สวัสดีครับ
หลังจากที่แม่ผม มีอาการไอมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 56 โดยแม่ได้ไปโรงพยาบาลถึง 3 แห่งด้วยกัน
โรงพยาบาล(สิทธิประกันสังคม) ซึ่งเป็นรพ.แรกที่แม่ผมเข้าทำการรักษา คุณหมอวิเคราะห์แล้ว บอกว่าแม่ผมเป็นภูมิแพ้ จ่ายยามาให้กิน 2 รอบ ไม่ดีขึ้น จับ x-ray พบปอดเป็นโพรง จ่ายยาวัณโรคมาให้กิน 2 ชุด ตรวจเสมหะ 4-5 รอบ ไม่พบเชื้อวัณโรค และไม่มีการเพาะเชื้ออะไรใดๆ ให้ยาไปกินแล้วกลับบ้าน อีก 1 เดือนค่อยมาดูผล
ในระหว่าง 1 เดือนที่รอดูผลนี้ ผมจึงได้พาแม่ไปที่รพ.อื่น เผื่อจะเจอสาเหตุ เพราะอาการของแกทรงๆ คือยังไอ และเจ็บหน้าอกอยู่ และดูโทรมมาก
ผมจึงได้พาแม่ไปรพ.จุฬาฯ ซึ่งคุณหมอได้ให้ไป x-ray พบว่าปอดยังเป็นโพรง แต่จุดนี้ผมพลาดไปอย่าง คือไม่ได้เอาฟิล์มจากรพ.เดิมมาเปรียบเทียบ เลยไม่รู้ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง
คุณหมอที่จุฬาฯ นัดให้แม่ทำ CT Scan แต่ได้คิววันที่ 23 เม.ย ซึ่งผมเห็นว่ามันนานเกินไปที่จะรอ ด้วยความที่ผมเองอาจจะใจร้อน (ที่ต้องทนเห็นแม่ป่วยแบบที่ผมไม่เคยเห็นแกเป็นมาก่อน) ผมจึงได้ดิ้นรน คิดจะพาแม่ไปหาที่ที่จะทำ CT Scan ได้เลย และจะได้เอาผลมาให้คุณหมอที่จุฬาฯดูอีกที
ผมจึงพาแม่ไปที่รพ.ศิริราช ปิยะการุณ แต่เหมือนกับต้องไปเริ่มอะไรใหม่อีก คุณหมอยังไม่ได้ให้ทำ CT Scan ในทันที แต่คุณหมอซักประวัติคนไข้ ตรวจตามตัวคนไข้ และขอดูฟิล์ม x-ray ล่าสุดที่ถ่ายที่จุฬาฯ
คุณหมอบอกให้กลับไปเอาฟิล์มจากรพ.เดิมมาด้วย แล้วอีก 1 อาทิตย์มาหาหมอใหม่ และได้เก็บเสมหะไปด้วยเพื่อเพาะเชื้อ
อาทิตย์นึงผ่านไป ผมจึงกลับไปเอาฟิล์ม และใบ request จากรพ.เดิม มาให้คุณหมอที่ศิริราชฯ (โดยที่ผมเห็นในใบมีประโยคนึงเขียนว่า Advance TB)
ปรากฏว่า ผลเสมหะที่นำไปเพาะเบื้องต้น ก็ไม่พบเชื้อ และเมื่อคุณหมอนำเอาฟิล์มทั้ง 2 รพ.มาเปรียบเทียบ พบว่าโพรงมันมีขนาดใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงนัดให้ทำ CT Scan ทันที
แต่ด้วยความที่ผมไม่มีเงินมากพอ และไม่สามารถเบิกจากที่ใดๆ ได้ คุณหมอบอกว่า ถ้าทำ CT Scan อาจจะต้องส่องกล้องด้วย แล้วทีนี้เรื่องยาวเลยล่ะ
แม่ผมก็กลัวว่าเราจะไม่มีเงินรักษาขนาดนั้น คุณหมอก็คงจะเข้าใจ ก็เลยเขียนใบ request กลับไปหาคุณหมอที่รพ.เดิม ประมาณว่าแม่มีอาการไม่ดีขึ้นเลยหลังจากได้รับยาวัณโรค ซึ่งถ้าถูกกับโรค อาการก็น่าจะดีขึ้น โพรงน่าจะยุบลง แต่นี่มันกลับใหญ่ขึ้น คุณหมอที่ศิริราชก็พูดประมาณว่า รพ.เดิมของคุณถ้าเค้าทำเรื่องส่งตัวมาศิริราช หรือจุฬาได้ ก็จะดี แต่เค้าคงจะหารพ.เครือข่ายของเค้าก่อน ถ้าที่ไหนที่เค้าคิดว่าน่าจะรักษาได้ เค้าก็จะส่งไป
วันรุ่งขึ้น ผมนำใบ request ของทางศิริราชฯ ส่งไปให้รพ.เดิม คุณหมอก็รีบนัดให้แม่ทำ CT Scan ในวันรุ่งขึ้น
แม่ผมทำ CT Scan ในวันรุ่งขึ้น และทางรพ.เดิม ทำเรื่องส่งไปที่รพ.ในสังกัด และอีก 1 อาทิตย์ ให้รอหมอจากรพ.ใหม่ในสังกัดนี้ ติดต่อกลับเพื่อนัดวันเข้ามาตรวจ โดยทางรพ.เดิมนี้ ยังคงให้กินยาวัณโรคอยู่
ทั้งที่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น แม่ยังคงเจ็บหน้าอก เสมหะที่เมื่อตอนไปหาหมอครั้งแรกๆ ยังเป็นสีขาว แต่ปัจจุบันเป็นสีเหลืองบางทีก็ปนเลือด อาการไอดูเหมือนจะลดลง แต่ดูเหมือนหอบเหนื่อยมากขึ้น
ตอนนี้ก็ได้แต่รออย่างเดียว ว่าเมื่อไหร่คุณหมอจากรพ.ใหม่นี้ จะโทรกลับมา ซึ่งไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ในขณะที่คนไข้อาการแย่ลง เชื้อโรคที่ขยายตัวมากขึ้น และต้องกินยาที่ไม่ได้ทำให้โรคทุเลาลงเลย
สรุป
ธ.ค.56 - ม.ค.57 แม่มีอาการไอ หมอให้กินยาภูมิแพ้ แต่อาการไม่ดีขึ้น
ก.พ.57 - มี.ค. 57 แม่กินยาวัณโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น
เม.ย.57 - ? แม่ยังคงกินยาวัณโรค ทั้งที่ผล x-ray อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย แถมอาการป่วยของคนไข้ยังแย่ลง และยังคงต้องรอหมอ
เท่ากับว่า ที่ผ่านมา 4 เดือน แม่ไม่ได้กินยาเพื่อรักษาโรคเลย เหมือนกับว่าแม่ต้องสู้กับโรคด้วยภูมิต้านทานของตัวเองล้วนๆ โดยไม่มียา หรือการรักษาใดๆเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ต้องไปๆกลับๆ แทบทุกอาทิตย์ เพื่อพาแม่ไปตระเวณหาหมอหลายๆ ที่ เพียงเพื่ออยากจะรู้แค่เพียงว่า แม่ป่วยเป็นอะไร
แต่ดูเหมือนที่ผ่านมา 4 เดือน ก็ยังไม่รู้คำตอบ รู้สึกเหนื่อยและท้อใจมากครับ ที่ต้องเห็นแม่ไอ เห็นแม่เจ็บหน้าอก เห็นแม่หอบเหนื่อย
สงสารแม่เหมือนกันที่ผมต้องพาแกตะลอนไปหาหมอหลายๆที่ จนแกบ่นเอาว่า "ให้แม่รักษาที่รพ.เดิมนี่แหละ ถึงมือหมอแล้วเค้ารักษาได้น่า รอคิวหน่อย แกใจร้อนเกินไปแล้ว"
ทุกวันนี้ผมเครียด และนอนไม่หลับมาตลอด แล้วมันมีผลกระทบกับร่างกายผมอย่างมาก ทั้งความดันขึ้น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ที่ไม่สามารถเป็นหลัก ให้กับครอบครัวได้เลย แทนที่จะเป็นคนดูแลคนป่วย กลับต้องมาป่วยซะเองแบบนี้
พยายามทำใจ ให้ปล่อยให้วางกับเรื่องที่เกิด คิดว่าเป็นกรรม มันเกิดมาแล้วก็ต้องยอมรับ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
อีกใจ ก็คิดว่า แม่เราทั้งคน เห็นแกป่วย ลูกที่ไหนจะสบายใจ อยากให้แม่ตรวจเจอโรคเร็วๆ จะได้รักษาให้มันถูกทาง ไม่ใช่เดาสุ่ม ปล่อยให้ป่วยนอนมาฟรีๆแบบนี้ตั้ง 4 เดือน
นี่ถ้าแม่ผมเป็นมะเร็ง ผ่านมา 4 เดือน มันจะลุกลามไปถึงขนาดไหน แทนที่จะเจอตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้รักษาทัน แต่นี่....
บางที ก็นึกน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกัน ที่ไม่ได้มั่งมีเหมือนคนอื่นๆ ที่เค้าเลือกโรงพยาบาลได้ เลือกหมอได้ เลือกวันรักษา เลือกการรักษา เลือกยาได้
ถึงแม้ว่า คนเราจะยากดีมีจน ถึงคราวตายก็ต้องตาย แต่ดูเหมือนกับว่า เราจะทำอะไรแต่ละที พอมันไม่มีเงิน ก็ต้องรอ รอ รอ ในขณะที่โรคภัย มันไม่ได้รอไปกับเราด้วย
รู้สึกน้อยใจจริงๆ ครับ
ทุกข์ใจ เกี่ยวกับอาการป่วยของแม่
หลังจากที่แม่ผม มีอาการไอมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 56 โดยแม่ได้ไปโรงพยาบาลถึง 3 แห่งด้วยกัน
โรงพยาบาล(สิทธิประกันสังคม) ซึ่งเป็นรพ.แรกที่แม่ผมเข้าทำการรักษา คุณหมอวิเคราะห์แล้ว บอกว่าแม่ผมเป็นภูมิแพ้ จ่ายยามาให้กิน 2 รอบ ไม่ดีขึ้น จับ x-ray พบปอดเป็นโพรง จ่ายยาวัณโรคมาให้กิน 2 ชุด ตรวจเสมหะ 4-5 รอบ ไม่พบเชื้อวัณโรค และไม่มีการเพาะเชื้ออะไรใดๆ ให้ยาไปกินแล้วกลับบ้าน อีก 1 เดือนค่อยมาดูผล
ในระหว่าง 1 เดือนที่รอดูผลนี้ ผมจึงได้พาแม่ไปที่รพ.อื่น เผื่อจะเจอสาเหตุ เพราะอาการของแกทรงๆ คือยังไอ และเจ็บหน้าอกอยู่ และดูโทรมมาก
ผมจึงได้พาแม่ไปรพ.จุฬาฯ ซึ่งคุณหมอได้ให้ไป x-ray พบว่าปอดยังเป็นโพรง แต่จุดนี้ผมพลาดไปอย่าง คือไม่ได้เอาฟิล์มจากรพ.เดิมมาเปรียบเทียบ เลยไม่รู้ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง
คุณหมอที่จุฬาฯ นัดให้แม่ทำ CT Scan แต่ได้คิววันที่ 23 เม.ย ซึ่งผมเห็นว่ามันนานเกินไปที่จะรอ ด้วยความที่ผมเองอาจจะใจร้อน (ที่ต้องทนเห็นแม่ป่วยแบบที่ผมไม่เคยเห็นแกเป็นมาก่อน) ผมจึงได้ดิ้นรน คิดจะพาแม่ไปหาที่ที่จะทำ CT Scan ได้เลย และจะได้เอาผลมาให้คุณหมอที่จุฬาฯดูอีกที
ผมจึงพาแม่ไปที่รพ.ศิริราช ปิยะการุณ แต่เหมือนกับต้องไปเริ่มอะไรใหม่อีก คุณหมอยังไม่ได้ให้ทำ CT Scan ในทันที แต่คุณหมอซักประวัติคนไข้ ตรวจตามตัวคนไข้ และขอดูฟิล์ม x-ray ล่าสุดที่ถ่ายที่จุฬาฯ
คุณหมอบอกให้กลับไปเอาฟิล์มจากรพ.เดิมมาด้วย แล้วอีก 1 อาทิตย์มาหาหมอใหม่ และได้เก็บเสมหะไปด้วยเพื่อเพาะเชื้อ
อาทิตย์นึงผ่านไป ผมจึงกลับไปเอาฟิล์ม และใบ request จากรพ.เดิม มาให้คุณหมอที่ศิริราชฯ (โดยที่ผมเห็นในใบมีประโยคนึงเขียนว่า Advance TB)
ปรากฏว่า ผลเสมหะที่นำไปเพาะเบื้องต้น ก็ไม่พบเชื้อ และเมื่อคุณหมอนำเอาฟิล์มทั้ง 2 รพ.มาเปรียบเทียบ พบว่าโพรงมันมีขนาดใหญ่ขึ้น คุณหมอจึงนัดให้ทำ CT Scan ทันที
แต่ด้วยความที่ผมไม่มีเงินมากพอ และไม่สามารถเบิกจากที่ใดๆ ได้ คุณหมอบอกว่า ถ้าทำ CT Scan อาจจะต้องส่องกล้องด้วย แล้วทีนี้เรื่องยาวเลยล่ะ
แม่ผมก็กลัวว่าเราจะไม่มีเงินรักษาขนาดนั้น คุณหมอก็คงจะเข้าใจ ก็เลยเขียนใบ request กลับไปหาคุณหมอที่รพ.เดิม ประมาณว่าแม่มีอาการไม่ดีขึ้นเลยหลังจากได้รับยาวัณโรค ซึ่งถ้าถูกกับโรค อาการก็น่าจะดีขึ้น โพรงน่าจะยุบลง แต่นี่มันกลับใหญ่ขึ้น คุณหมอที่ศิริราชก็พูดประมาณว่า รพ.เดิมของคุณถ้าเค้าทำเรื่องส่งตัวมาศิริราช หรือจุฬาได้ ก็จะดี แต่เค้าคงจะหารพ.เครือข่ายของเค้าก่อน ถ้าที่ไหนที่เค้าคิดว่าน่าจะรักษาได้ เค้าก็จะส่งไป
วันรุ่งขึ้น ผมนำใบ request ของทางศิริราชฯ ส่งไปให้รพ.เดิม คุณหมอก็รีบนัดให้แม่ทำ CT Scan ในวันรุ่งขึ้น
แม่ผมทำ CT Scan ในวันรุ่งขึ้น และทางรพ.เดิม ทำเรื่องส่งไปที่รพ.ในสังกัด และอีก 1 อาทิตย์ ให้รอหมอจากรพ.ใหม่ในสังกัดนี้ ติดต่อกลับเพื่อนัดวันเข้ามาตรวจ โดยทางรพ.เดิมนี้ ยังคงให้กินยาวัณโรคอยู่
ทั้งที่อาการก็ไม่ได้ดีขึ้น แม่ยังคงเจ็บหน้าอก เสมหะที่เมื่อตอนไปหาหมอครั้งแรกๆ ยังเป็นสีขาว แต่ปัจจุบันเป็นสีเหลืองบางทีก็ปนเลือด อาการไอดูเหมือนจะลดลง แต่ดูเหมือนหอบเหนื่อยมากขึ้น
ตอนนี้ก็ได้แต่รออย่างเดียว ว่าเมื่อไหร่คุณหมอจากรพ.ใหม่นี้ จะโทรกลับมา ซึ่งไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ในขณะที่คนไข้อาการแย่ลง เชื้อโรคที่ขยายตัวมากขึ้น และต้องกินยาที่ไม่ได้ทำให้โรคทุเลาลงเลย
สรุป
ธ.ค.56 - ม.ค.57 แม่มีอาการไอ หมอให้กินยาภูมิแพ้ แต่อาการไม่ดีขึ้น
ก.พ.57 - มี.ค. 57 แม่กินยาวัณโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น
เม.ย.57 - ? แม่ยังคงกินยาวัณโรค ทั้งที่ผล x-ray อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย แถมอาการป่วยของคนไข้ยังแย่ลง และยังคงต้องรอหมอ
เท่ากับว่า ที่ผ่านมา 4 เดือน แม่ไม่ได้กินยาเพื่อรักษาโรคเลย เหมือนกับว่าแม่ต้องสู้กับโรคด้วยภูมิต้านทานของตัวเองล้วนๆ โดยไม่มียา หรือการรักษาใดๆเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ต้องไปๆกลับๆ แทบทุกอาทิตย์ เพื่อพาแม่ไปตระเวณหาหมอหลายๆ ที่ เพียงเพื่ออยากจะรู้แค่เพียงว่า แม่ป่วยเป็นอะไร
แต่ดูเหมือนที่ผ่านมา 4 เดือน ก็ยังไม่รู้คำตอบ รู้สึกเหนื่อยและท้อใจมากครับ ที่ต้องเห็นแม่ไอ เห็นแม่เจ็บหน้าอก เห็นแม่หอบเหนื่อย
สงสารแม่เหมือนกันที่ผมต้องพาแกตะลอนไปหาหมอหลายๆที่ จนแกบ่นเอาว่า "ให้แม่รักษาที่รพ.เดิมนี่แหละ ถึงมือหมอแล้วเค้ารักษาได้น่า รอคิวหน่อย แกใจร้อนเกินไปแล้ว"
ทุกวันนี้ผมเครียด และนอนไม่หลับมาตลอด แล้วมันมีผลกระทบกับร่างกายผมอย่างมาก ทั้งความดันขึ้น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย รู้สึกสมเพชตัวเองมาก ที่ไม่สามารถเป็นหลัก ให้กับครอบครัวได้เลย แทนที่จะเป็นคนดูแลคนป่วย กลับต้องมาป่วยซะเองแบบนี้
พยายามทำใจ ให้ปล่อยให้วางกับเรื่องที่เกิด คิดว่าเป็นกรรม มันเกิดมาแล้วก็ต้องยอมรับ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
อีกใจ ก็คิดว่า แม่เราทั้งคน เห็นแกป่วย ลูกที่ไหนจะสบายใจ อยากให้แม่ตรวจเจอโรคเร็วๆ จะได้รักษาให้มันถูกทาง ไม่ใช่เดาสุ่ม ปล่อยให้ป่วยนอนมาฟรีๆแบบนี้ตั้ง 4 เดือน
นี่ถ้าแม่ผมเป็นมะเร็ง ผ่านมา 4 เดือน มันจะลุกลามไปถึงขนาดไหน แทนที่จะเจอตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้รักษาทัน แต่นี่....
บางที ก็นึกน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนกัน ที่ไม่ได้มั่งมีเหมือนคนอื่นๆ ที่เค้าเลือกโรงพยาบาลได้ เลือกหมอได้ เลือกวันรักษา เลือกการรักษา เลือกยาได้
ถึงแม้ว่า คนเราจะยากดีมีจน ถึงคราวตายก็ต้องตาย แต่ดูเหมือนกับว่า เราจะทำอะไรแต่ละที พอมันไม่มีเงิน ก็ต้องรอ รอ รอ ในขณะที่โรคภัย มันไม่ได้รอไปกับเราด้วย
รู้สึกน้อยใจจริงๆ ครับ