บทบันทึก 20 ปี Forrest Gump กับ 20 ข้อสั้นๆ ถึง 'อัจฉริยะปัญญานิ่ม'



ปีนี้ Forrest Gump ก็มีอายุครบ 20 ปีพอดี ในโอกาสนี้ เราเลยหยิบมันออกจากหิ้ง ขึ้นมาทบทวนความทรงจำกันอีกครั้ง บันทึกสั้นๆ 20 ข้อต่อไปนี้ จะพูดถึงทั้งในเชิงภาพยนตร์, เนื้อหา, ความรู้สึกส่วนตัว, แง่คิด และข้อปลีกย่อยต่างๆที่อยากเก็บไว้และเล่าสู่กันอ่าน แบบสะเปะสะปะผสมปนเปกันไป (แน่นอนว่าย่อมมีสปอยล์ ใครที่ยังไม่เคยดู รีบหามาดูด่วนเลยครับ ก่อนจะพลาดหนังดีๆ)

1. My name’s Forrest, Forrest Gump. เป็นประโยคแนะนำตัวที่บ่งบอกความเป็น Forrest Gump ได้อย่างชัดเจนและแยบยล เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ของเขาได้เป็นอย่างดี

2. สิ่งที่น่าทึ่งที่สุด คือ การผูกโยงเรื่องราวของตัวละครเข้ากับประวัติศาสตร์ของอเมริกา เพราะด้วยลักษณะที่เข้าทางการเสียดสีและเย้ยหยัน ผกก กลับใช้เพียงเพื่อความสนุกสนานและอารมณ์ขัน เหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต มิจำเป็นต้องไปยึดติดอะไร

3. แน่นอนจากความสุดโต่งทางเรื่องราว ตัวละคร และทัศนคติของ ผกก ในด้านบวก หนังจึงมีพลังในการสร้างแรงบันดาลใจและจรรโลงใจค่อนข้างสูง แต่ก็อาจมีข้อเสีย ในด้านการสร้างความน่าเชื่อถือจนอาจส่งผลต่อการเชื่อมโยงหรือ connect กับผู้ชมได้

4. ฉากที่ฮาและเด็ดขาดที่สุดยกให้ฉากที่ฟอร์เรสต์ร้องเสียงเดียวกับที่เขาได้ยินแม่กับครูมีอะไรกัน

5. หนังสอนให้เราเรียนรู้และทำใจยอมรับว่า ชีวิตคนเราย่อมประกอบไปด้วยชะตาลิขิตและตัวเองลิขิต ซึ่งเราไม่มีทางรู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไร สิ่งที่เราควรทำคือ ทำสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าให้ดีที่สุด ไม่ควรคาดหวังไว้ล่วงหน้าว่ามันจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ และที่สำคัญ ไม่ควรจะไปยึดติดกับแนวความคิดด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป คือ ต้องไม่ฝืนความเป็นไปของชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรนิ่งเฉยรอคอยอะไรบางอย่างโดยที่เราไม่ทำอะไรเลย

6. การช่วยเหลือหรือทำเพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน บางที อาจทำให้เราได้บางสิ่งบางอย่างตอบแทนอย่างมหาศาลโดยที่เราไม่เคยต้องการ ในขณะที่หลายต่อหลายคนไขว่คว้าหามันมาโดยตลอด

7. พื้นฐานความสัมพันธ์และการเลี้ยงดูจากครอบครัว อาจมีผลต่อทัศนคติและการใช้ชีวิตของเด็กในอนาคตมากกว่าพื้นฐานจากพันธุกรรม โดยเฉพาะในเรื่องของมันสมอง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ พระเอกและนางเอก ของหนังเรื่องนี้

8. การวิ่งโดยไร้จุดหมายเป็นปีๆของฟอร์เรสต์ สามารถตอกหน้าคำพูดของนิชคุณใน รักเจ็ดปีฯที่บอกว่า “ถ้าคุณอยากวิ่ง คุณวิ่งแค่กิโลเดียวก็พอ แต่ถ้าคุณอยากพบชีวิตใหม่ คุณค่อยมาวิ่งมาราธอน” เพราะ การวิ่งของฟอร์เรสต์นั้นไม่เคยมีจุดมุ่งหมายอะไร เขาไม่เคยอยากพบชีวิตใหม่ เขาไม่มีเหตุผลในการวิ่ง เขาวิ่งเพราะอยากวิ่งล้วนๆ

9. ไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะชนะ The Shawshank Redemption และ Pulp Fiction บนเวทีออสการ์ แต่โดยส่วนตัว ผมชอบเรื่องนี้น้อยสุดในสามเรื่อง

10. ซีจีเรื่องนี้ดีมากนะ คือมันเนียนมากๆ ผ่านมาสองทศวรรษแล้ว ทำไมหนังไทยถึงยังตามไม่ทัน?

11. น่าแปลกที่ตัวละครที่เราชอบที่สุดกลับไม่ใช่ฟอร์เรสต์ หากแต่เป็นผู้หมวดแดน เรา connect กับเขาได้ค่อนข้างมาก เห็นใจในความกระอักกระอ่วนระหว่างปณิธานกับชีวิต และรู้สึกดีใจเมื่อเขามีปั้นปลายที่มีความสุข

12. ฉากที่จี๊ดเรามากๆ คือฉากที่ฟอร์เรสต์รู้ว่าตัวเองมีลูก และถามเมียว่า “Is he smart?” และฉากที่น่ารักมากๆคือ ฉากที่สองพ่อลูกนั่งตกปลาด้วยกันริมตลิ่งพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อย

13. ตอนเลือกโปสเตอร์เลือกอยู่นานมาก ชอบหลายอันมาก สุดท้ายก็มาจบด้วยฉบับออริจินัลนี่แหละ เหตุผลเดียวคือ มันคลาสสิคดี

14. เห็นพระเอกชอบใส่เสื้อตารางสีฟ้า แล้วอยากหาเสื้อแบบนี้มาใส่บ้าง แต่ให้ตัดผมทรงเดียวกันคงไม่ไหวนะ

15. ในฐานะคนที่เรียนการตลาด ข้อคิดอย่างหนึ่งที่ได้คือ สำหรับในแวดวงธุรกิจหรือการตลาดนั้น การไม่มีคู่แข่งคือลาภอันประเสริฐ เพราะ สาเหตุที่ทำให้ฟอร์เรสต์และผู้หมวดแดนกลายเป็นเศรษฐีมิได้เกิดมาจากการดำเนินแผนกลยุทธ์อันใด แต่เกิดขึ้นจากสภาวะอันไร้ซึ่งคู่แข่ง ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม หากเรานำพากิจการของเราเข้าสู่สภาวะไร้คู่แข่งได้ เราก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน

16. คิดว่าระยะเวลาที่ผันผ่านน่าจะมีผลกับความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้แน่ๆ แม้คอนเซปต์ของหนังคือความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในยุคใดสมัยใด มันก็สามารถช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางความสับสนวุ่นวายได้ กระนั้น รายละเอียดปลีกย่อยหลายๆอย่าง ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ร่วมและความอิ่มเอิบนั้นต้องการพื้นฐานหรือประสบการณ์บางอย่างอยู่เหมือนกัน เช่น ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ประเทศอเมริกา, ความรู้สึกร่วมในช่วงสงครามเวียดนาม, ค่านิยมอเมริกันดรีม, ทัศนคติหรือมุมมองหลายๆอย่างของคนร่วมสมัย เป็นต้น ดังนั้น ยิ่งนานวันไป สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็น่าจะเปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึง เจเนอเรชั่นใหม่ๆที่จะเติบโตขึ้นมา ก็คงจะมีความรู้สึกต่อหนังเรื่องนี้ แตกต่างจากคนรุ่นก่อนค่อนข้างมาก

17. อยากรู้ว่าไนกี้จ่ายค่าโฆษณาเท่าไหร่อ่ะ?

18. จากการดวลปิงปองแมตช์นี้ http://www.youtube.com/watch?v=ITR88wT8ekM ถ้าเปลี่ยนเอาคนจีนออก แล้วส่งกัมพ์ลงไปแทน จะฮากว่านี้อีกกี่เท่าเนี่ย

19. หาก “ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อคโกแล็ต คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าจะได้เจอกับอะไร” หนังเรื่องนี้ ก็ได้ชักนำเราให้เปิดกล่องช็อคโกแล็ตของกัมพ์ออก พร้อมให้ลองลิ้มชิมรสดื่มด่ำไปกับความหอมหวานและขมขื่น อย่างที่ช็อคโกแล็ตควรจะเป็น เพราะแม้เราจะพอเดาได้ว่ารสชาติของชีวิตจะมีทั้งสุขและทุกข์ ทว่า รูปร่างหน้าตา และ เหตุผลที่ทำให้มันมีรสชาติเช่นนั้นล่ะ เราไม่มีทางเดาออก เฉกเช่นเดียวกับเรื่องราวชีวิตของชายที่ชื่อ ฟอร์เรสต์ ฟอร์เรสต์ กัมพ์

20. เป็นหนึ่งในหนังที่เราชอบชื่อไทยที่สุดเรื่องหนึ่ง “อัจฉริยะปัญญานิ่ม”



สามารถติดตามอัพเดทเรื่องราวแง่มุมต่างๆในวงการภาพยนตร์ของผมได้อีกมากมายในแฟนเพจ https://www.facebook.com/JLaw10movie
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่