คัดลอกมาจาก
https://www.facebook.com/EverythingIsTeacher?ref=profile
"คิดถึงวิทยา" หนังที่อยากแนะนำให้คนเป็นครู และคนในวงการศึกษาไปดู
แล้วกลับมา "คิด..........ถึงตัวเอง"
(ไม่น่าจะเรียกว่าสปอยล์นะครับ)
แอดมินเพิ่งได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาครับ โดยรวมแล้วถือว่าหนังถ่ายทอดออกมาได้ดี มีฉากฮา ๆ ซึ้ง ๆ ให้พอน้ำตาคลออยู่บ้าง (คนเป็นครู โดยเฉพาะครูที่เคยสอนอยู่บนดอย หรือที่ห่างไกลความเจริญจะอินมากเป็นพิเศษ)
มีประเด็นที่เก็บตกมาฝาก เกี่ยวกับคนเป็นครูอย่างพวกเรา เป็นประเด็นที่สังคมพูดถึงมาเกือบจะตลอด ดังนี้
1. คนไม่เก่งไปเป็นครู
ในเรื่องพระเอกไม่ใช่ครูที่เก่งครับ แต่มีความตั้งใจที่จะสอนนักเรียนให้เก่งให้ได้ เขาไม่ได้ปล่อยให้เด็กโง่ แต่พยายามศึกษาเรื่องที่ตนเองไม่แม่น เพื่อจะนำไปสอนนักเรียนต่อ ทั้งยังหาวิธีการต่าง ๆ มาสอนเด็กของเขาให้ได้เรียนรู้จริง
2. วิธีการสอนของครู
นางเอก เป็นครูที่เก่งมาก มีวิธีการสอนที่หลากหลาย ให้เด็กเข้าใจเรื่องยาก ๆ ให้เป็นเรื่องง่าย (ซึ่งพระเอกเอาไปใช้เป็นต้นแบบ) แต่สิ่งที่ทำร้ายครูแบบนี้คือ "ระบบ" และ "สังคม" ที่ยังติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ และคิดว่าการสอนแบบให้เด็กลงมือจริง เป็นสิ่งที่เสียเวลา สอนแบบเดิมเด็กก็ได้คะแนนดีเหมือนกัน (ซึ่งปัจจุบัน แอดมินคิดว่า คำว่า "ได้คะแนนดี" กับ "ได้เรียนรู้" มันคนละความหมายกันโดยสิ้นเชิง)
3. คุณค่าของครู สะท้อนจากศิษย์
ประเด็นนี้ถ้าดูในหนังจะจี๊ดมาก คือเราจะเห็นครูพระเอกทำทุกอย่างเลยครับ ต้องพักอยู่บนแพกับเด็ก ทำกับข้าว ซ่อมหลังคา ดูแลเด็กเหมือนลูก ตามนักเรียนให้กลับมาเรียนหนังสือ ฯลฯ
แต่เมื่อผลสอบออกมานักเรียนได้คะแนนไม่ดี คุณค่าของครูคนนี้ ตกอยู่ภายใต้คะแนนนั้นเลย และทุกวันนี้มันแทบจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือวัดคุณค่ากันที่คะแนนเท่านั้น (จริงอยู่ที่ว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นเป้าหมายสำคัญ แต่ถ้าเราวัดคุณค่าด้วยวิธีการนี้หมด ผลที่ตามมามันก็จะเป็นอย่างที่เราเห็น คือเน้นแต่ด้านวิชาการอย่างเดียว)
4. ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือ
อันนี้จี๊ดกว่า.....
ถามคนเป็นครูละกันว่า เมื่อก่อนเราได้ยินคำนี้ เราจะตีความออกมาว่าอย่างไร .....คนเป็นครูต้องสอนทักษะชีวิต คุณธรรม การปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม นอกเหนือจากการสอนวิชาความรู้ใช่มั้ยครับ
ปัจจุบันล่ะครับ ถ้าบอกว่าไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือแล้ว....หน้าที่อื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นคืออะไรครับ ...
(ยิ่งพูดยิ่งช้ำใจเนอะ)
ประเด็นส่วนตัวคือ แอดมินได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วได้ "ไฟในการสอน" กลับมาเยอะเลยครับ ถึงแม้ว่าจำนวนนักเรียนในเรื่องกับจำนวนนักเรียนในชีวิตจริงจะต่างกันมาก แต่รู้สึกว่า "เรายังเป็นครูที่ดีได้มากกว่านี้"
ฉากที่ประทับใจมาก ๆ คือฉากที่นักเรียนทำข้อสอบไม่ได้ แล้วครูโทษตัวเองว่า "ครูห่วยเอง" เป็นคำพูดที่ทำให้เราได้ทบทวนตัวเองมากที่สุดครับ แม้จะเป็นเรื่องยากในสมัยนี้ และบางครั้งก็รู้สึกขัดใจ เวลาใครมาโทษครูว่าเป็นต้นเหตุของการทำให้เด็กไทยคะแนนตก ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่กระนั้นเราก็ต้องย้อนดูตัวเราเช่นกันไม่ใช่หรือครับ ?
ในแวดวงของครูด้วยกัน เราเห็นตรงกันนะครับ ว่ามันควรแก้ทั้งระบบ
แต่ถ้าจะรอให้ระบบห่วย ๆ ของการศึกษาไทยมันแก้ได้เนี่ย ประเทศ
ก่อนแน่ ๆ ครับ ดังนั้นอะไรที่มันเริ่มที่ตัวเราได้ก็เริ่มก่อนครับดีกว่าครับ
สุดท้าย ขอยืนยันว่าจะยังบ่น และด่าระบบเหมือนเดิม (ฮาาาา)
แต่จะไม่ท้อ ที่จะเป็นครูภายใต้ระบบโง่ ๆ นี้ครับ
ฮึ่ยยย !!!
"คิดถึงวิทยา" หนังที่อยากแนะนำให้คนเป็นครู และคนในวงการศึกษาไปดู แล้วกลับมา "คิด..........ถึงตัวเอง"
"คิดถึงวิทยา" หนังที่อยากแนะนำให้คนเป็นครู และคนในวงการศึกษาไปดู
แล้วกลับมา "คิด..........ถึงตัวเอง"
(ไม่น่าจะเรียกว่าสปอยล์นะครับ)
แอดมินเพิ่งได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาครับ โดยรวมแล้วถือว่าหนังถ่ายทอดออกมาได้ดี มีฉากฮา ๆ ซึ้ง ๆ ให้พอน้ำตาคลออยู่บ้าง (คนเป็นครู โดยเฉพาะครูที่เคยสอนอยู่บนดอย หรือที่ห่างไกลความเจริญจะอินมากเป็นพิเศษ)
มีประเด็นที่เก็บตกมาฝาก เกี่ยวกับคนเป็นครูอย่างพวกเรา เป็นประเด็นที่สังคมพูดถึงมาเกือบจะตลอด ดังนี้
1. คนไม่เก่งไปเป็นครู
ในเรื่องพระเอกไม่ใช่ครูที่เก่งครับ แต่มีความตั้งใจที่จะสอนนักเรียนให้เก่งให้ได้ เขาไม่ได้ปล่อยให้เด็กโง่ แต่พยายามศึกษาเรื่องที่ตนเองไม่แม่น เพื่อจะนำไปสอนนักเรียนต่อ ทั้งยังหาวิธีการต่าง ๆ มาสอนเด็กของเขาให้ได้เรียนรู้จริง
2. วิธีการสอนของครู
นางเอก เป็นครูที่เก่งมาก มีวิธีการสอนที่หลากหลาย ให้เด็กเข้าใจเรื่องยาก ๆ ให้เป็นเรื่องง่าย (ซึ่งพระเอกเอาไปใช้เป็นต้นแบบ) แต่สิ่งที่ทำร้ายครูแบบนี้คือ "ระบบ" และ "สังคม" ที่ยังติดอยู่กับกรอบเดิม ๆ และคิดว่าการสอนแบบให้เด็กลงมือจริง เป็นสิ่งที่เสียเวลา สอนแบบเดิมเด็กก็ได้คะแนนดีเหมือนกัน (ซึ่งปัจจุบัน แอดมินคิดว่า คำว่า "ได้คะแนนดี" กับ "ได้เรียนรู้" มันคนละความหมายกันโดยสิ้นเชิง)
3. คุณค่าของครู สะท้อนจากศิษย์
ประเด็นนี้ถ้าดูในหนังจะจี๊ดมาก คือเราจะเห็นครูพระเอกทำทุกอย่างเลยครับ ต้องพักอยู่บนแพกับเด็ก ทำกับข้าว ซ่อมหลังคา ดูแลเด็กเหมือนลูก ตามนักเรียนให้กลับมาเรียนหนังสือ ฯลฯ
แต่เมื่อผลสอบออกมานักเรียนได้คะแนนไม่ดี คุณค่าของครูคนนี้ ตกอยู่ภายใต้คะแนนนั้นเลย และทุกวันนี้มันแทบจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือวัดคุณค่ากันที่คะแนนเท่านั้น (จริงอยู่ที่ว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นเป้าหมายสำคัญ แต่ถ้าเราวัดคุณค่าด้วยวิธีการนี้หมด ผลที่ตามมามันก็จะเป็นอย่างที่เราเห็น คือเน้นแต่ด้านวิชาการอย่างเดียว)
4. ครูไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือ
อันนี้จี๊ดกว่า.....
ถามคนเป็นครูละกันว่า เมื่อก่อนเราได้ยินคำนี้ เราจะตีความออกมาว่าอย่างไร .....คนเป็นครูต้องสอนทักษะชีวิต คุณธรรม การปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม นอกเหนือจากการสอนวิชาความรู้ใช่มั้ยครับ
ปัจจุบันล่ะครับ ถ้าบอกว่าไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือแล้ว....หน้าที่อื่น ๆ นอกเหนือจากนั้นคืออะไรครับ ...
(ยิ่งพูดยิ่งช้ำใจเนอะ)
ประเด็นส่วนตัวคือ แอดมินได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วได้ "ไฟในการสอน" กลับมาเยอะเลยครับ ถึงแม้ว่าจำนวนนักเรียนในเรื่องกับจำนวนนักเรียนในชีวิตจริงจะต่างกันมาก แต่รู้สึกว่า "เรายังเป็นครูที่ดีได้มากกว่านี้"
ฉากที่ประทับใจมาก ๆ คือฉากที่นักเรียนทำข้อสอบไม่ได้ แล้วครูโทษตัวเองว่า "ครูห่วยเอง" เป็นคำพูดที่ทำให้เราได้ทบทวนตัวเองมากที่สุดครับ แม้จะเป็นเรื่องยากในสมัยนี้ และบางครั้งก็รู้สึกขัดใจ เวลาใครมาโทษครูว่าเป็นต้นเหตุของการทำให้เด็กไทยคะแนนตก ทั้ง ๆ ที่เราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่กระนั้นเราก็ต้องย้อนดูตัวเราเช่นกันไม่ใช่หรือครับ ?
ในแวดวงของครูด้วยกัน เราเห็นตรงกันนะครับ ว่ามันควรแก้ทั้งระบบ
แต่ถ้าจะรอให้ระบบห่วย ๆ ของการศึกษาไทยมันแก้ได้เนี่ย ประเทศก่อนแน่ ๆ ครับ ดังนั้นอะไรที่มันเริ่มที่ตัวเราได้ก็เริ่มก่อนครับดีกว่าครับ
สุดท้าย ขอยืนยันว่าจะยังบ่น และด่าระบบเหมือนเดิม (ฮาาาา)
แต่จะไม่ท้อ ที่จะเป็นครูภายใต้ระบบโง่ ๆ นี้ครับ
ฮึ่ยยย !!!