หากใครได้มีโอกาสไปเยือน Napa Valley แหล่งผลิตไวน์สำคัญของประเทศอเมริกา คงไม่พลาดที่จะไปชิมอาหารของเชฟคนดัง Thomas Keller ที่ถือได้ว่าเป็นเชฟที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของอเมริกาเลยค่ะ
เชฟ Keller มีร้านอาหารหลายแห่งในอเมริกา ใน chain เดียวกันก็จะมีตั้งแต่ร้านระดับหรูหรา เช่น The French Laundry (Yountville, California) กับ Per Se (New York) แล้วก็มี Ad Hoc กับ Bouchon ที่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อย สองร้านหลังนี้มีหลายสาขาในอเมริกา ส่วนตัวเจ้าของกระทู้นั้นเป็นปลื้มกับเชฟคนนี้มาก เพราะทึ่งในความสามารถทั้งด้านการทำอาหารและเทคนิคการทำตลาด ใฝ่ฝันไว้ว่าวันหนึ่งคงจะมีโอกาสได้สัมผัสตัวจริง และขอสัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับความสำเร็จมาทำวิทยานิพนธ์ก่อนเรียนจบจากอเมริกา
เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเจ้าของกระทู้มีโอกาสไปเที่ยวซานฟรานซิสโกค่ะ จริงๆเป้าหมายของการไปครั้งนี้ก็อยากไปทานอาหารที่ The French Laundry สักครั้ง แต่ด้วยความที่ร้านอาหารนี้ต้องจองล่วงหน้าก่อน 2 เดือน เจ้าของกระทู้เดินทางกะทันหัน แต่ก็โทรไปล่วงหน้า 1 เดือนแล้วนะคะ แต่ก็ปรากฎว่าเต็มแล้ว ลองหาข้อมูลในเน็ตดู ก็มีฝรั่งบ่นกันเยอะมากว่าโทรไปจองล่วงหน้า 2-3 เดือนก็ยังไม่ได้ทานได้แต่ถ่ายรูปหน้าร้านมาแบบเจ้าของกระทู้นี่ล่ะค่ะ
ร้านภายนอกดูธรรมดามากๆค่ะ แต่ตึกที่เห็นนี้เป็นตึกโบราณที่เค้าอนุรักษ์ไว้ ถือว่าแม้จะเก่าแต่มีเรื่องราว ร้านนี้จะอยู่ในเมือง Youthville ขับรถจาก Napa Valley ประมาณ 10 นาที ซึ่งที่ Yountville จะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายของอยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเลย (แต่เล็กกว่าสยามสแควร์บ้านเราเยอะ)
ฝั่งตรงข้ามร้าน เดินข้ามถนนมาจะมีสวนผักออแกร์นิคส์ของทางร้าน ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหารของร้านอาหารในเครือของ Keller ทุกร้านรวมไปถึง Per Se ที่นิวยอร์คด้วยค่ะ เดาว่าคงจะส่งขึ้นเครื่องไปเลย เพราะเคยเห็นเค้าโฆษณาใน FB ของร้าน นอกจากปลูกผักแล้วก็มีผึ้งที่เลี้ยงเองเพื่อเอาน้ำผึ้งไปทำอาหารด้วยค่ะ
จากจุดนี้ขับรถไปอีกประมาณ 1 กม. ก็จะถึงร้าน Bouchon Bistro ที่เจ้าของกระทู้จะมารีวิวให้ชมค่ะ ที่ Bouchon นี้จะมีส่วนที่เป็นร้านอาหารและเบเกอรี่ อยู่ติดกัน เป็นร้านแบบ casual, all-day dining ค่ะ ราคาอาหารไม่แพงมากถ้าไม่สั่งไวน์นะคะ
อันนี้ในส่วนของเบเกอรี่ ไม่มีโต๊ะให้นั่งค่ะ
มาลองดูบรรยากาศในร้าน Bouchon กันบ้างนะคะ
เจ้าของกระทู้ไปถึงตอนประมาณบ่ายโมง ก็เลยสั่งอาหารมา 3 คอร์สค่ะ จานแรกเป็น Escargots อบด้วยเนยกระเทียมและพาสลีย์ แต่ที่พิเศษคือด้านบนเป็นพายกรอบ อร่อยมากๆเลยค่ะ หอยทากตัวใหญ่และไม่มีกลิ่นดินเลย ร้านอาหารในอเมริกาส่วนใหญ่ใช้หอยกระป๋องนำเข้าจากฝรั่งเศสรสชาติเลยไม่ค่อยดี แต่ที่ Bouchon ทำได้อร่อยมากค่ะ
จากต่อมาจริงๆในเมนูเป็น appetizer เหมือนจานแรก แต่เจ้าของกระทู้กลัวสั่ง entrée มาแล้วทานไม่หมดเลยสั่งอันนี้มาค่ะ Confit de Canard เป็นเป็ดอบกรอบ ราดด้วยซอสผสมถั่วเขียว Lentils ตัวเป็ดกรอบดีค่ะ แต่รสชาติซอสออกเค็มไปนิดนึงแถมเชฟคงพลั้งมือโรยเกลือมาซะเยอะเลย ต้องทานคู่กับขนมปังค่ะ
จานสุดท้ายเป็นของหวานค่ะ Tarte au Chocolat เป็นช็อคโกแลตกานาช ท็อปด้วยครีมส้ม อร่อยดีค่ะ
โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นร้านที่น่าไปเยือนสักครั้ง ให้คะแนน 8.5/10 สำหรับรสชาติ บริการ สถานที่และราคา (หักคะแนนเป็ดเค็มไปนิดนึง)
ถ้าถูกใจก็กดโหวตให้บ้างนะคะ เจ้าของกระทู้จะได้มีกำลังใจมารีวิวต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้นะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันนี้ค่ะ
[CR] มินิรีวิว Bouchon @Youthville, California ร้านของเชฟมิชลินคนดัง Thomas Keller
เชฟ Keller มีร้านอาหารหลายแห่งในอเมริกา ใน chain เดียวกันก็จะมีตั้งแต่ร้านระดับหรูหรา เช่น The French Laundry (Yountville, California) กับ Per Se (New York) แล้วก็มี Ad Hoc กับ Bouchon ที่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อย สองร้านหลังนี้มีหลายสาขาในอเมริกา ส่วนตัวเจ้าของกระทู้นั้นเป็นปลื้มกับเชฟคนนี้มาก เพราะทึ่งในความสามารถทั้งด้านการทำอาหารและเทคนิคการทำตลาด ใฝ่ฝันไว้ว่าวันหนึ่งคงจะมีโอกาสได้สัมผัสตัวจริง และขอสัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับความสำเร็จมาทำวิทยานิพนธ์ก่อนเรียนจบจากอเมริกา
เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนเจ้าของกระทู้มีโอกาสไปเที่ยวซานฟรานซิสโกค่ะ จริงๆเป้าหมายของการไปครั้งนี้ก็อยากไปทานอาหารที่ The French Laundry สักครั้ง แต่ด้วยความที่ร้านอาหารนี้ต้องจองล่วงหน้าก่อน 2 เดือน เจ้าของกระทู้เดินทางกะทันหัน แต่ก็โทรไปล่วงหน้า 1 เดือนแล้วนะคะ แต่ก็ปรากฎว่าเต็มแล้ว ลองหาข้อมูลในเน็ตดู ก็มีฝรั่งบ่นกันเยอะมากว่าโทรไปจองล่วงหน้า 2-3 เดือนก็ยังไม่ได้ทานได้แต่ถ่ายรูปหน้าร้านมาแบบเจ้าของกระทู้นี่ล่ะค่ะ
ร้านภายนอกดูธรรมดามากๆค่ะ แต่ตึกที่เห็นนี้เป็นตึกโบราณที่เค้าอนุรักษ์ไว้ ถือว่าแม้จะเก่าแต่มีเรื่องราว ร้านนี้จะอยู่ในเมือง Youthville ขับรถจาก Napa Valley ประมาณ 10 นาที ซึ่งที่ Yountville จะเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีร้านอาหาร โรงแรม ร้านขายของอยู่ในบริเวณเดียวกันหมดเลย (แต่เล็กกว่าสยามสแควร์บ้านเราเยอะ)
ฝั่งตรงข้ามร้าน เดินข้ามถนนมาจะมีสวนผักออแกร์นิคส์ของทางร้าน ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหารของร้านอาหารในเครือของ Keller ทุกร้านรวมไปถึง Per Se ที่นิวยอร์คด้วยค่ะ เดาว่าคงจะส่งขึ้นเครื่องไปเลย เพราะเคยเห็นเค้าโฆษณาใน FB ของร้าน นอกจากปลูกผักแล้วก็มีผึ้งที่เลี้ยงเองเพื่อเอาน้ำผึ้งไปทำอาหารด้วยค่ะ
จากจุดนี้ขับรถไปอีกประมาณ 1 กม. ก็จะถึงร้าน Bouchon Bistro ที่เจ้าของกระทู้จะมารีวิวให้ชมค่ะ ที่ Bouchon นี้จะมีส่วนที่เป็นร้านอาหารและเบเกอรี่ อยู่ติดกัน เป็นร้านแบบ casual, all-day dining ค่ะ ราคาอาหารไม่แพงมากถ้าไม่สั่งไวน์นะคะ
อันนี้ในส่วนของเบเกอรี่ ไม่มีโต๊ะให้นั่งค่ะ
มาลองดูบรรยากาศในร้าน Bouchon กันบ้างนะคะ
เจ้าของกระทู้ไปถึงตอนประมาณบ่ายโมง ก็เลยสั่งอาหารมา 3 คอร์สค่ะ จานแรกเป็น Escargots อบด้วยเนยกระเทียมและพาสลีย์ แต่ที่พิเศษคือด้านบนเป็นพายกรอบ อร่อยมากๆเลยค่ะ หอยทากตัวใหญ่และไม่มีกลิ่นดินเลย ร้านอาหารในอเมริกาส่วนใหญ่ใช้หอยกระป๋องนำเข้าจากฝรั่งเศสรสชาติเลยไม่ค่อยดี แต่ที่ Bouchon ทำได้อร่อยมากค่ะ
จากต่อมาจริงๆในเมนูเป็น appetizer เหมือนจานแรก แต่เจ้าของกระทู้กลัวสั่ง entrée มาแล้วทานไม่หมดเลยสั่งอันนี้มาค่ะ Confit de Canard เป็นเป็ดอบกรอบ ราดด้วยซอสผสมถั่วเขียว Lentils ตัวเป็ดกรอบดีค่ะ แต่รสชาติซอสออกเค็มไปนิดนึงแถมเชฟคงพลั้งมือโรยเกลือมาซะเยอะเลย ต้องทานคู่กับขนมปังค่ะ
จานสุดท้ายเป็นของหวานค่ะ Tarte au Chocolat เป็นช็อคโกแลตกานาช ท็อปด้วยครีมส้ม อร่อยดีค่ะ
โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นร้านที่น่าไปเยือนสักครั้ง ให้คะแนน 8.5/10 สำหรับรสชาติ บริการ สถานที่และราคา (หักคะแนนเป็ดเค็มไปนิดนึง)
ถ้าถูกใจก็กดโหวตให้บ้างนะคะ เจ้าของกระทู้จะได้มีกำลังใจมารีวิวต่อไปค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมกระทู้นะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันนี้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น