" รูปภาพเพื่อประกอบการโฆษณาเท่านั้น " คาถาวิเศษที่ร้านอาหารใช้คุ้มครองตัวเองในการเอาเปรียบผู้บริโภค ???????

พักนี้เจอเรื่องแบบนี้บ่อยจัง รูปถ่ายในเมนูหน้าตาน่ากิน องค์ประกอบเยอะแยะดูอลังการล้นจาน พอหลงกลสั่งไป ของจริงออกมาหน้าตาคนละเรื่อง มีของในจานไม่ครบตามรูป บางร้านก็มีครบ แต่มีน้อยนิด หรือขนาดเล็กจิ๋วเหมือนของไหว้เจ้า เมื่อทักถามท้วงติง ก็จะได้คำตอบกลับมาว่า

" อ๋อ คือว่ารูปแค่เอาไว้ประกอบโฆษณาน่ะค่ะ "

สดๆร้อนๆ เมื่อตอนเย็น เดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในห้างดัง ดูเมนูเห็นทูน่าทาทากิหน้าตาน่ากิน มีเครื่องเคียงเยอะเช่น สาหร่ายวากาเมะพร้อมใบโอบะมาให้แกล้มด้วย ประมาณว่าเหมือนกินเมี่ยงห่อ เราก็เลยสั่งมากินดู ปรากฏว่าพออาหารของจริงมาวาง หน้าตามันดูโล้นๆ โหรงเหรงจัง ตามรูปเราเปิดเมนูเทียบกันเลย ( ขอโทษค่ะ รูปตะแคง ตั้งขึ้นยังไงง่ะทำไม่เป็น )

พิจารณาดูความแตกต่าง คือไม่มีใบโอบะ ไม่มีสาหร่ายวากาเมะ ไม่มีกองเส้นแครอทฝอย
ซึ่งเครื่องเคียงพวกนี้ก็สำคัญ ช่วยเสริมกลิ่นรสและเนื้อสัมผัสให้กับทูน่า ขาดไปก็คือจานนี้ไม่ครบรส
แถมยังไม่มีการประดับตกแต่ง ดูแล้วไม่สวยงาม เหมือนไม่ใช่อาหารญี่ปุ่น ซึ่งอันนี้ผิดหลักการของเค้านะเราว่า
เชิญน้องพนักงานมาถามดู น้องบอกว่าใบโอบะหมดค่ะ พอถามถึงสาหร่าย น้องทำหน้างงๆ บอกว่าจานนี้ไม่มีสาหร่ายนี่คะ
เลยเปิดเมนูชี้สาหร่ายในรูปให้น้องดู บอกว่าถามให้หน่อยเผื่อว่าเชฟเค้าจะลืมใส่มา
น้องกลับไปถามเชฟที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ซูชิ เชฟทำหน้ายุ่ง แล้วพูดเสียงดัง "ไปเอาเมนูมาดูซิ"
น้องเดินไปยังไม่ทันถึงโต๊ะวางเมนู คุณเชฟสองคนก็ใจร้อนรีบเดินตามน้องออกมา
ไปยืนรุมกันกลางร้านเปิดหารูปในเมนู ถกเถียงหน้ายุ่งกันพักนึง
เชฟเดินกลับเคาน์เตอร์ น้องเดินหน้าเครียดกลับมาหาเรา บอกว่า
" เชฟบอกว่าจริงๆแล้ว จานนี้จะไม่มีสาหรายค่ะ "
" อ้าว แต่ในรูปมันมีนะน้อง"
" มันเป็นรูปใช้ประกอบโฆษณาน่ะค่ะ จะไม่เหมือนกับของจริง "
" อ้าว อย่างนี้แปลว่าลูกค้าสั่งอาหารตามรูปในเมนู แล้วทางร้านทำอะไรมาเสริฟยังไงก็ได้งั้นเหรอคะ แบบนี้เหมือนเอาเปรียบผู้บริโภคนะคะ"
" แหะแหะ งั้นคุณพี่จะเอามั้ยคะ เดี๋ยวจะเพิ่มสาหร่ายให้ หรือเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมั้ยล่ะคะ เดี๋ยวเชฟจะทำให้ รึว่าจะยกเลิกเลยก็ได้นะคะ"
ตกลงว่าจานนี้เราขอยกเลิก เนื่องจากไม่มีใบโอบะ กินไปก็ไม่อร่อย เหมือนกินเมี่ยงคำไม่มีใบชะพลู

เหลืออาหารอีกสองอย่างบนโต๊ะ กินกันแบบเซ็งๆกับทัศนคติของร้านนี้
กินไปกินมาคุณสามีนึกขึ้นมาได้ เอ้ย ร้านนี้เราเคยบอกว่าจะไม่เข้าอีกแล้วมาทีนึงแล้วนี่นา
นานจนลืมไปแล้ว นั่งนึกกันว่าเพราะอะไรน้า นึกออกละ สั่งข้าวหน้าปลาไหลกับอโวคาโด้ แล้วไม่ใส่อโวคาโด้มาให้
พอทวงถามก็บอกว่าอโวคาโด้หมด เราเลยไม่เอา จะขอยกเลิก
เชฟเดินออกมาหน้าเครียด บอกว่ายกเลิกไม่ได้ จานนี้แพง ตั้ง 600 เค้ารับผิดชอบไม่ไหว
แล้วเค้าก็ใส่ปลาไหลเพิ่มให้เป็นการชดเชยแล้วไง เราก็เหวอ อะไรว้า ความผิดของใครเนี่ย
ของอะไรไม่มีก็ต้องมาแจ้งลูกค้า ถามซักคำก่อนดีมั้ยว่าจะรับไม่รับ ไม่ใช่ทำไปแล้วยกมาเสริฟแบบยัดเยียดอย่างนี้
ปลาไหลที่ใส่เพิ่มมา มันแทนอโวคาโด้ได้ซะที่ไหน กลายเป็นข้าวโปะหน้าปลาไหลธรรมดา รสชาติมันไม่ใช่อ่ะ
ราคาตั้ง 600 ไปกินข้าวหน้าปลาไหลยาโยอิถูกกว่าสามเท่า
สรุปว่าวันนั้นทำใจ หยวนๆ เอาตะก้วงใส่มาแทนให้หน่อยละกัน พอได้ตัดเลี่ยน ตาเชฟก็สะบัดๆใส่กลับไป
เวลาผ่านไปนานจนลืม เผลอเดินเข้าร้านนี้อีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอเรื่องแบบเดิมจนได้ เชฟคนเดิมด้วย

พอระลึกชาติได้ก็เลยเกิดความเซ็ง ไม่น่าขี้ลืมเล้ยตรู เช็คบิลไปหาอย่างอื่นกินต่อดีกว่า
น้องอีกคน เดินเอาเงินทอนมาให้ เรามองเห็นป้ายที่หน้าอกว่า manager ก็เลยสอบถามด้วยความสงสัย
" คุณน้องขา ที่อาหารในรูปกับของจริงไม่เหมือนกันนี่เกิดจากอะไรคะ "
" เอ่อ คือว่าใบโอบะต้องส่งของมาจากกรุงเทพ มันชํ้าง่าย ผู้ใหญ่เลยบอกว่าไม่ต้องใส่อ่ะค่ะ"

อันนี้หมายความว่า เป็นนโยบาย CUT COST จากเบื้องบนงั้นเหรอคะ

อะไรที่คิดเอาเองว่าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องใส่ ง่ายๆอย่างนั้นเลยเหรอ
ร้านอาหารสามารถทำยังไงกับอาหารที่จะขายก็ได้ สบายแฮ
ลูกค้าทำอะไรคุณไม่ได้ เพราะคุณมีคาถาวิเศษป้องกันตัว

"รูปภาพใช้เพื่อประกอบโฆษณาเท่านั้น " คุ้มครองอยู่สินะ

** ขอแท็กห้องกฏหมาย เพราะอยากถามนักกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค ว่าลูกค้าทำยังไงได้บ้างกับกรณีอย่างนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่