สวัสดีค่ะ ดึกแล้วแต่นอนไม่หลับ มันเป็นความอัดอั้นตันใจมาเกือบ 5-6 เดือน ในรั้วมหาวิทยาลัยที่เราอยู่อย่างสงบสุขมาตลอด 4 ปี มันเป็นอะไรที่เราพยายามลืม ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ เพราะพ่อเคยสอนไว้ว่า "ก่อนจะพูดอะไรออกไป ให้ทำเหมือนกับว่าเราอมหินไว้ในปาก" ปกติเป็นคนพูดแรงแบบติดตลก ปากร้าย แต่รู้สึกโมโหตัวเองตรงที่ เรื่องที่ควรพูดกลับไม่พูดแต่ไอ้เรื่องที่ไม่ควรพูดเนี่ย พูดดีจัง (ชิงด่าตัวเองก่อนเลย 55)
เราเป็น นศ ปี 4 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อยู่หอในมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว เปลี่ยนรูมเมทมา 3 คน เพราะทุกคนลาออกหมด แต่ทุกคนคือดีมากและสนิทกันเหมือนเพื่อน จนมาถึง คนที่ 4 เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเทอม 2/56 ที่ผ่านมา หอจะเป็นแบบห้องน้ำรวม ซึ่งเราชอบตรงนี้ ห้องไม่เหม็นไง อาศัยเดินเอาหน่อย หอในถ้าไม่มีเพื่อนจับคู่มาอยู่ด้วยกัน ทางสำนักงานหอพักจะทำการจับคู่ให้แทน ซึ่งข้อนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราเลย เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีและเข้ากับคนได้ง่าย ตอนแรกที่รู้ว่าจะมีรูมเมทใหม่มา เรากุลีกุจอเก็บกวาดห้องครั้งใหญ่ เพื่อต้อนรับนาง บอกก่อนว่าปกติไม่ถึงกับเนี้ยบมาก แต่ก็เจ้าระเบียบพอควร อย่างขี้เกียจเลยก็ 1 อาทิตย์ทำความสะอาดใหญ่ครั้งนึง กวาดห้องทุกวัน ถูห้องทุก 3 วัน และไม่ใช่คนที่เกี่ยงหรือว่ายังไง เพราะถือว่าห้องนี้เราเองก็อยู่เหมือนกัน ดังนั้น ใครทำก็เหมือนกัน ถ้าอีกคนไม่ทำ เราก็จะทำเอง ไม่มีน้ำโห หรือประชดประชันใดๆทั้งสิ้น หนึ่งคือเราเป็นภูมิแพ้ และสอง พ่อเป็นคนที่มีระเบียบมาก เลยทำให้ติดนิสัยนั้นมา เราเป็นคนรักของ หวงของ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือพวกเครื่องสำอางค์ต่างๆ ทำให้เราจำได้หมด ว่าเรามีลิปกี่แท่ง อายไลเนอร์กี่อัน อายชาโดว์กี่พาเลท หนังสือกี่เล่ม คือจำได้หมดว่าเก็บของสิ่งนั้นไว้ตรงไหน
เมื่อนางย้ายเข้ามาวันแรกเราเห็นเค้าความรกลอยมานิดๆ แต่ไม่คิดอะไรมาก เพราะนางมาเพียง ถังพลาสติกทึบที่เอาไว้ใส่น้ำในห้องน้ำมาหนึ่งใบ กับกล่องคว่ำถ้วยชามมาอีกหนึ่งกล่อง นางเอาเสื้อผ้าใส่ถังพลาสติกนั้นมา แบบทุกลักทุเล แล้วก็หายไปราวๆ 1 อาทิตย์ กลับมาคราวนี้ นางขนของมาเต็มเลย และวางทิ้งไว้ในห้อง แทบจะไม่มีทางเดิน แบบรกมาก เสื้อผ้าที่ซักไม่ซักกองเต็มห้อง เราคันไม้คันมืออยากจะเก็บให้ แต่ก็รู้้สึกว่า เห้ย มันไม่ใช่หน้าที่ จะละลาบละล้วงเกินไป เราจึงทิ้งไว้แบบนั้น 5 วัน จนเราทนไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าเยอะมากแล้ววางกองไว้ตรงทางเดินเข้าออกประตู แถมยังมีของวางเต็มเตียงที่ชิดกัน คือพูดง่ายๆว่า ห้องเหมือนกองขยะเลยตอนนั้น ทีนี้เราทนไม่ไหวแล้ว เพราะเราเองก็ไม่มีที่จะไป ยังต้องอาศัยห้องนี้ซุกหัวนอน เราเลยลงมือเก็บของทุกอย่างเข้าที่ให้นาง จัดให้ใหม่ แม้กระทั่งเอาเสื้อผ้าที่กองไว้มาแขวนเรียง ชุดนอน เดรส เสื้อแขนสั้น แขนยาว มันเสียมารยาทมากๆเราเข้าใจ แต่ลองคิดกลับกัน ถ้าต้องอยู่ในห้องที่มีกองขยะ ใครจะอยากอยู่? เราคนนึงที่อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเก็บทุกอย่างจนสะอาดเอี่ยม เอาของเข้าที่ให้นางทั้งหมด เราเลยเขียนโน้ตแปะไว้ ว่า "ขอโทษที่ละลาบละล้วงจัดของให้ แต่เราอยู่ในห้องที่มีฝุ่นเยอะมากไม่ได้จริงๆ" เรื่องนี้จบไป นางพออกพอใจ ไม่ต้องจัดของเอง เราก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอกลับมาอีกที ก็โป๊ะจ้ะ นางแปะโน้ตกลับว่า "ขอโทษที่ทำห้องรกนะ เรารีบ" ... และห้องที่เก็บไว้ก็รกอีกครั้ง
และเมื่ออยู่ร่วมกันเรื่อยๆ นางไม่มีความเกรงใจตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ขยะ ทาแป้งหกลงบนพื้น ทิ้งผ้าอนามัยในถังขยะโดยไม่ห่อ คุยโทรศัพท์กับแฟนเสียงดังมาก และเป็นบทสนทนาที่เราไม่อยากได้ยิน ซึ่งเรื่องพรรค์นั้นไม่จำเป็นต้องเอามาโพนทะนา โมโหคือวันนั้นเราสอบเช้า นางกลับห้องมาตอนตี 2 เปิดประตูเปิดไฟเสียงดัง แต่นางคุยแบบนี้ถึงตี 4 และเรานอนในสภาพเอานิ้วก้อยอุดหูตลอดคืน พีคสุดคือโกนขนขาในห้อง และนั่นเป็นครั้งแรกที่เรากระชากเสียงใส่นางว่า ให้นางกวาดด้วย แล้วถามหน่อยนางกวาดไหม ... ตอบ ไม่จ้า เราเองที่กวาด ยังไม่หมดค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันเรายังไม่เคยเห็นนางซักผ้าเลยซักครั้ง รวมถึงกางเกงในที่นางต้องทิ้งเพราะมันขึ้นรา จริงๆเราไม่อยากจะโพสต์เรื่องนี้ แต่กลัวเพื่อนๆจะไม่เกท ก็เลยต้องให้เห็นภาพนิดนึง และตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา มี 1 ครั้ง เท่านั้น ที่นางพับผ้าห่ม ซึ่งเราเป็นคนพับให้นางทุกวัน เพราะเราเชื่อว่า แค่เรื่องเล็กๆที่ตื่นนอนมาแล้วต้องทำเป็นอันดับแรก ถ้ายังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรแล้วมั้ง คือเราอยากให้นางเห็นว่า เนี่ย ควรจะพับนะ เราไม่พูดนะ แต่พับให้ทุกครั้ง หลังๆเราซักผ้าปูที่นอนให้ด้วย เพราะเพียง 3 ฟุต เลื่อนมาติดกัน ฝุ่นก็ปลิว เพราะนางไม่ค่อยกลับห้องด้วย แต่กลับมาทีไร ห้องก็เป็นรังหนูเช่นเคย นางชอบใส่รองเท้าย่ำเข้ามาในห้อง ชอบเดินเท้าเปียกแล้วเป็นรอย เหมือนคนไม่มีสมอง ว่าเราเพิ่งถูห้องไป รองเท้าเปียกๆที่ไปอาบน้ำในห้องน้ำมา ย่ำมา ห้องก็เลยเป็นรอยเท้าเลอะเทอะ ซึ่งเราทนกับไอ้เรื่องแบบนี้มาตลอด แม้จะบ่นๆลงเฟสบ้าง แต่เราก็ไม่พูด เราก็ทำความสะอาดของเราไป เมื่อวานเราเก็บกวาดห้องเอาขยะนางไปทิ้งให้ นางกลับมาดึกๆ แล้วพุดว่า "เราทำห้องรกอีกแล้วใช่ไหม" แล้วก็ขำ ซึ่งเราโมโห ก็เลยไม่พูดอะไรกับนางซักคำเลย แล้วนางก็ออกไป จนมาวันนี้แหละค่ะ ที่พีคสุด
เรื่องมันมีอยู่ว่าเราไปเรียนตั้งแต่เช้าจนเย็น กลับห้องมาทุกวันก็ได้แต่ภาวนาว่านางจะไม่อยู่ สุดท้ายเปิดประตูเข้าไป ไฟปิด แต่... พัดลมเปิด ถามว่าตั้งแต่ตอนไหน? เสื้อผ้าที่เราเก็บให้เมื่อวานก็กองเต็มเตียงอีกครั้ง แต่เราไม่สนใจละ คิดว่าช่าง
วันนี้ตูเหนื่อย ก็มานั่งเล่นคอม นึกอย่างแต่งหน้าเล่นขึ้นมา ก็เลยแต่งไป เราจำได้ว่าเรามีลิปแมค 23 แท่ง ตัดใส่ถาดไว้ 13 แท่ง เป็นสีที่เราใช้ไม่บ่อย ส่วนสีที่ใช้บ่อยเราจะเก็บไว้ในชั้นอย่างดี ปกติไม่ค่อยชอบทา Please Me เพราะมันหวานเหลือเกิน แต่วันนี้แต่งหน้าเล่นแบบหวานๆ ก็เลยจะเอามาเล่น หาไม่เจอ ก็เลยคิดว่าอาจจะปาดใส่ไว้ถาดมั้ง พอเอามาดูก็ไม่มี เราค้นทุกช่อง ทุกที่ที่คิดว่าอาจจะทำตกหล่น แต่มันก็ไม่เจอ เพราะของทุกอย่างก็อยู่ในที่ของมันปกติ และเราไม่ได้หยิบนางมาใช้นานแล้ว เราตงิดใจ ตอนนั้นอารมณ์กำลังขึ้น เราเห็นกระเป๋าเครื่องสำอางค์ของนางตั้งอยู่ เราเลยสวมบทคนทราม เอาวะ เสียมารยาทเปิดมันออกดู สรุปว่าเราเจอ ลิปสติก MAC Please Me ราคา 800 บาท นอนอยู่ในกระเป๋านาง สภาพทุเรศมากๆ (ดังภาพ)
ดูด้วยตาก็รู้ใช่ไหมคะว่าเราทาไปแค่ไม่กี่ครั้ง เป็นใครก็โกรธเนอะ แวบแรกเราอยากจะเอาลิปกลับมาเก็บในกล่องของเรา แต่พอเห็นสภาพแล้ว คิดว่าเอากลับมาก็ไม่กล้าทาค่ะ ละเลงขนาดนี้ เราไม่เคยใช้ลิปสติกได้ทุเรศแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ ตอนแรกเสียดายนะคะ ของๆเราคนอื่นมาขโมยไปใช้เฉยๆแบบนี้ได้ไง จริงๆแล้วเรามีแผนเต็มหัวเลยนะ ว่าจะแก้แค้นนางยังไงบ้าง แต่ด้วยความที่ถูกอบรมมาดี(มาก) ทำให้เรายั้งมือไว้ก่อน แต่อยากจะถามเพื่อนๆ พี่ๆค่ะ ว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้จะทำยังไง จะแก้เผ็ดนางด้วยวิธีไหน หรือจะปล่อยเซอร์ เป็นคุณหญิงแย้มดีคะ
- เราจะอยู่หอนี้ถึงแค่สิ้นเดือน พค.57 นี้
- ใจจริงอยากให้นางย้ายออกไป แต่พอมาคิดๆแล้ว หรือไปเองจะดีกว่าไหม
- พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปซื้อกล่องพลาสติกเก็บของมาเก็บเครื่องสำอางค์ลงให้หมด เพื่อเตรียมย้ายห้องในสิ้นเดือนหน้า เพราะเราไม่รู้เลยว่า นางมาปาด ป้าย แซะ แงะ แกะ อะไรของเราไปแล้วบ้าง เศร้านะตรงนี้...
:: สุดท้าย ::
**** ลิปสติกแท่งนั้นหมดอายุไป 2 ปีแล้ว****
8-4-14
สถานการณ์ล่าสุด
นางกลับมานอนห้องได้ 2 วันแล้วค่ะ เรายังคงไม่พูดอะไรในตอนแรก
เรานอนอยู่นางเปิดไฟยืนร่ำไรทำโน่นนี่นั่นราวๆ ตี 5-6 โมง
เราโมโหก็เลยเตะโต๊ะใกล้ๆตัว เสียงดัง (เจ็บด้วย) 555
นางก็เลยตกใจ ปิดไฟแต่งตัวค่ะ เหมือนนางจะรู้ตัวว่าเราไม่คุยด้วย
พอบ่ายๆ เราก็ไปซื้อกล่องมาเก็บของลงกล่อง แม่บอกให้เก็บทุกอย่างลงกล่อง
นางเห็นเราลากกล่องเข้ามา นางเลยถามว่าจะเก็บของกลับบ้านหรอ
เราบอกว่า จะย้ายห้อง นางทำหน้าเสีย นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง
แล้วเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของลงกล่อง ละเหมือนนางทำใจอยู่ค่ะ
ซักพักนางถามว่า "จะย้ายไปห้องไหนหรอ" เราก็เงียบแปบนึง
แล้วบอกว่า "เปล่าไม่ได้จะย้าย แค่เตรียมตัว"
แล้วนางก็พูดขึ้นมาว่า "ยังแพ้ฝุ่นอยู่มั้ย" ตอนนั้นเราคิดในใจ "เ_ี้ย แ_่งเลิกแพ้ได้ด้วยหรอวะ"
แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วนางพูดต่อมาว่า "เราขอโทษนะ แต่เรายังไม่มีอารมณ์จะจัดของเลย"
ขอโทษนะคะ ผ่านมากี่เดือนแล้ว จะเก็บกางเกงในขึ้นรา นี่ต้องรออารมณ์ด้วยหรอจ้ะ
เราก็เลยไม่พูดอะไรทั้งนั้นอะค่ะ เพราะวันก่อน เจ้าหน้าที่หอพักที่อยู่ห้องใกล้ๆกัน
เดินมาขอยาที่ห้อง แล้วบอกว่า ห้องกลิ่นเหม็นอับมาก แต่ก่อนไม่เคยเป็นเลย
เราก็ได้แต่ยิ้มอะค่ะ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร 5555
สงสัยคงต้องรอนางมีอารมณ์ นางถึงจะมาเก็บกวาดสมบัติส่วนตัวได้
ปล.เราไม่พูดเรื่องลิปสติกค่ะ รอเวลาอยู่ น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
แต่ก่อนที่ปลาจะตาย เราใกล้จะตายแล้วค่ะ 555555555555555
// เพิ่มเติม //
ตอบคำถามในหลายๆคอมเมนท์นะคะ
1 เราเรียนมหาวิทยาลัยนี้ค่าใช้จ่ายเยอะอยู่แล้วไม่อยากจะเบียดเบียนที่บ้านมากนัก เพราะยังมีน้องที่กำลังเรียนอยู่ อีกตั้งสองคน
2 เราไม่อยากให้พ่อแม่สิ้นเปลืองอีกครั้ง ด้วยการจ่ายค่าหอ คูณสองเท่า คือถ้าจะอยู่คนเดียวต้องจ่ายสองเท่า มันไม่กี่พันบาทก็จริงค่ะ
แต่มันคือสิ่งที่เราช่วยประหยัดได้ อีกอย่างอย่างที่บอกไว้ คือเราไม่ใช่คนเข้ากับคนยากด้วย ก็เลยไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับคนอื่น
3 เราเป็นคนไม่มีวินัยค่ะ นึกอยากจะไม่ไปเรียนก็ไม่ไป คือ ไม่มีความรับผิดชอบนั่นเอง เราจึงเลือกที่จะอยู่หอในตั้งแต่ ปี 1 จนถึงตอนนี้
มันก็ดีกว่าให้คนขี้เกียจอย่างเราไปอยู่ข้างนอกมหาลัย ยิ่งตื่นสายก็ยิ่งไม่อยากมาเรียน
4 จริงๆรูมเมทแบบนี้ก็ไม่อยากมีค่ะ แต่เราเป็นคนที่ถ้าได้พูดหรือทำอะไรแล้วมันจะหยุดไม่ได้ ดังนั้น จึงเลือกที่จะระงับอารมณ์จนถึงที่สุด
หลีกเลี่ยงทุกทางที่จะทำให้เกิดปัญหา ถามว่าเราอยากจะกระชากหัวนางแล้วกดลงบนตระกร้าที่มีกางเกงในขึ้นราวางอยู่ไหม เราบอกเลยค่ะ
ว่าไม่เคยรู้สึกอยากทำอะไรเท่านี้มาก่อนเลย เราแค่เบื่อ รำคาน กับปัญหาที่จะตามมามากกว่าค่ะ
# ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีเหมือนแม่อรุณประไพ เท่าตอนนี้เลยนะคะ ...
"รูมเมทนรก" ตอน เมื่อรูมเมท .... เป็นขโมย
เราเป็น นศ ปี 4 ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อยู่หอในมาตั้งแต่ปีแรกแล้ว เปลี่ยนรูมเมทมา 3 คน เพราะทุกคนลาออกหมด แต่ทุกคนคือดีมากและสนิทกันเหมือนเพื่อน จนมาถึง คนที่ 4 เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อเทอม 2/56 ที่ผ่านมา หอจะเป็นแบบห้องน้ำรวม ซึ่งเราชอบตรงนี้ ห้องไม่เหม็นไง อาศัยเดินเอาหน่อย หอในถ้าไม่มีเพื่อนจับคู่มาอยู่ด้วยกัน ทางสำนักงานหอพักจะทำการจับคู่ให้แทน ซึ่งข้อนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเราเลย เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีและเข้ากับคนได้ง่าย ตอนแรกที่รู้ว่าจะมีรูมเมทใหม่มา เรากุลีกุจอเก็บกวาดห้องครั้งใหญ่ เพื่อต้อนรับนาง บอกก่อนว่าปกติไม่ถึงกับเนี้ยบมาก แต่ก็เจ้าระเบียบพอควร อย่างขี้เกียจเลยก็ 1 อาทิตย์ทำความสะอาดใหญ่ครั้งนึง กวาดห้องทุกวัน ถูห้องทุก 3 วัน และไม่ใช่คนที่เกี่ยงหรือว่ายังไง เพราะถือว่าห้องนี้เราเองก็อยู่เหมือนกัน ดังนั้น ใครทำก็เหมือนกัน ถ้าอีกคนไม่ทำ เราก็จะทำเอง ไม่มีน้ำโห หรือประชดประชันใดๆทั้งสิ้น หนึ่งคือเราเป็นภูมิแพ้ และสอง พ่อเป็นคนที่มีระเบียบมาก เลยทำให้ติดนิสัยนั้นมา เราเป็นคนรักของ หวงของ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือพวกเครื่องสำอางค์ต่างๆ ทำให้เราจำได้หมด ว่าเรามีลิปกี่แท่ง อายไลเนอร์กี่อัน อายชาโดว์กี่พาเลท หนังสือกี่เล่ม คือจำได้หมดว่าเก็บของสิ่งนั้นไว้ตรงไหน
เมื่อนางย้ายเข้ามาวันแรกเราเห็นเค้าความรกลอยมานิดๆ แต่ไม่คิดอะไรมาก เพราะนางมาเพียง ถังพลาสติกทึบที่เอาไว้ใส่น้ำในห้องน้ำมาหนึ่งใบ กับกล่องคว่ำถ้วยชามมาอีกหนึ่งกล่อง นางเอาเสื้อผ้าใส่ถังพลาสติกนั้นมา แบบทุกลักทุเล แล้วก็หายไปราวๆ 1 อาทิตย์ กลับมาคราวนี้ นางขนของมาเต็มเลย และวางทิ้งไว้ในห้อง แทบจะไม่มีทางเดิน แบบรกมาก เสื้อผ้าที่ซักไม่ซักกองเต็มห้อง เราคันไม้คันมืออยากจะเก็บให้ แต่ก็รู้้สึกว่า เห้ย มันไม่ใช่หน้าที่ จะละลาบละล้วงเกินไป เราจึงทิ้งไว้แบบนั้น 5 วัน จนเราทนไม่ได้ เพราะเสื้อผ้าเยอะมากแล้ววางกองไว้ตรงทางเดินเข้าออกประตู แถมยังมีของวางเต็มเตียงที่ชิดกัน คือพูดง่ายๆว่า ห้องเหมือนกองขยะเลยตอนนั้น ทีนี้เราทนไม่ไหวแล้ว เพราะเราเองก็ไม่มีที่จะไป ยังต้องอาศัยห้องนี้ซุกหัวนอน เราเลยลงมือเก็บของทุกอย่างเข้าที่ให้นาง จัดให้ใหม่ แม้กระทั่งเอาเสื้อผ้าที่กองไว้มาแขวนเรียง ชุดนอน เดรส เสื้อแขนสั้น แขนยาว มันเสียมารยาทมากๆเราเข้าใจ แต่ลองคิดกลับกัน ถ้าต้องอยู่ในห้องที่มีกองขยะ ใครจะอยากอยู่? เราคนนึงที่อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเก็บทุกอย่างจนสะอาดเอี่ยม เอาของเข้าที่ให้นางทั้งหมด เราเลยเขียนโน้ตแปะไว้ ว่า "ขอโทษที่ละลาบละล้วงจัดของให้ แต่เราอยู่ในห้องที่มีฝุ่นเยอะมากไม่ได้จริงๆ" เรื่องนี้จบไป นางพออกพอใจ ไม่ต้องจัดของเอง เราก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด พอกลับมาอีกที ก็โป๊ะจ้ะ นางแปะโน้ตกลับว่า "ขอโทษที่ทำห้องรกนะ เรารีบ" ... และห้องที่เก็บไว้ก็รกอีกครั้ง
และเมื่ออยู่ร่วมกันเรื่อยๆ นางไม่มีความเกรงใจตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ขยะ ทาแป้งหกลงบนพื้น ทิ้งผ้าอนามัยในถังขยะโดยไม่ห่อ คุยโทรศัพท์กับแฟนเสียงดังมาก และเป็นบทสนทนาที่เราไม่อยากได้ยิน ซึ่งเรื่องพรรค์นั้นไม่จำเป็นต้องเอามาโพนทะนา โมโหคือวันนั้นเราสอบเช้า นางกลับห้องมาตอนตี 2 เปิดประตูเปิดไฟเสียงดัง แต่นางคุยแบบนี้ถึงตี 4 และเรานอนในสภาพเอานิ้วก้อยอุดหูตลอดคืน พีคสุดคือโกนขนขาในห้อง และนั่นเป็นครั้งแรกที่เรากระชากเสียงใส่นางว่า ให้นางกวาดด้วย แล้วถามหน่อยนางกวาดไหม ... ตอบ ไม่จ้า เราเองที่กวาด ยังไม่หมดค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันเรายังไม่เคยเห็นนางซักผ้าเลยซักครั้ง รวมถึงกางเกงในที่นางต้องทิ้งเพราะมันขึ้นรา จริงๆเราไม่อยากจะโพสต์เรื่องนี้ แต่กลัวเพื่อนๆจะไม่เกท ก็เลยต้องให้เห็นภาพนิดนึง และตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา มี 1 ครั้ง เท่านั้น ที่นางพับผ้าห่ม ซึ่งเราเป็นคนพับให้นางทุกวัน เพราะเราเชื่อว่า แค่เรื่องเล็กๆที่ตื่นนอนมาแล้วต้องทำเป็นอันดับแรก ถ้ายังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรแล้วมั้ง คือเราอยากให้นางเห็นว่า เนี่ย ควรจะพับนะ เราไม่พูดนะ แต่พับให้ทุกครั้ง หลังๆเราซักผ้าปูที่นอนให้ด้วย เพราะเพียง 3 ฟุต เลื่อนมาติดกัน ฝุ่นก็ปลิว เพราะนางไม่ค่อยกลับห้องด้วย แต่กลับมาทีไร ห้องก็เป็นรังหนูเช่นเคย นางชอบใส่รองเท้าย่ำเข้ามาในห้อง ชอบเดินเท้าเปียกแล้วเป็นรอย เหมือนคนไม่มีสมอง ว่าเราเพิ่งถูห้องไป รองเท้าเปียกๆที่ไปอาบน้ำในห้องน้ำมา ย่ำมา ห้องก็เลยเป็นรอยเท้าเลอะเทอะ ซึ่งเราทนกับไอ้เรื่องแบบนี้มาตลอด แม้จะบ่นๆลงเฟสบ้าง แต่เราก็ไม่พูด เราก็ทำความสะอาดของเราไป เมื่อวานเราเก็บกวาดห้องเอาขยะนางไปทิ้งให้ นางกลับมาดึกๆ แล้วพุดว่า "เราทำห้องรกอีกแล้วใช่ไหม" แล้วก็ขำ ซึ่งเราโมโห ก็เลยไม่พูดอะไรกับนางซักคำเลย แล้วนางก็ออกไป จนมาวันนี้แหละค่ะ ที่พีคสุด
เรื่องมันมีอยู่ว่าเราไปเรียนตั้งแต่เช้าจนเย็น กลับห้องมาทุกวันก็ได้แต่ภาวนาว่านางจะไม่อยู่ สุดท้ายเปิดประตูเข้าไป ไฟปิด แต่... พัดลมเปิด ถามว่าตั้งแต่ตอนไหน? เสื้อผ้าที่เราเก็บให้เมื่อวานก็กองเต็มเตียงอีกครั้ง แต่เราไม่สนใจละ คิดว่าช่าง วันนี้ตูเหนื่อย ก็มานั่งเล่นคอม นึกอย่างแต่งหน้าเล่นขึ้นมา ก็เลยแต่งไป เราจำได้ว่าเรามีลิปแมค 23 แท่ง ตัดใส่ถาดไว้ 13 แท่ง เป็นสีที่เราใช้ไม่บ่อย ส่วนสีที่ใช้บ่อยเราจะเก็บไว้ในชั้นอย่างดี ปกติไม่ค่อยชอบทา Please Me เพราะมันหวานเหลือเกิน แต่วันนี้แต่งหน้าเล่นแบบหวานๆ ก็เลยจะเอามาเล่น หาไม่เจอ ก็เลยคิดว่าอาจจะปาดใส่ไว้ถาดมั้ง พอเอามาดูก็ไม่มี เราค้นทุกช่อง ทุกที่ที่คิดว่าอาจจะทำตกหล่น แต่มันก็ไม่เจอ เพราะของทุกอย่างก็อยู่ในที่ของมันปกติ และเราไม่ได้หยิบนางมาใช้นานแล้ว เราตงิดใจ ตอนนั้นอารมณ์กำลังขึ้น เราเห็นกระเป๋าเครื่องสำอางค์ของนางตั้งอยู่ เราเลยสวมบทคนทราม เอาวะ เสียมารยาทเปิดมันออกดู สรุปว่าเราเจอ ลิปสติก MAC Please Me ราคา 800 บาท นอนอยู่ในกระเป๋านาง สภาพทุเรศมากๆ (ดังภาพ)
ดูด้วยตาก็รู้ใช่ไหมคะว่าเราทาไปแค่ไม่กี่ครั้ง เป็นใครก็โกรธเนอะ แวบแรกเราอยากจะเอาลิปกลับมาเก็บในกล่องของเรา แต่พอเห็นสภาพแล้ว คิดว่าเอากลับมาก็ไม่กล้าทาค่ะ ละเลงขนาดนี้ เราไม่เคยใช้ลิปสติกได้ทุเรศแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ ตอนแรกเสียดายนะคะ ของๆเราคนอื่นมาขโมยไปใช้เฉยๆแบบนี้ได้ไง จริงๆแล้วเรามีแผนเต็มหัวเลยนะ ว่าจะแก้แค้นนางยังไงบ้าง แต่ด้วยความที่ถูกอบรมมาดี(มาก) ทำให้เรายั้งมือไว้ก่อน แต่อยากจะถามเพื่อนๆ พี่ๆค่ะ ว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้จะทำยังไง จะแก้เผ็ดนางด้วยวิธีไหน หรือจะปล่อยเซอร์ เป็นคุณหญิงแย้มดีคะ
- เราจะอยู่หอนี้ถึงแค่สิ้นเดือน พค.57 นี้
- ใจจริงอยากให้นางย้ายออกไป แต่พอมาคิดๆแล้ว หรือไปเองจะดีกว่าไหม
- พรุ่งนี้ตั้งใจจะไปซื้อกล่องพลาสติกเก็บของมาเก็บเครื่องสำอางค์ลงให้หมด เพื่อเตรียมย้ายห้องในสิ้นเดือนหน้า เพราะเราไม่รู้เลยว่า นางมาปาด ป้าย แซะ แงะ แกะ อะไรของเราไปแล้วบ้าง เศร้านะตรงนี้...
:: สุดท้าย ::
**** ลิปสติกแท่งนั้นหมดอายุไป 2 ปีแล้ว****
8-4-14
สถานการณ์ล่าสุด
นางกลับมานอนห้องได้ 2 วันแล้วค่ะ เรายังคงไม่พูดอะไรในตอนแรก
เรานอนอยู่นางเปิดไฟยืนร่ำไรทำโน่นนี่นั่นราวๆ ตี 5-6 โมง
เราโมโหก็เลยเตะโต๊ะใกล้ๆตัว เสียงดัง (เจ็บด้วย) 555
นางก็เลยตกใจ ปิดไฟแต่งตัวค่ะ เหมือนนางจะรู้ตัวว่าเราไม่คุยด้วย
พอบ่ายๆ เราก็ไปซื้อกล่องมาเก็บของลงกล่อง แม่บอกให้เก็บทุกอย่างลงกล่อง
นางเห็นเราลากกล่องเข้ามา นางเลยถามว่าจะเก็บของกลับบ้านหรอ
เราบอกว่า จะย้ายห้อง นางทำหน้าเสีย นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียง
แล้วเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของลงกล่อง ละเหมือนนางทำใจอยู่ค่ะ
ซักพักนางถามว่า "จะย้ายไปห้องไหนหรอ" เราก็เงียบแปบนึง
แล้วบอกว่า "เปล่าไม่ได้จะย้าย แค่เตรียมตัว"
แล้วนางก็พูดขึ้นมาว่า "ยังแพ้ฝุ่นอยู่มั้ย" ตอนนั้นเราคิดในใจ "เ_ี้ย แ_่งเลิกแพ้ได้ด้วยหรอวะ"
แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร แล้วนางพูดต่อมาว่า "เราขอโทษนะ แต่เรายังไม่มีอารมณ์จะจัดของเลย"
ขอโทษนะคะ ผ่านมากี่เดือนแล้ว จะเก็บกางเกงในขึ้นรา นี่ต้องรออารมณ์ด้วยหรอจ้ะ
เราก็เลยไม่พูดอะไรทั้งนั้นอะค่ะ เพราะวันก่อน เจ้าหน้าที่หอพักที่อยู่ห้องใกล้ๆกัน
เดินมาขอยาที่ห้อง แล้วบอกว่า ห้องกลิ่นเหม็นอับมาก แต่ก่อนไม่เคยเป็นเลย
เราก็ได้แต่ยิ้มอะค่ะ ไม่รู้จะพูดว่าอะไร 5555
สงสัยคงต้องรอนางมีอารมณ์ นางถึงจะมาเก็บกวาดสมบัติส่วนตัวได้
ปล.เราไม่พูดเรื่องลิปสติกค่ะ รอเวลาอยู่ น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
แต่ก่อนที่ปลาจะตาย เราใกล้จะตายแล้วค่ะ 555555555555555
// เพิ่มเติม //
ตอบคำถามในหลายๆคอมเมนท์นะคะ
1 เราเรียนมหาวิทยาลัยนี้ค่าใช้จ่ายเยอะอยู่แล้วไม่อยากจะเบียดเบียนที่บ้านมากนัก เพราะยังมีน้องที่กำลังเรียนอยู่ อีกตั้งสองคน
2 เราไม่อยากให้พ่อแม่สิ้นเปลืองอีกครั้ง ด้วยการจ่ายค่าหอ คูณสองเท่า คือถ้าจะอยู่คนเดียวต้องจ่ายสองเท่า มันไม่กี่พันบาทก็จริงค่ะ
แต่มันคือสิ่งที่เราช่วยประหยัดได้ อีกอย่างอย่างที่บอกไว้ คือเราไม่ใช่คนเข้ากับคนยากด้วย ก็เลยไม่มีปัญหาในการอยู่ร่วมกับคนอื่น
3 เราเป็นคนไม่มีวินัยค่ะ นึกอยากจะไม่ไปเรียนก็ไม่ไป คือ ไม่มีความรับผิดชอบนั่นเอง เราจึงเลือกที่จะอยู่หอในตั้งแต่ ปี 1 จนถึงตอนนี้
มันก็ดีกว่าให้คนขี้เกียจอย่างเราไปอยู่ข้างนอกมหาลัย ยิ่งตื่นสายก็ยิ่งไม่อยากมาเรียน
4 จริงๆรูมเมทแบบนี้ก็ไม่อยากมีค่ะ แต่เราเป็นคนที่ถ้าได้พูดหรือทำอะไรแล้วมันจะหยุดไม่ได้ ดังนั้น จึงเลือกที่จะระงับอารมณ์จนถึงที่สุด
หลีกเลี่ยงทุกทางที่จะทำให้เกิดปัญหา ถามว่าเราอยากจะกระชากหัวนางแล้วกดลงบนตระกร้าที่มีกางเกงในขึ้นราวางอยู่ไหม เราบอกเลยค่ะ
ว่าไม่เคยรู้สึกอยากทำอะไรเท่านี้มาก่อนเลย เราแค่เบื่อ รำคาน กับปัญหาที่จะตามมามากกว่าค่ะ
# ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีเหมือนแม่อรุณประไพ เท่าตอนนี้เลยนะคะ ...