึกทางการเมือง
ผลที่ได้รับก็เป็นเพียง ความฮือฮา แปลกใจ ความฉงนสนเท่ห์ และคำถามว่า ทำไม ! มีอะไร ! จริงหรือเปล่านี่ ? และเมื่อมีเวลาค้นหาคำตอบ ทุกอย่างก็เริ่มจืดจาง ไร้ความสำคัญ จนถึง "หมดราคา" นี่คือความเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ถึงเวลานี้ ความหวังที่จะเห็นกองทัพเขียวเข้ามาร่วมวงด้วย คงจะตัดออกไปได้ ยิ่งมีพระราชกฤษฎีกาฉบับล่าสุด ทำให้กำลังพลส่วนหนึ่งแม้จะไม่มาก ไม่ต้องขึ้นตรงต่อส่วนกลาง (ผมอาจใช้คำผิด) ก็จะเป็นเรื่องดุลย์อำนาจที่เปลี่ยนไป การแสดงพลังครั้งหลังสุดของ "คนเสื้อแดง" ปรากฎให้ทุกฝ่ายเห็นว่า มีประชาชนมากมายนักที่พร้อมจะยืนอยู่ตรงข้ามกับการใช้อำนาจนอกระบบ การเข้าพบนายกยิ่งลักษณ์ฯ ของผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นเสมือนการบอกใบ้กลายๆว่า ต่างประเทศยอมรับเฉพาะ รัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุด แต่มันอยู่ข้างในจิตใจของประชาชนที่รักความเป็นธรรมในแผ่นดินนี้ก็คือ ผู้รักความยุติธรรม "รู้แจ้ง ชัดเจน" แล้วว่า องค์กรอิสระ อะไรบ้าง ที่สรรหาความไม่ยุติธรรมให้เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย พร้อมประกาศ และ ได้ประกาศออกไปแล้วว่า "เราไม่ยอม และจะไม่ยอมอีกต่อไป"
ทุกอย่างที่กล่าว จึงสนับสนุนทิศทางของถนนสายประชาธิปไตยทั้งสิ้น หากพวกเหล่านั้นยังดื้อด้าน แข็งขืนต่อไป มันก็จะรู้และเข้าใจได้ว่า "นรกสุมหัว" ที่คนเขาสาปแช่งนั้น ผลที่เกิดกับตัวเป็นอย่างไร
.