เมื่องานแต่งไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง

ดิฉันก็เป็นผู้หญิงอีกคนคะ ที่ฝันอยากจะมีงานแต่งที่ Perfect หรูหราคลาสสิค และเป็นที่น่าประทับใจแบบไม่มีวันลืมเลือน และอยากเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน ความฝัน + เพ้อเจ้อ ที่ได้รับมาจากการดูหนังโรแมนติก ทำให้ดิฉันจิตนาการงานแต่งงานไว้แบบนั้น

แต่ในความเป็นจริง กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเลย งานแต่งดิฉันไม่เกิดขึ้นเพราะผู้ชายคนที่ดิฉันรักขอ แต่กลับต้องแต่งเพราะว่าท้อง  และดิฉันคบกับเค้าได้เพียง 6 เดือนเท่านั้น งานแต่งที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดไม่ใช่ความรัก ดิฉันต้องมาแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าชู้ เพราะถ้าหากไม่มีเรื่องท้องเข้ามาดิฉันคงจบความสัมพันธ์กับผู้ชายคนนี้ไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับในความดีและความรับผิดชอบที่เค้ามีต่อเด็กในท้องคะ เพราะผุ้ชายเจ้าชู้ มักมากบางคนก็อาจจะหนีหายหน้าไปเลย

งานแต่งในครั้งนั้น มีพี่สาวและแม่ของดิฉันดูแลทั้งหมด ส่วนเรื่องค่าใช่จ่าย ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็ช่วยกันออกคะ เนื่องจากเราสองคนยังไม่มีการมีงานทำ จำนวนเงินที่เสียไปในครั้งนั้นประมาณเกือบสองแสนบาท ดิฉันกับแฟนแทบจะไม่ต้องจัดการอะไร จะมีแต่ตัดสินใจเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น ของที่จะมาแจกแขกในวันงาน การ์ดเชิญ ชุดงานช่วงเช้า ช่วงเย็น ดูเป็นการตัดสินใจเล็กๆน้อยๆนะคะ แต่เราสองคนกลับทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้ เพราะเวลาดิฉันถาม จะเลือกอันไหน คืออยากให้เค้าเป็นคนตัดสินใจบ้าง เค้าก็กลับตอบว่า "แล้วแต่ตัวเอง" ทะเลาะกันมักมากจนถึงขั้นจะยกเลิกงานแต่งเลยก็มีคะ ตอนนั้นดิฉันท้อมาก คิดตลอดว่าทำไมเราต้องมาท้องกับคนแบบนี้ ทำไมงานแต่งเราต้องเป็นแบบนี้ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือแฟนดิฉันไม่ได้แจกการ์ดเชิญเลยสักใบ และชวนมาแต่เพื่อนสนิทไม่กี่คน และญาติเพียงไม่กี่คน รวมกันไม่ถึง 20 คน แต่ทางฝ่ายดิฉันกลับมาเยอะแยะมากมาย ดิฉันเลยรู้สึกว่า เค้าคงอายที่จะประกาศให้ใครๆรู้ว่าเค้าแต่งงานแล้ว และสิ่งที่น่าเสียใจที่สุดคือดิฉันได้ยินเค้าคุยกับเพื่อนๆเค้าว่า "พวกอย่าได้เอารูปงานแต่งลงเฟสบุ๊คโดยเด็ดขาดนะ ถ้ากูเห็นกูเลิกคบแน่ๆ" ดิฉันเสียใจมากที่เค้าบอกกับเพื่อนๆ เค้าแบบนั้น ทำไมเหรอ? แต่งกับดิฉันมันน่าง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?

ก่อนวันแต่งงาน 1 วัน เค้ามาโพสในเฟสของดิฉันว่า "นอนได้แล้วนะหมาน้อย พรุ่งนี้จะได้สวยๆ" ดิฉันคิดในใจ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ ดิฉันไม่รู้สึกตื่นเต้น หรืออะไรเลย กลับรู้สึกว่า ไม่อยากจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ถึงวันแต่งงาน ดิฉันเดินทางสถานที่จัดงานด้วยความรู้สึกไม่มีความสุขเอาซะเลย แต่งหน้า แต่งตัวเสร็จ ก็มาเจอกับแฟน เราสองคนไม่พูดไม่จา ในใจดิฉันก็อยากได้ยินเค้าพูดว่า วันนี้ตัวเองสวยจัง แต่กลับไม่มีเลย งานแต่งในวันนั้นดำเนินไปอย่างปกตินี้ เพียงแต่ เจ้าบ่าว เจ้าสาว เจ้าของงานกลับไม่ได้อยู่ด้วยกัน เดินแยกจากกันเพื่อที่จะไปนั่งคุยกับเพื่อนๆที่มางาน ไม่มีโมเม้นที่ว่า จับมือกันเดินหาแขก ไม่มีคะไม่มี

หลังจากเสร็จงานแฟนดิฉันก็ขอไปส่งเพื่อน!! เน้น ไปส่งเพื่อนในวันแต่งงานของเราคะ อ้างว่าเพื่อนมาไกล ดิฉันก็ปล่อยไป และรออยู่ที่งาน วันนั้นมีเพื่อนๆดิฉันของนั่งรอด้วย กว่าแฟนดิฉันจะกลับมาก็ 4 ทุ่มคะ ดิฉันยังคงรออยู่ที่เดิม แล้วเราสองคนก็กลับบ้านกัน และงานแต่งงานของเราก็จบแบบ งง จบแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่านี้ล่ะ  พูดตรงๆนะคะดิฉันเสียใจกับวันนี้มาก คิดว่าเราต้องมาแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักเราเลย แถมยังทำลายความฝันของวันแต่งงานเราอีก มันช่างเป็นอะไรที่แย่จริงๆ

แต่หลังจากงานแต่ง เหมือนเราสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เรากลับผูกพันธ์สนิทกันมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น เราเรียนรู้นิสัยใจคอ ให้อภัยและยอมกันมากขึ้น จากวันนั้นจนวันนี้ เกือบ 4 ปีแล้วที่เรายังอยู่ด้วยกัน ดิฉันเคยพูดและระบายกับเค้าเรื่องงานแต่ง เค้าบอกขอโทษที่ทำอะไรแบบนั้นลงไป และจะเก็บเงินเพื่อที่จะแต่งงานกับดิฉันอีกครั้ง และตอนนี้เค้ารักดิฉันกับลูกมาก ครั้งนั้นเค้ารู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตอิสระของเค้ากำลังจะหมดไป แต่ตอนนี้เค้ายอมแลกทุกๆอย่างเพื่อทำให้ครอบครัวมีความสุข ดิฉันรู้ได้เลยคะว่าเค้าไม่โกหก เพราะจากการกระทำของเค้า เค้าได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ จากผู้ชายเจ้าชู้คนนั้น ตอนนี้กลับมาเปลี่ยนเป็นคนที่รักครอบครัว และดูแลเอาใจใส่ดิฉันและลูกมาตลอด แฟนดิฉันพยายามเก็บเงินเพื่อแต่งงานกับดิฉันอีกรอบคะ แต่ดิฉันคิดว่าตอนนี้มันไม่จำเป็นเแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนั้นงานแต่งจะไม่ได้เป็นไปตามที่ดิฉันตั้งใจไว้ แต่การมีกันและกันในวันนี้คือสิ่งที่ดิฉันต้องการ งานแต่งงานมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วสำหรับดิฉัน เพราะต่อให้แต่งงานกันใหญ่โตหรูหราแค่ไหน เจ้าบ่าวเจ้าสาวหวานกันสักเท่าไร ก็เลิกกันได้ มันไม่สามารถเปรียบได้กับการคบกันและใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขในวันนี้หรอกคะ

**ที่ต้องการจะสื่อคือ งานแต่งงานเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งของความสัมพันธ์ แต่มันก็ไม่สำคัญ ความรักความเข้าใจที่คนสองคนมีให้กันหรอกคะ***

เงินที่แฟนดิฉันเก็บๆมา เพื่อแต่งงานรอบ 2 เราสองคนตัดสินใจจะใช้ในการไป Honeymoon กัน เผื่อจะมีน้องให้ตัวเล็กอีกคน ยิ้ม
ขอบคุณที่อ่านเรื่องราวของดิฉันนะคะ พิมพ์ผิดประการใดขออภัยด้วยคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
เราเคยมีความคิดเหมือนคุณเด๊ะเลยค่ะ ทะเลาะกับแฟนจนจะเลิกกัน เพราะไม่ได้ในสิ่งที่ฝัน

จนแฟนเราพูดขึ้นมาว่า "เค้าไม่เคยอยากจัดงานแต่งงาน แต่ที่เค้าแต่งกับเธอ เพราะเค้ารักเธอ

อยากอยู่กับเธอ เธอไม่ได้คิดเหมือนเค้าเหรอ เค้ามันแย่มากใช่มั้ยที่ทำให้แฟนไม่ได้" ตอนนั้นคือ

น้ำตาไหลค่ะ จากนั้นก็เลิกเพ้อฝัน เลิกไร้สาระ มามองที่แก่นจริงๆที่ว่า เราแต่งงานกันเพราะเรารักกัน

และอยากจะแก่ไปด้วยกัน งานแต่งไม่จำเป็นต้องเลิศเลออะไรเลย ถ้ามีแบบยิ่งใหญ่ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ทำเท่าที่มี

เพราะเราแต่งเพื่อมาอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แต่งเพื่อมาอวดใคร
ปล. ยินดีด้วยที่พบกับความสุขค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่