ข้อคิดเรื่องการปล่อยเงินกู้หรือร่วมเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจ

ผมเพิ่งได้รับอีเมลจากรุ่นน้องคนนึง เขียนมาขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ผมเคยให้ไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดทำให้เขาย้อนกลับไปอ่านอีเมลฉบับนั้นของผมอีกครั้ง แล้วขอบคุณซ้ำอีกหน ครั้งนี้คงซาบซึ้งมากขึ้นกระมัง วันเวลาผ่านไปความรู้ความเข้าใจในชีวิตก็มากขึ้น ตามประสบการณ์ที่ได้พบเจอ บางเรื่องอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะเข้าใจมันอย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนี้ผมเลยได้ย้อนอ่านอีเมลที่ตัวเองเคยเขียนอีกครั้งนึง แล้วคิดว่าตัวเองเขียนได้พอเข้าท่าอยู่บ้าง น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย จึงนำมาให้อ่านกัน แต่ทั้งหมดเป็นเพียงความเข้าใจจากมุมมองผ่านประสบการณ์ของตัวเอง อาจไม่ลึกซึ้งอะไรมากมาย ถ้าใครเห็นว่ามีประโยชน์ผมก็ยินดี ถ้าใครเห็นว่ายังขาดตกบกพร่อง หรือไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็โปรดอย่าใส่ใจ ถือว่าอ่านเล่นๆแล้วลืมมันไปได้เลย

เรื่องราวตามนี้ครับ

การเจรจาธุรกิจ คือการติดต่อกับคน จงตั้งใจสังเกตเพื่อมองให้ทะลุถึงจิตใจของคนอื่น ว่าเขาคิดอย่างไร การแสดงออกกับคำพูดไปในแนวเดียวกันหรือไม่ จงวิเคราะห์อุปนิสัยของคนอื่นจากการกระทำและคำพูดของเขา

แต่การวิเคราะห์ที่แม่นยำนั้นต้องมาจากใจที่เป็นกลาง ไม่ถูกอคติ 4 เข้าครอบงำ นั่นคือ ความโลภ , โกรธ , หลง(ความเข้าใจผิด) และกลัว
ที่สำคัญต้องวิเคราะห์ตัวเองด้วย คนเราจะวิเคราะห์ตัวเองได้ จะต้องรู้จักตัวเองให้ดีพอ ยอมรับข้อบกพร่องของตนเองได้

ขอเตือนจากมุมมองของคนนอกว่า จุดอ่อนหลักของเธอคือความโลภ ต้องระวังอย่าให้ความโลภครอบงำใจได้นาน พึงมีสติตามรู้ทันความโลภที่ครอบงำใจ จำไว้ว่าคนโลภจะตกเป็นเหยื่อของคนโลภ พูดง่ายๆว่าคนโลภมักจะมองความโลภของคนอื่นไม่ออก เพราะจะมองแต่มุมที่ตัวเองจะได้ผลประโยชน์เท่านั้น ดังนั้นคนโลภจึงกินกันเอง เบียดเบียนกันเอง และพ่ายแพ้กันเองในที่สุด

หลักการปล่อยเงินกู้ เรียงตามความสำคัญแต่ต้องมีให้ครบทั้ง 3 ข้อ ถึงจะปลอดภัย
1 ดูอุปนิสัยของลูกหนี้ ต้องซื่อสัตย์ไว้ใจได้ มีความรับผิดชอบ
2 ดูความสามารถของลูกหนี้ ว่าจะทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ หาเงินมาใช้หนี้ได้หรือไม่ ดูได้จากแผนธุรกิจ ต้องชัดเจน ตอบข้อสงสัยได้
3 ดูหลักประกัน เพราะทุกอย่างไม่แน่นอน ถ้ามีหลักประกันคุ้มหนี้ ยังไงก็ปลอดภัย แต่ต้องใจแข็งพอในกรณีที่จำเป็นต้องยึดหลักประกันเพื่อใช้หนี้

ส่วนหลักการร่วมทุนทำธุรกิจ ก็เหมือนกับหลักการปล่อยเงินกู้ ขาดแต่ข้อ 3 อาจไม่ต้องมีก็ได้ เพราะเปรียบเหมือนการลงเรือลำเดียวกัน แบกรับความเสี่ยงไปด้วยกัน ที่ยอมรับความเสี่ยงได้มากก็เพราะการร่วมทุนนั้นได้ผลตอบแทนที่มาก ตามผลประกอบการของธุรกิจ ไม่เหมือนการปล่อยกู้ที่ได้แค่ค่าดอกเบี้ยตายตัวตามที่ตกลงกันเท่านั้น

หวังว่าความรู้นี้จะเป็นประโยชน์กับเธอนะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่