สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าไปเยอรมัน แบบมีบัตรเชิญมาค่ะ
ก่อนหน้านี้เราเคยไปเยอรมันมาแล้วรอบนึง เมื่อ4ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรียนอยู่ ขอครั้งแรกนั้นง่ายมาก ไม่ถึง 5 นาที สัมภาษณ์เสร็จแล้ว คนที่เชิญเป็นอาแท้ๆของเรา
เขามีครอบครัวอยู่ที่นั่น ไม่มีปัญหา สบายมาก เราไป2อาทิตย์ ได้วันเท่ากับจองตั๋วเครื่องบินเลย
มาครั้งนี้ เราเพิ่งไปขอมาเมื่อวันที่2 เมษา ปรากฎว่า เอกสารเราไม่ครบ เพราะตอนนี้เราทำงานแล้ว อีกอย่างเป็นความผิดเราเอง ที่คิดว่ามันจะง่ายเหมือนครั้งที่แล้ว เลยชล่าใจ ไม่ได้อ่านเตรียมเอกสารเลยก็ว่าได้ เอาแต่เอกสารหลักไป ไม่ได้เอาเอกสารเกี่ยวกับตัวเองไปเท่าไหร่ ต้องโดนให้กลับบ้านไปเตรียมเอกสารใหม่ และโทรนัดใหม่ เรานัดได้วันถัดไปเลย จึงต้องเตรียมเอกสารสุดฤทธิ์ บ้านก็ไกล ไปกลับไม่สนุกเลย
เอกสารที่เราเตรียมไป
-สำเนาพาสปอร์ต
-แบบฟอร์มที่กรอกออนไลน์ (เราหาตามเว็ปวิธีสอนกรอก) แต่ก็กรอกผิดอยู่ดี
-สเตจเม้นบัญชี เราถ่ายไป2เล่ม ถ่ายเอกสารเลยไม่ได้ขอจากแบงค์ เตรียมไม่ทัน เสี่ยงเอา ปรากฎว่าผ่าน
-หนังสือลา รับรองการทำงาน (ใบเดียวกัน) เราทำงานที่บ้านก็ต้องทำหนังสือ เป็นภาษาอังกฤษ search google มีให้ก็อปเปลี่ยนชื่อ สกุล ที่อยู่ ที่ทำงานฯลฯ
-หนังสือรับรองห้างที่ทำงานอยู่ ..ครบชุด
-หนังสือรับรองห้างที่เรามีหุ้นถือด้วย (อันนี้เราเตรียมเผื่อ...เขาก็เอา)...ครบชุด เอาใบที่มีรายชื่อผู้ถือหุ้นไปด้วย
-สเตจเม้นถ่ายเอกสารของที่ทำงาน(อันนี้ไม่เอาแถมดุมาอีก ก็ห้างเป็นของพ่อแม่นี่นาเตรียมเผื่อไว้ ไม่อยากกลับไปเอาอีก เผื่อเหลือดีกว่าขาด)
-พาสปอร์ตเล่มจริงเก่า+ใหม่ (เล่มเก่าเราเคยมีวีซ่าเชงเก้น)
-สำเนาสูติบัตร
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรเชิญ (คนเชิญที่เยอรมันทำให้) เขาเอาสำเนา
-ใบประกันสุขภาพ (คนเชิญที่เยอรมันทำให้) เขาเอาสำเนา
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน
-รูปถ่ายเรากับญาติที่เยอรมัน และรูปคนเชิญ (คู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องเรา)
น่าจะครบแล้ว นึกไม่ค่อยออก .... เราเรียงเอกสารตามที่เขาเขียนไว้เดะนะ แต่พิมพ์นี่ไม่ได้เรียง นึกเอาแล้วพิมพ์
ตอนสัมภาษณ์
วันแรกได้ช่อง 13 ดูเหมือนดุเลย แต่ใจดีไม่เหวี่ยง พยายามอธิบายว่าเอกสารเราไม่ครบ ยังไงๆเราก็ต้องกลับไปเอาเอกสาร ตอนนั้นเฟลมาก เซ็งสุดๆ
แค่เอกสารไม่ครบเขาก็ยื่นเอกสารให้หมด บอกเอาไรเพิ่ม ไม่สัมภาษณ์ต่อเลย
วันต่อมาหลังจากที่เตรียมเอกสารครบ เราได้คิวแรก เวลานัด7.30 น. จริงๆก็ได้สัมภาษณ์8.00น. ได้ช่อง 6 คนนี้ผอมๆ หน้าบูดไม่ยิ้ม ดุมาก
ยื่นเอกสารให้ก็ว่าเรา ทำไมเรียงไม่เหมือนที่เขาจัดลำดับไว้ เราก็งงมะวานเราเรียงเหมือนกันเดะ วันนี้โดนด่าเฉย
ถามก็ ใครเป็นคนเชิญ ครั้งนี้คู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องเราเชิญ (พี่เราขี้เกียจให้อาเราทำเรื่องให้ เลยให้แฟนทำ ..ความบรรลัยมันเริ่มแล้ว) เราก็เริ่มเรียงลำดับญาติให้ฟังก่อน อุตส่าห์ซ้อมมา เล่าตั้งแต่ย่ามีลูกกี่คน โดนคนสัมภาษณ์ตะคอก ดังมาก ไม่ต้องอธิบายยาว %$^%*(%จำไม่ได้แล้วว่าเราไรอีก เราเลยบอกคู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องค่ะ
คนสัมภาษณ์: คู่หมั้นนี่แสดงว่ายังไม่ได้ดองกันใช่ไหม ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่งงานใช่ไหม ถือว่าเป็นแค่แฟนเฉยๆ แค่คนรู้จักกัน แสดงว่ายังไม่ได้เป็นไรกับพี่สาวคุณ
ฉัน : เหวอพักนึง ยิ่งเช้าๆไม่ได้กินข้าวเช้า กำลังเออเร่อ...อ่อ พอดีเขากำลังจะแต่งงานกันนะคะ เร็วๆนี้
....ละก็เปิดเอกสารเราไปแล้วถามตามเอกสารเรา เช่น เราไม่มีฉโนดที่ดิน ก็ถามหา ละก็เรื่องทำงาน เราบอกทำงานที่บ้าน มีหุ้นบริษัท นุ่นนี่นั่น มีญาติอยู่เยอรมัน หลายคน ญาติแท้ๆ บางอย่างเขาไม่ถามเปิดช่องไฟไว้ เราก็พูดให้ฟัง ดีที่เขาไม่รำคาณ พอเปิดเอกสารเจอบัตรเชิญ ว่าคู่หมั้นพี่เราเขียนว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องแฟน ทำหน้าตกใจใส่เราอีก ทั้งๆที่เราก็บอกไปแล้วในตอนแรกที่เขาถามมา แล้วก็พูดลักษณะจะจับผิดเราให้ได้ ..
คนสัมภาษณ์ : แล้วคุณเคยเจอเขา(คู่หมั้นพี่)ไหม
ฉัน: ไม่เคยเจอด้วย ...จะโกหกก็กระไร เลยบอกความจริง ไม่เคยเจอค่ะ...ก่อนหน้านั้นเจอแฟนเก่ามัน ตอนนี้มันเปลี่ยนแฟนนี่นา
คนสัมภาษณ์ : ทำตาถลึงออกมา ไม่เคยเจอด้วย ถามเรายาวเลยทีนี้ ....เลยถามเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับลูกพี่ลูกน้องแทน
ประมาณว่า เจอพี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราก็นึกไม่ออก นึกวันเดือนปีไม่ได้ เราเลยบอกปีก่อน บอกเราอีกว่าระบุมาเลย เราก็บอกต้นปี พี่มาเมืองไทย ถามถึงกระทั่งเดือน ถามคุยกันบ่อยไหม เราก็บอกทุกวัน คุยผ่านช่องทางไหน เราตอบ Whatsapp ... เราเหมือนคนมีพิรุธแต่จริงๆ เรานี่โคตรกลัวเลย แบบว่า เขาพูดเสียงดัง ถามให้เราเสียเซล์ แล้วเราตื่นเสียงเขา ตอบผิดตอบถูก เขาไม่ยิ้ม ดุ บ่น ว่าเรา เรื่องเอกสารไม่เรียงยาวมาก แถมเรากรอกเอกสารใบคำขอผิดด้วย
เรากรอกประเทศแรกที่ไป คือฝรั่งเศส ...เราจะไปฝรั่งเศสด้วย แต่พี่เราไม่จองตั๋ว บอกรอวีซ่าเราผ่านก่อนค่อยจอง พี่เราถือวีซ่าเชงเก้นไปเองเลย บอกเราไม่ต้องบอกสถานฑูต เราก็กลัวนะ แต่พี่เราบอกพี่เราก็ถือวีซ่าเชงเก้นแต่เป็นแบบถาวร มันก็ไม่เป็นไร ของเราก็เหมือนกับพี่ เพียงแค่ได้วันน้อย ..เขาก็ถามนี่ใครกรอกเอกสารให้ เอเจนซี่หรือเรา เราบอกกรอกเอง เขาก็บ่นแบบว่า นี่กรอกผิดกันเยอะมาก ต้องมาเสียเวลา เป็นแบบนี้ทุกวัน แก้เอกสารเราไปบ่นไป บลาๆๆ หน้าเราจ๋อยเลย เราเข้าใจนะ แต่ว่าเราก็กลับไปแก้เองไม่เป็นอ่ะ มันเป็นออนไลน์ แล้วก็ถามว่าพาสปอร์ตจะมารับเองหรือส่งไปรษณีย์ เราบอกส่งไปรษณีย์ เขาก็จัดการเอกสาร แล้วยื่นบัตรให้เราไปจ่ายเงิน
ค่าธรรมเนียม2,700บาท.....................พอจ่ายเงินเสร็จเราเดินไปช่องไปรษณีย์ข้างล่าง ยื่นเอกสารให้ ดันได้เป็นบัตรคิวให้มารับเอง เรางี้โคตรเซ็งเลย
ต้องไปรับวันที่ 8 เลยให้แฟนไปรับให้...........
พอสัมภาษณ์เสร็จ แฟนเราก็ดุเรา ทำไมทำพิรุธขนาดนี้ เราบอก ก็กลัวนี่ เราเศร้ามาก กลัววีซ่าไม่ผ่าน แฟนเราบอกผ่านอยู่นะ เราก็เลยเปิดอ่านหลายๆรีวิว
ที่วีซ่าไม่ผ่าน เราเครียดเลย กลัวไม่ผ่านมากๆ เพราะจองตั๋วแบบรีฟันไม่ได้ เลื่อนวันบินก็เสีย3 พัน
ตอนนี้ได้แต่นั่งลุ้น ....ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ คิดว่าวีซ่าเราจะผ่านไหมคะ
ขอแท็กหลายๆห้องนะคะ
แชร์ประสบการณ์ขอวีซ่าเชงเก้น เยี่ยมญาติที่เยอรมัน ลุ้นมาก
ก่อนหน้านี้เราเคยไปเยอรมันมาแล้วรอบนึง เมื่อ4ปีที่แล้ว ตอนนั้นเรียนอยู่ ขอครั้งแรกนั้นง่ายมาก ไม่ถึง 5 นาที สัมภาษณ์เสร็จแล้ว คนที่เชิญเป็นอาแท้ๆของเรา
เขามีครอบครัวอยู่ที่นั่น ไม่มีปัญหา สบายมาก เราไป2อาทิตย์ ได้วันเท่ากับจองตั๋วเครื่องบินเลย
มาครั้งนี้ เราเพิ่งไปขอมาเมื่อวันที่2 เมษา ปรากฎว่า เอกสารเราไม่ครบ เพราะตอนนี้เราทำงานแล้ว อีกอย่างเป็นความผิดเราเอง ที่คิดว่ามันจะง่ายเหมือนครั้งที่แล้ว เลยชล่าใจ ไม่ได้อ่านเตรียมเอกสารเลยก็ว่าได้ เอาแต่เอกสารหลักไป ไม่ได้เอาเอกสารเกี่ยวกับตัวเองไปเท่าไหร่ ต้องโดนให้กลับบ้านไปเตรียมเอกสารใหม่ และโทรนัดใหม่ เรานัดได้วันถัดไปเลย จึงต้องเตรียมเอกสารสุดฤทธิ์ บ้านก็ไกล ไปกลับไม่สนุกเลย
เอกสารที่เราเตรียมไป
-สำเนาพาสปอร์ต
-แบบฟอร์มที่กรอกออนไลน์ (เราหาตามเว็ปวิธีสอนกรอก) แต่ก็กรอกผิดอยู่ดี
-สเตจเม้นบัญชี เราถ่ายไป2เล่ม ถ่ายเอกสารเลยไม่ได้ขอจากแบงค์ เตรียมไม่ทัน เสี่ยงเอา ปรากฎว่าผ่าน
-หนังสือลา รับรองการทำงาน (ใบเดียวกัน) เราทำงานที่บ้านก็ต้องทำหนังสือ เป็นภาษาอังกฤษ search google มีให้ก็อปเปลี่ยนชื่อ สกุล ที่อยู่ ที่ทำงานฯลฯ
-หนังสือรับรองห้างที่ทำงานอยู่ ..ครบชุด
-หนังสือรับรองห้างที่เรามีหุ้นถือด้วย (อันนี้เราเตรียมเผื่อ...เขาก็เอา)...ครบชุด เอาใบที่มีรายชื่อผู้ถือหุ้นไปด้วย
-สเตจเม้นถ่ายเอกสารของที่ทำงาน(อันนี้ไม่เอาแถมดุมาอีก ก็ห้างเป็นของพ่อแม่นี่นาเตรียมเผื่อไว้ ไม่อยากกลับไปเอาอีก เผื่อเหลือดีกว่าขาด)
-พาสปอร์ตเล่มจริงเก่า+ใหม่ (เล่มเก่าเราเคยมีวีซ่าเชงเก้น)
-สำเนาสูติบัตร
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรเชิญ (คนเชิญที่เยอรมันทำให้) เขาเอาสำเนา
-ใบประกันสุขภาพ (คนเชิญที่เยอรมันทำให้) เขาเอาสำเนา
-ใบจองตั๋วเครื่องบิน
-รูปถ่ายเรากับญาติที่เยอรมัน และรูปคนเชิญ (คู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องเรา)
น่าจะครบแล้ว นึกไม่ค่อยออก .... เราเรียงเอกสารตามที่เขาเขียนไว้เดะนะ แต่พิมพ์นี่ไม่ได้เรียง นึกเอาแล้วพิมพ์
ตอนสัมภาษณ์
วันแรกได้ช่อง 13 ดูเหมือนดุเลย แต่ใจดีไม่เหวี่ยง พยายามอธิบายว่าเอกสารเราไม่ครบ ยังไงๆเราก็ต้องกลับไปเอาเอกสาร ตอนนั้นเฟลมาก เซ็งสุดๆ
แค่เอกสารไม่ครบเขาก็ยื่นเอกสารให้หมด บอกเอาไรเพิ่ม ไม่สัมภาษณ์ต่อเลย
วันต่อมาหลังจากที่เตรียมเอกสารครบ เราได้คิวแรก เวลานัด7.30 น. จริงๆก็ได้สัมภาษณ์8.00น. ได้ช่อง 6 คนนี้ผอมๆ หน้าบูดไม่ยิ้ม ดุมาก
ยื่นเอกสารให้ก็ว่าเรา ทำไมเรียงไม่เหมือนที่เขาจัดลำดับไว้ เราก็งงมะวานเราเรียงเหมือนกันเดะ วันนี้โดนด่าเฉย
ถามก็ ใครเป็นคนเชิญ ครั้งนี้คู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องเราเชิญ (พี่เราขี้เกียจให้อาเราทำเรื่องให้ เลยให้แฟนทำ ..ความบรรลัยมันเริ่มแล้ว) เราก็เริ่มเรียงลำดับญาติให้ฟังก่อน อุตส่าห์ซ้อมมา เล่าตั้งแต่ย่ามีลูกกี่คน โดนคนสัมภาษณ์ตะคอก ดังมาก ไม่ต้องอธิบายยาว %$^%*(%จำไม่ได้แล้วว่าเราไรอีก เราเลยบอกคู่หมั้นลูกพี่ลูกน้องค่ะ
คนสัมภาษณ์: คู่หมั้นนี่แสดงว่ายังไม่ได้ดองกันใช่ไหม ยังไม่ได้จดทะเบียนแต่งงานใช่ไหม ถือว่าเป็นแค่แฟนเฉยๆ แค่คนรู้จักกัน แสดงว่ายังไม่ได้เป็นไรกับพี่สาวคุณ
ฉัน : เหวอพักนึง ยิ่งเช้าๆไม่ได้กินข้าวเช้า กำลังเออเร่อ...อ่อ พอดีเขากำลังจะแต่งงานกันนะคะ เร็วๆนี้
....ละก็เปิดเอกสารเราไปแล้วถามตามเอกสารเรา เช่น เราไม่มีฉโนดที่ดิน ก็ถามหา ละก็เรื่องทำงาน เราบอกทำงานที่บ้าน มีหุ้นบริษัท นุ่นนี่นั่น มีญาติอยู่เยอรมัน หลายคน ญาติแท้ๆ บางอย่างเขาไม่ถามเปิดช่องไฟไว้ เราก็พูดให้ฟัง ดีที่เขาไม่รำคาณ พอเปิดเอกสารเจอบัตรเชิญ ว่าคู่หมั้นพี่เราเขียนว่าเราเป็นลูกพี่ลูกน้องแฟน ทำหน้าตกใจใส่เราอีก ทั้งๆที่เราก็บอกไปแล้วในตอนแรกที่เขาถามมา แล้วก็พูดลักษณะจะจับผิดเราให้ได้ ..
คนสัมภาษณ์ : แล้วคุณเคยเจอเขา(คู่หมั้นพี่)ไหม
ฉัน: ไม่เคยเจอด้วย ...จะโกหกก็กระไร เลยบอกความจริง ไม่เคยเจอค่ะ...ก่อนหน้านั้นเจอแฟนเก่ามัน ตอนนี้มันเปลี่ยนแฟนนี่นา
คนสัมภาษณ์ : ทำตาถลึงออกมา ไม่เคยเจอด้วย ถามเรายาวเลยทีนี้ ....เลยถามเรื่องความสัมพันธ์ของเรากับลูกพี่ลูกน้องแทน
ประมาณว่า เจอพี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เราก็นึกไม่ออก นึกวันเดือนปีไม่ได้ เราเลยบอกปีก่อน บอกเราอีกว่าระบุมาเลย เราก็บอกต้นปี พี่มาเมืองไทย ถามถึงกระทั่งเดือน ถามคุยกันบ่อยไหม เราก็บอกทุกวัน คุยผ่านช่องทางไหน เราตอบ Whatsapp ... เราเหมือนคนมีพิรุธแต่จริงๆ เรานี่โคตรกลัวเลย แบบว่า เขาพูดเสียงดัง ถามให้เราเสียเซล์ แล้วเราตื่นเสียงเขา ตอบผิดตอบถูก เขาไม่ยิ้ม ดุ บ่น ว่าเรา เรื่องเอกสารไม่เรียงยาวมาก แถมเรากรอกเอกสารใบคำขอผิดด้วย
เรากรอกประเทศแรกที่ไป คือฝรั่งเศส ...เราจะไปฝรั่งเศสด้วย แต่พี่เราไม่จองตั๋ว บอกรอวีซ่าเราผ่านก่อนค่อยจอง พี่เราถือวีซ่าเชงเก้นไปเองเลย บอกเราไม่ต้องบอกสถานฑูต เราก็กลัวนะ แต่พี่เราบอกพี่เราก็ถือวีซ่าเชงเก้นแต่เป็นแบบถาวร มันก็ไม่เป็นไร ของเราก็เหมือนกับพี่ เพียงแค่ได้วันน้อย ..เขาก็ถามนี่ใครกรอกเอกสารให้ เอเจนซี่หรือเรา เราบอกกรอกเอง เขาก็บ่นแบบว่า นี่กรอกผิดกันเยอะมาก ต้องมาเสียเวลา เป็นแบบนี้ทุกวัน แก้เอกสารเราไปบ่นไป บลาๆๆ หน้าเราจ๋อยเลย เราเข้าใจนะ แต่ว่าเราก็กลับไปแก้เองไม่เป็นอ่ะ มันเป็นออนไลน์ แล้วก็ถามว่าพาสปอร์ตจะมารับเองหรือส่งไปรษณีย์ เราบอกส่งไปรษณีย์ เขาก็จัดการเอกสาร แล้วยื่นบัตรให้เราไปจ่ายเงิน
ค่าธรรมเนียม2,700บาท.....................พอจ่ายเงินเสร็จเราเดินไปช่องไปรษณีย์ข้างล่าง ยื่นเอกสารให้ ดันได้เป็นบัตรคิวให้มารับเอง เรางี้โคตรเซ็งเลย
ต้องไปรับวันที่ 8 เลยให้แฟนไปรับให้...........
พอสัมภาษณ์เสร็จ แฟนเราก็ดุเรา ทำไมทำพิรุธขนาดนี้ เราบอก ก็กลัวนี่ เราเศร้ามาก กลัววีซ่าไม่ผ่าน แฟนเราบอกผ่านอยู่นะ เราก็เลยเปิดอ่านหลายๆรีวิว
ที่วีซ่าไม่ผ่าน เราเครียดเลย กลัวไม่ผ่านมากๆ เพราะจองตั๋วแบบรีฟันไม่ได้ เลื่อนวันบินก็เสีย3 พัน
ตอนนี้ได้แต่นั่งลุ้น ....ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ คิดว่าวีซ่าเราจะผ่านไหมคะ
ขอแท็กหลายๆห้องนะคะ