พ่อแม่ไม่มี เงินทอง จะกองให้
จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือ เอาไว้ ใช้เลี้ยงกาย
พ่อกับแม่ มีแต่ จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้า เรื่อยไป นั้นอย่าหมาย
ใช้วิชา ช่วยตน ไปจนตาย
เจ้าสบาย แม่กับพ่อ ก็ชื่นใจ
--- จากบทกลอน คำพ่อแม่สอน ---
เณรน้อยอาเมน และ คุณพ่อ
พ่อหม่อง....ผู้ชายคนนี้ คือ นักดนตรีธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่นอกจากจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวคำลือชาแล้ว
อีกบทบาทหนึ่งเขาคือ “ครูหม่อง” ครูสอนดนตรีในโรงเรียนดนตรี นพ โสตถิพันธุ์ อีกด้วย
เช่นเดียวกันกับ แม่เอียด.... นักดนตรีหญิงคนหนึ่ง ที่นอกจากจะทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของครอบครัวคำลือชาแล้ว
อีกบทบาทหนึ่งนั้นเธอก็ยังเป็น “ครูเอียด” ด้วยเช่นกัน
“แต่ว่า ใคร หนอ ใคร ...เปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง...”
ประโยคหนึ่งในเพลงพระคุณที่สาม งานวันไหว้ครู
อาชีพครูนั้น มีหน้าที่สั่งสอนอบรมและถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ ในกรณีของครูหม่องและครูเอียด
หน้าที่ของพวกเขาก็คือ ถ่ายทอด “ความรักในเสียงดนตรี” ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการจะเรียนดนตรี นั่นเอง..
พ่อแม่บางคน ส่งลูกมาเรียนดนตรี เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและฝึกสมาธิ
พ่อแม่บางคน ส่งลูกมาเรียนดนตรี เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ลูกศิษย์บางคนก็มีพรสวรรค์ สามารถเรียนรู้ได้เร็วและพัฒนาไปเป็นนักดนตรีอาชีพต่อไป
ลูกศิษย์บางคนก็มีความมานะพยายามมาก แม้จะเรียนรู้ได้ช้าไปบ้าง แต่ความพยายามก็จะช่วยให้เขาทำได้ในที่สุด
แต่.....มีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งที่แตกต่างออกไป...
เฮ้ !!! เกริ่นมาซะยาว หวังว่าคุณจะยังไม่ลืมพระเอกของเรื่องไปซะล่ะ !!
เจ้าเด็กตาโต จมูกโด่ง กับรอยยิ้มที่โชว์ช่องว่างระหว่างฟัน ...เจ้าอุลตร้าอาเมน คนนั้นนั่นไง !!
ภาพอาเมนในวัยเด็กและเพื่อนที่โรงเรียน (ทายซิ ว่าคนไหนอาเมน?)
ลูกศิษย์คนนี้ไม่ธรรมดา อย่างไร ??
ไม่ใช่เป็นเพราะชุดอุลตร้าแมนเต็มยศหรอกนะ ที่ทำให้เด็กคนนี้แตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่นในโรงเรียน
แต่เพราะว่า สำหรับครูหม่องและครูเอียดแล้ว ..อาเมน..เป็นทั้ง “ลูก” และเป็นทั้ง “ศิษย์” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง...
คำถาม คือ ...เมื่อครูหม่องและครูเอียด...ครูดนตรีซึ่งสอนลูกศิษย์และช่วยลูกศิษย์ให้ทำฝันตัวเองสำเร็จมามากมาย
เมื่อพวกเขาต้องมาสอน “ลูก + ศิษย์” ตัวน้อยคนนี้ของตัวเองเล่า... จะแตกต่างจากการสอนลูกศิษย์คนอื่นอย่างไร....?
และนี่คือ โปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับเจ้าอาเมนโดยเฉพาะ !! ....
- ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่มีคอร์สเรียนให้อาเมนได้ลง หากเจ้าอยากเรียน ...เจ้าต้องเลือกเอง
- ครูที่นี่ไม่ต้องสอนเจ้าตามตารางเรียน หากเจ้าอยากรู้ ...เจ้าต้องถามเอาเอง
- เครื่องดนตรีที่นี่ ไม่เคยบังคับให้เจ้าต้องไปดีดไปเล่นไปตีไปเป่ามัน ถ้าเจ้าต้องการ ...เจ้าต้องเล่นมันด้วยตัวเอง
แม้ว่าครูหม่องและครูเอียดจะไม่เคยบังคับให้ลูก+ศิษย์ตัวน้อยที่ชื่ออาเมนนี้ เรียนดนตรีหรือเป็นนักดนตรีตามพ่อแม่
แต่ก็อย่างว่าแหละ เหมือนคำพูดที่ว่า “ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น” ด้วยสภาพแวดล้อมที่อาเมนโตมากับดนตรี
ในที่สุด อยู่มาวันหนึ่ง มันก็จุดประกายให้อาเมนเกิดความฝันหนึ่งขึ้นมา.....
“พ่อครับ แม่ครับ ...อาเมนอยากเป็นนักกีต้าร์ ครับ”
When I was just a little girl
I asked my mother, what will I be
Will I be pretty, will I be rich
Here's what she said to me.
Que Sera, Sera,
Whatever will be, will be
The future's not ours, to see
Que Sera, Sera
What will be, will be.
เสียงเปียโน เพลง Que Sera Sera (เป็นภาษาสเปน แปลว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด)
หลังจากที่เสียงร้องเพลงคลอเสียงเปียโนหยุดลง พร้อมด้วยคำชมจากครูหม่องให้เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งได้ยิ้มแก้มปริ
ประตูห้องซ้อมเปียโนห้องเล็กก็เปิดออก ยังไม่ทันที่เด็กหญิงตัวน้อยจะก้าวออกมาจากห้อง
ก็มีเด็กผู้ชายใส่แว่น รูปร่างอ้วนจ่ำม่ำ คนหนึ่งรีบวิ่งสวนทางเข้าไปในห้องซ้อมเปียโนนั้น…
“พ่อ..สอนเมนเล่นกีต้าร์ได้ยังอ่ะ” เจ้าเด็กน้อยอ้อนแบบตัดพ้อน้อยใจพ่อ โทษฐานที่ให้อาเมนรอเรียนกีต้าร์จนดึก
“เดี๋ยวส่งพี่เค้ากลับบ้านก่อน อาเมนไปกินข้าวเย็นก่อนไป เสร็จแล้วพ่อจะสอนให้ ” พ่อหม่องตอบอาเมนด้วยความใจเย็น
และแล้ว... พ่อหม่องก็ใช้เวลาคืนนั้น หลังจากที่ทั้งครอบครัวกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย สอนกีต้าร์อาเมนในห้องซ้อมเมื่อโรงเรียนปิดแล้ว
...นับตั้งแต่วันที่อาเมนบอกว่าอยากเล่นกีต้าร์ จนถึงวันนี้ อาเมนก็ตั้งใจซ้อมด้วยความมุ่งมั่นมาตลอด ไม่มีว่างเว้น
คนเป็นพ่อก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้ เมื่อเห็นเจ้าลูกชายของตน มีความตั้งใจที่จะเอาดีด้านสายดนตรีเหมือนพ่อแม่…
อีกเรื่องหนึ่งที่จะเล่าเกี่ยวกับอาเมนในวัยเด็ก.... ก่อนหน้านี้ อาเมนเป็นเด็กที่เวลาดูโทรทัศน์จะนั่งใกล้ทีวีมาก
แค่นั่งใกล้ยังไม่พอนะ เวลาที่เจ้าเด็กน้อยมองทีวี ก็มักจะกระพริบตาปริบๆเหมือนมีอะไรเข้าตา
แล้วก็ค่อยๆเขยิบเข้าไปหาทีวีทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด...จนในที่สุด คนในบ้านเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ
จนกระทั่งจับไปตรวจสายตา ก็เลยถึงบางอ้อ และนั่นก็เป็นจุดกำเนิด อาเมน ในเวอร์ชั่น "เจ้าเด็กแว่น" อ้วนท้วนสมบูรณ์คนนี้นั่นเอง
นอกจากจะเป็นเจ้าเด็กแว่นอ้วนท้วมจ่ำม่ำแล้ว ..อาเมนยังเป็นเด็กขี้อายอีกต่างหาก !! เออ เอากะเค้าสิคนนี้ !!
ด้วยความที่โตมากับสภาพแวดล้อมของโรงเรียน มีทั้งครูที่เป็นผู้ใหญ่อยู่เต็มบ้าน
รวมถึงพี่ๆน้องๆนักเรียนที่มาเรียนดนตรีที่บ้านเสมอ ถึงกระนั้น อาเมนกลับเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูด
สามารถนั่งนิ่งๆเงียบๆอยู่คนเดียวได้ทั้งวันเลยเชียวล่ะ ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่า ที่นั่งเงียบๆคนเดียวนั้น ...
มาจากสาเหตุของการคิดถึงอุลตร้าแมนหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม... แม้ว่าอาเมนจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้อายและพูดน้อยคนนึง
แต่นอกนั้นแล้ว การใช้ชีวิตของอาเมนก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไปเลย....
ในช่วงชั้นประถม อาเมน.. เจ้าเด็กขี้อาย ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง
เพื่อฝึกภาษาและปลูกฝังความกล้าแสดงออก นอกจากนี้ เวลาที่ทางโรงเรียนมีกิจกรรมต่างๆ อาเมนก็เข้าร่วมเสมอ
(ทั้งที่เจ้าตัวเต็มใจและไม่เต็มใจก็ตาม อิอิ) ไม่ว่าจะเป็นการเต้น การแสดง การร้องเพลง อาเมนเก็บหมด!
ใครจะรู้ว่า ประสบการณ์ในวัยเด็กเหล่านั้น กลับได้ถูกฝังลึกแบบ Inception ลงจิตใจของอาเมนโดยไม่รู้ตัว
และใครจะไปคิดล่ะว่า เด็กชายขี้อายในวันนี้โตขึ้นเค้าจะเป็น อาเมน เดอะสตาร์ 10 อย่างวันนี้ได้...
ย้อนกลับมาที่อาเมนตอนเด็กอีกครั้ง ก่อนที่อาเมนจะมีความฝันอยากเป็นนักกีต้าร์นั้น อาเมนได้ลองเล่นดนตรีมาหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็นทั้งดนตรีสากล ...เปียโน ไวโอลิน เชลโล่ กีต้าร์ ไม่เว้นแม้แต่ดนตรีไทย ขิมเอย จะเข้เอย...
นึกไม่ถึงกันล่ะสิ ! อาเมนเล่นมาหมดแล้ว ! ก่อนที่เจ้าเด็กน้อยจะรู้ตัวว่า จริงๆตัวเองนั้นหลงรักในกีต้าร์
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาเมนก็เลยเริ่มเล่นกีต้าร์อย่างจริงจังในช่วงม.ต้น นั่นเอง
เริ่มจากกีต้าโปร่ง ตีคอร์ด จำคอร์ด เล่นเพลงเริ่มต้น เพลงพี่ เสก โลโซ เพลง พี่เบิร์ด
จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปเล่น คลาสสิค เอ้า! ไล่โน๊ต ไล่คอร์ดกันไป Finger Style หลากหลายรูปแบบ
ตามมาด้วย กีต้าไฟฟ้า ขาร็อคสำหรับวัยรุ่น ตื่นเช้ามา กินข้าวเสร็จ เอากีต้าร์ไปเล่นที่โรงเรียน
ตกเย็นกลับมาเล่นกีต้าร์ แกะโน๊ต ซ้อมๆๆๆ จนดึก แล้วก็นอน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ..ทุกวัน..
ตลอดช่วงม.ต้น โดยมีทั้งที่อาเมนเรียนด้วยตัวเอง และครูที่โรงเรียนช่วยสอนกันมากมาย
...เล่ามาจนถึงตอนนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ด้วยความพยายามของอาเมนแล้ว ความฝันของอาเมนคงจะสำเร็จได้ไม่ยาก
แต่โลกแห่งความจริง อะไรมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก.....
และแล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ โดยเหตุการณ์นี้...ได้เปลี่ยนชีวิตอาเมนไปอย่างสิ้นเชิง...
วันหนึ่ง ในขณะที่อาเมน อยู่ชั้น ม.3
" ครูเป็ดครับ ... อาเมนเจ็บนิ้ว " อาการเจ็บนิ้วมือข้างซ้ายของอาเมนเริ่มเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว
ในตอนแรก อาเมนยังไม่กล้าที่จะบอกครูทั้งหลาย เพราะคิดเพียงว่า อาการเจ็บนิ้วคงเกิดจากที่ซ้อมหนักเท่านั้น
แต่ในที่สุด อาเมนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จนกระทั่ง เมื่อนิ้วมือของเค้าเริ่มขยับไม่ได้อย่างใจ
แม้กระทั่งยาพารา หรือ ยาทานวด ก็ไม่สามารถช่วยระงับความเจ็บปวดของเค้าได้อีกต่อไป
ครอบครัวจึงได้พาอาเมน ไปทำการรักษา อาการเจ็บนิ้ว นั้น และวันนั้นเอง....
อาเมนก็ได้พบข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อหมอได้บอกกับเค้า เกี่ยวกับสภาพนิ้วของเค้า
" คนไข้เป็นระยะเริ่มของอาการ "นิ้วล็อค" ช่วงนี้ต้องขอให้งดเล่นกีต้าร์ไปสักพัก และพยายามลดการใช้งานนิ้วหนักตลอดไป
ไม่อย่างนั้นอาการจะกำเริบ จนกระทั่งไม่สามารถใช้นิ้วมือได้อย่างใจคิดครับ"
ในจิตใจของอาเมนตอนนั้น "ว่างเปล่า"
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในเบาะหลังรถ ขณะที่พ่อและแม่ขับรถกลับบ้านนั้น อาเมนได้แต่สงสัยในใจ....
"ความฝันในการเป็นนักกีต้าร์อาชีพของเราจบลงแค่นี้สินะ ? ......"
ความฝันของอาเมนตั้งแต่เด็ก และเวลาที่ทุ่มเทไปให้มันทั้งหมด ตอนนี้ "ว่างเปล่า" เหลือเกิน
อาเมนจะทำอย่างไรต่อไป ?.... เค้าจะสามารถมีกำลังใจกลับมายืนได้อีกมั้ย ? ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเธอนะ อาเมน...
คลิปเสียงกีต้าร์+ร้องเพลงของอาเมน (แต่คลิปนี้เป็นคลิปตอนอาเมนเข้ามหาลัยแล้วนะจ๊ะ ไม่ใช่ตอนก่อนนิ้วล็อคนะ)
-------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 2 ความฝันของนักดนตรี
โปรดติดตามตอนต่อไป
[เรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่ออาเมน] ตอนที่ 2 ความฝันของนักดนตรี
พ่อแม่ไม่มี เงินทอง จะกองให้
จงตั้งใจ พากเพียร เรียนหนังสือ
หาวิชา ความรู้ เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือ เอาไว้ ใช้เลี้ยงกาย
พ่อกับแม่ มีแต่ จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้า เรื่อยไป นั้นอย่าหมาย
ใช้วิชา ช่วยตน ไปจนตาย
เจ้าสบาย แม่กับพ่อ ก็ชื่นใจ
--- จากบทกลอน คำพ่อแม่สอน ---
พ่อหม่อง....ผู้ชายคนนี้ คือ นักดนตรีธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่นอกจากจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวคำลือชาแล้ว
อีกบทบาทหนึ่งเขาคือ “ครูหม่อง” ครูสอนดนตรีในโรงเรียนดนตรี นพ โสตถิพันธุ์ อีกด้วย
เช่นเดียวกันกับ แม่เอียด.... นักดนตรีหญิงคนหนึ่ง ที่นอกจากจะทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของครอบครัวคำลือชาแล้ว
อีกบทบาทหนึ่งนั้นเธอก็ยังเป็น “ครูเอียด” ด้วยเช่นกัน
ประโยคหนึ่งในเพลงพระคุณที่สาม งานวันไหว้ครู
อาชีพครูนั้น มีหน้าที่สั่งสอนอบรมและถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์ ในกรณีของครูหม่องและครูเอียด
หน้าที่ของพวกเขาก็คือ ถ่ายทอด “ความรักในเสียงดนตรี” ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการจะเรียนดนตรี นั่นเอง..
พ่อแม่บางคน ส่งลูกมาเรียนดนตรี เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและฝึกสมาธิ
พ่อแม่บางคน ส่งลูกมาเรียนดนตรี เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
ลูกศิษย์บางคนก็มีพรสวรรค์ สามารถเรียนรู้ได้เร็วและพัฒนาไปเป็นนักดนตรีอาชีพต่อไป
ลูกศิษย์บางคนก็มีความมานะพยายามมาก แม้จะเรียนรู้ได้ช้าไปบ้าง แต่ความพยายามก็จะช่วยให้เขาทำได้ในที่สุด
เฮ้ !!! เกริ่นมาซะยาว หวังว่าคุณจะยังไม่ลืมพระเอกของเรื่องไปซะล่ะ !!
เจ้าเด็กตาโต จมูกโด่ง กับรอยยิ้มที่โชว์ช่องว่างระหว่างฟัน ...เจ้าอุลตร้าอาเมน คนนั้นนั่นไง !!
ลูกศิษย์คนนี้ไม่ธรรมดา อย่างไร ??
ไม่ใช่เป็นเพราะชุดอุลตร้าแมนเต็มยศหรอกนะ ที่ทำให้เด็กคนนี้แตกต่างจากลูกศิษย์คนอื่นในโรงเรียน
แต่เพราะว่า สำหรับครูหม่องและครูเอียดแล้ว ..อาเมน..เป็นทั้ง “ลูก” และเป็นทั้ง “ศิษย์” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง...
คำถาม คือ ...เมื่อครูหม่องและครูเอียด...ครูดนตรีซึ่งสอนลูกศิษย์และช่วยลูกศิษย์ให้ทำฝันตัวเองสำเร็จมามากมาย
เมื่อพวกเขาต้องมาสอน “ลูก + ศิษย์” ตัวน้อยคนนี้ของตัวเองเล่า... จะแตกต่างจากการสอนลูกศิษย์คนอื่นอย่างไร....?
และนี่คือ โปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับเจ้าอาเมนโดยเฉพาะ !! ....
- ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่มีคอร์สเรียนให้อาเมนได้ลง หากเจ้าอยากเรียน ...เจ้าต้องเลือกเอง
- ครูที่นี่ไม่ต้องสอนเจ้าตามตารางเรียน หากเจ้าอยากรู้ ...เจ้าต้องถามเอาเอง
- เครื่องดนตรีที่นี่ ไม่เคยบังคับให้เจ้าต้องไปดีดไปเล่นไปตีไปเป่ามัน ถ้าเจ้าต้องการ ...เจ้าต้องเล่นมันด้วยตัวเอง
แม้ว่าครูหม่องและครูเอียดจะไม่เคยบังคับให้ลูก+ศิษย์ตัวน้อยที่ชื่ออาเมนนี้ เรียนดนตรีหรือเป็นนักดนตรีตามพ่อแม่
แต่ก็อย่างว่าแหละ เหมือนคำพูดที่ว่า “ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น” ด้วยสภาพแวดล้อมที่อาเมนโตมากับดนตรี
ในที่สุด อยู่มาวันหนึ่ง มันก็จุดประกายให้อาเมนเกิดความฝันหนึ่งขึ้นมา.....
I asked my mother, what will I be
Will I be pretty, will I be rich
Here's what she said to me.
Que Sera, Sera,
Whatever will be, will be
The future's not ours, to see
Que Sera, Sera
What will be, will be.
เสียงเปียโน เพลง Que Sera Sera (เป็นภาษาสเปน แปลว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด)
หลังจากที่เสียงร้องเพลงคลอเสียงเปียโนหยุดลง พร้อมด้วยคำชมจากครูหม่องให้เด็กหญิงตัวเล็กคนหนึ่งได้ยิ้มแก้มปริ
ประตูห้องซ้อมเปียโนห้องเล็กก็เปิดออก ยังไม่ทันที่เด็กหญิงตัวน้อยจะก้าวออกมาจากห้อง
ก็มีเด็กผู้ชายใส่แว่น รูปร่างอ้วนจ่ำม่ำ คนหนึ่งรีบวิ่งสวนทางเข้าไปในห้องซ้อมเปียโนนั้น…
“พ่อ..สอนเมนเล่นกีต้าร์ได้ยังอ่ะ” เจ้าเด็กน้อยอ้อนแบบตัดพ้อน้อยใจพ่อ โทษฐานที่ให้อาเมนรอเรียนกีต้าร์จนดึก
“เดี๋ยวส่งพี่เค้ากลับบ้านก่อน อาเมนไปกินข้าวเย็นก่อนไป เสร็จแล้วพ่อจะสอนให้ ” พ่อหม่องตอบอาเมนด้วยความใจเย็น
และแล้ว... พ่อหม่องก็ใช้เวลาคืนนั้น หลังจากที่ทั้งครอบครัวกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย สอนกีต้าร์อาเมนในห้องซ้อมเมื่อโรงเรียนปิดแล้ว
...นับตั้งแต่วันที่อาเมนบอกว่าอยากเล่นกีต้าร์ จนถึงวันนี้ อาเมนก็ตั้งใจซ้อมด้วยความมุ่งมั่นมาตลอด ไม่มีว่างเว้น
คนเป็นพ่อก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้ เมื่อเห็นเจ้าลูกชายของตน มีความตั้งใจที่จะเอาดีด้านสายดนตรีเหมือนพ่อแม่…
อีกเรื่องหนึ่งที่จะเล่าเกี่ยวกับอาเมนในวัยเด็ก.... ก่อนหน้านี้ อาเมนเป็นเด็กที่เวลาดูโทรทัศน์จะนั่งใกล้ทีวีมาก
แค่นั่งใกล้ยังไม่พอนะ เวลาที่เจ้าเด็กน้อยมองทีวี ก็มักจะกระพริบตาปริบๆเหมือนมีอะไรเข้าตา
แล้วก็ค่อยๆเขยิบเข้าไปหาทีวีทีละนิด ทีละนิด ทีละนิด...จนในที่สุด คนในบ้านเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ
จนกระทั่งจับไปตรวจสายตา ก็เลยถึงบางอ้อ และนั่นก็เป็นจุดกำเนิด อาเมน ในเวอร์ชั่น "เจ้าเด็กแว่น" อ้วนท้วนสมบูรณ์คนนี้นั่นเอง
นอกจากจะเป็นเจ้าเด็กแว่นอ้วนท้วมจ่ำม่ำแล้ว ..อาเมนยังเป็นเด็กขี้อายอีกต่างหาก !! เออ เอากะเค้าสิคนนี้ !!
ด้วยความที่โตมากับสภาพแวดล้อมของโรงเรียน มีทั้งครูที่เป็นผู้ใหญ่อยู่เต็มบ้าน
รวมถึงพี่ๆน้องๆนักเรียนที่มาเรียนดนตรีที่บ้านเสมอ ถึงกระนั้น อาเมนกลับเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูด
สามารถนั่งนิ่งๆเงียบๆอยู่คนเดียวได้ทั้งวันเลยเชียวล่ะ ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่า ที่นั่งเงียบๆคนเดียวนั้น ...
มาจากสาเหตุของการคิดถึงอุลตร้าแมนหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม... แม้ว่าอาเมนจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างขี้อายและพูดน้อยคนนึง
แต่นอกนั้นแล้ว การใช้ชีวิตของอาเมนก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วไปเลย....
ในช่วงชั้นประถม อาเมน.. เจ้าเด็กขี้อาย ถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง
เพื่อฝึกภาษาและปลูกฝังความกล้าแสดงออก นอกจากนี้ เวลาที่ทางโรงเรียนมีกิจกรรมต่างๆ อาเมนก็เข้าร่วมเสมอ
(ทั้งที่เจ้าตัวเต็มใจและไม่เต็มใจก็ตาม อิอิ) ไม่ว่าจะเป็นการเต้น การแสดง การร้องเพลง อาเมนเก็บหมด!
ใครจะรู้ว่า ประสบการณ์ในวัยเด็กเหล่านั้น กลับได้ถูกฝังลึกแบบ Inception ลงจิตใจของอาเมนโดยไม่รู้ตัว
และใครจะไปคิดล่ะว่า เด็กชายขี้อายในวันนี้โตขึ้นเค้าจะเป็น อาเมน เดอะสตาร์ 10 อย่างวันนี้ได้...
ย้อนกลับมาที่อาเมนตอนเด็กอีกครั้ง ก่อนที่อาเมนจะมีความฝันอยากเป็นนักกีต้าร์นั้น อาเมนได้ลองเล่นดนตรีมาหลายชนิด
ไม่ว่าจะเป็นทั้งดนตรีสากล ...เปียโน ไวโอลิน เชลโล่ กีต้าร์ ไม่เว้นแม้แต่ดนตรีไทย ขิมเอย จะเข้เอย...
นึกไม่ถึงกันล่ะสิ ! อาเมนเล่นมาหมดแล้ว ! ก่อนที่เจ้าเด็กน้อยจะรู้ตัวว่า จริงๆตัวเองนั้นหลงรักในกีต้าร์
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาเมนก็เลยเริ่มเล่นกีต้าร์อย่างจริงจังในช่วงม.ต้น นั่นเอง
เริ่มจากกีต้าโปร่ง ตีคอร์ด จำคอร์ด เล่นเพลงเริ่มต้น เพลงพี่ เสก โลโซ เพลง พี่เบิร์ด
จากนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไปเล่น คลาสสิค เอ้า! ไล่โน๊ต ไล่คอร์ดกันไป Finger Style หลากหลายรูปแบบ
ตามมาด้วย กีต้าไฟฟ้า ขาร็อคสำหรับวัยรุ่น ตื่นเช้ามา กินข้าวเสร็จ เอากีต้าร์ไปเล่นที่โรงเรียน
ตกเย็นกลับมาเล่นกีต้าร์ แกะโน๊ต ซ้อมๆๆๆ จนดึก แล้วก็นอน เป็นอย่างนี้ทุกวัน ..ทุกวัน..
ตลอดช่วงม.ต้น โดยมีทั้งที่อาเมนเรียนด้วยตัวเอง และครูที่โรงเรียนช่วยสอนกันมากมาย
...เล่ามาจนถึงตอนนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ด้วยความพยายามของอาเมนแล้ว ความฝันของอาเมนคงจะสำเร็จได้ไม่ยาก
แต่โลกแห่งความจริง อะไรมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก.....
และแล้ว เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นจนได้ โดยเหตุการณ์นี้...ได้เปลี่ยนชีวิตอาเมนไปอย่างสิ้นเชิง...
วันหนึ่ง ในขณะที่อาเมน อยู่ชั้น ม.3
" ครูเป็ดครับ ... อาเมนเจ็บนิ้ว " อาการเจ็บนิ้วมือข้างซ้ายของอาเมนเริ่มเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว
ในตอนแรก อาเมนยังไม่กล้าที่จะบอกครูทั้งหลาย เพราะคิดเพียงว่า อาการเจ็บนิ้วคงเกิดจากที่ซ้อมหนักเท่านั้น
แต่ในที่สุด อาเมนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป จนกระทั่ง เมื่อนิ้วมือของเค้าเริ่มขยับไม่ได้อย่างใจ
แม้กระทั่งยาพารา หรือ ยาทานวด ก็ไม่สามารถช่วยระงับความเจ็บปวดของเค้าได้อีกต่อไป
ครอบครัวจึงได้พาอาเมน ไปทำการรักษา อาการเจ็บนิ้ว นั้น และวันนั้นเอง....
อาเมนก็ได้พบข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อหมอได้บอกกับเค้า เกี่ยวกับสภาพนิ้วของเค้า
" คนไข้เป็นระยะเริ่มของอาการ "นิ้วล็อค" ช่วงนี้ต้องขอให้งดเล่นกีต้าร์ไปสักพัก และพยายามลดการใช้งานนิ้วหนักตลอดไป
ไม่อย่างนั้นอาการจะกำเริบ จนกระทั่งไม่สามารถใช้นิ้วมือได้อย่างใจคิดครับ"
ในจิตใจของอาเมนตอนนั้น "ว่างเปล่า"
ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในเบาะหลังรถ ขณะที่พ่อและแม่ขับรถกลับบ้านนั้น อาเมนได้แต่สงสัยในใจ....
"ความฝันในการเป็นนักกีต้าร์อาชีพของเราจบลงแค่นี้สินะ ? ......"
ความฝันของอาเมนตั้งแต่เด็ก และเวลาที่ทุ่มเทไปให้มันทั้งหมด ตอนนี้ "ว่างเปล่า" เหลือเกิน
อาเมนจะทำอย่างไรต่อไป ?.... เค้าจะสามารถมีกำลังใจกลับมายืนได้อีกมั้ย ? ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเธอนะ อาเมน...
คลิปเสียงกีต้าร์+ร้องเพลงของอาเมน (แต่คลิปนี้เป็นคลิปตอนอาเมนเข้ามหาลัยแล้วนะจ๊ะ ไม่ใช่ตอนก่อนนิ้วล็อคนะ)
-------------------------------------------------------------------
จบตอนที่ 2 ความฝันของนักดนตรี
โปรดติดตามตอนต่อไป