ขอออกตัวก่อนว่าน่าจะทำให้ผู้อ่านที่คาดหวังจะได้อ่านเรื่องสั้นกำลังภายในที่ผมเคยโพสแจ้งเอาไว้ในกระทู้ของอาจารย์จีผิดหวังได้
กรุณาเผื่อใจไว้ด้วยครับ
หลงเฉิน สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เขารีบสงบจิตใจลง ความจริงแล้วผู้ช่วยมือปราบเช่นตัวเขาย่อมไม่สมควรนอนหลับในขณะที่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขากำลังซุ่มซ่อนรอคอยจอมโจรนางแอ่นที่หมายตาสมบัติในขบวนสินค้าที่ว่าจ้างขนส่งโดยท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ไม่ยินยอมให้มีสิ่งใดสูญหายไปอย่างเด็ดขาด
ภายในรถขนสินค้านั้นมืดทึบ แต่ตำแหน่งที่เขาซุ่มซ่อนตัวอยู่ได้จัดทำช่องลับเพื่อให้สามารถลอบมองออกไปภายนอก และให้อากาศถ่ายเทได้ และเขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศที่คับแคบราวกับอยู่ในหีบศพนี้อย่างประหลาด ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเขาเมื่อนานมาแล้ว ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
“หยุดรถได้” เสียงตวาดสั่งดังกังวานแสดงให้เห็นถึงพลังการฝึกปรือที่ไม่ธรรมดาของผู้ที่ ออกหน้า คุมขบวนสินค้าในครั้งนี้ สำนักคุ้มกันภัยม้าทอง และรองหัวหน้าผู้มีสมญา ม้าบินเกือกทอง ย่อมมิใช่การยกย่องที่ได้มาอย่างเลื่อนลอยในดินแดนป่าเถื่อนแถบนี้
“รีบตั้งค่ายล้อมขบวนรถตามตำแหน่ง เราจะพักผ่อนกันในที่นี้ นอนหลับเอาแรงไว้ให้มาก การเดินทางพรุ่งนี้เป็นเส้นทางที่หวาดเสียวอันตราย หากเราเป็นจอมโจรนางแอ่นบัดซบนั่น จึงนับเป็นจุดที่เหมาะกับการลงมือมากที่สุดแล้ว”
ม้าบินส่งเสียงดังลั่นคล้ายกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยิน หลงเฉินพลันลอบหัวร่อขึ้นในใจ ‘หากเป็นเช่นนั้นจริง จอมโจรนางแอ่นย่อมไม่ลงมือในสถานที่นั้นแน่’ เพราะหากนางแอ่นเป็นโจรต่ำต้อยถึงเพียงนั้น คงถูกจับกุมตัวไปเนิ่นนานแล้ว
ทันใดนั้น หลงเฉินพลันเห็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว มีวัตถุบางอย่างถูกซัดขว้างผ่านเข้ามาทางช่องเปิดเล็กๆ อย่างแม่นยำ โชคดีที่เขาไม่ได้หลับ โชคดีที่เขายังมืมืออันว่องไวอีกคู่หนึ่ง มือที่ใช้ถือกระบี่ กระบี่ที่รวดเร็วเหนือใคร
หลงเฉินไม่ทันเห็นว่าเป็นเงาร่างของผู้ใด แต่ก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของม้าบินผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บนห่อข้าวเหนียวกับเนื้อเค็มที่อยู่ในมือ ยังมีตัวอักษรเขียนไว้ด้วยว่า ‘คืนนี้’ ซึ่งเขาเข้าใจความหมายได้โดยพลัน ที่จริงแล้วม้าบินเองก็คาดว่านางแอ่นจะต้องลงมือในค่ำคืนนี้เช่นเดียวกับเขา
หลงเฉินขบเคี้ยวอาหารเพียงเล็กน้อย ก่อนจิบน้ำดื่มที่เตรียมไว้อีกอึกหนึ่ง การซ่อนตัวแบบนี้มีข้อจำกัดที่แสนทรมานประการหนึ่งสำหรับเขา แต่เขาก็ยินยอมอดทนอย่างสุดกำลัง เพราะหากแม้นสร้างผลงานในครั้งนี้สำเร็จ เขาก็อาจได้รับตำแหน่งมือปราบสมใจเสียที
วิกาลดึกสงัด ลมราตรีพัดเฉื่อยฉิว เสียงที่เคยวุ่นวายในกองคาราวานถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งราตรี สลับกับเสียงกรนที่ดังสอดแทรกเป็นครั้งคราว หลงเฉินรีบกลั้นลมหายใจเมื่อได้กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ป่าโชยมาจางๆ เพราะเขารู้ว่าในดินแดนแถบนี้มีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีนามว่า หอมนิทรา ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายนิยมนำมาต้มดื่มในยามที่ชีวิตนั้นยากลำบากจนเกินไป ปวดร้าวจนเกินกว่าจะข่มตาให้นอนหลับลงได้
นิทราเจ้าหลับไหล หรือที่แท้ทุกสิ่งเป็นเพียงภาพฝัน
เสียงลม ที่ไม่ใช่เสียงลมโชยพัดดังขึ้น หลงเฉินจึงคาดว่าจอมโจรนางแอ่นคงเปิดเผยตัวออกมาแล้ว
“เป็นถึงจอมโจรแต่กลับใช้วิธีที่ต่ำช้ายิ่งนัก” เสียงของม้าบินไม่ได้ดังลั่นเหมือนเช่นเดิม ในยามที่มันพูดจาโผงผางคล้ายเป็นคนมุทะลุดุดัน แต่ในยามนี้กลับฟังดูเยือกเย็นจนผิดคาดหมาย
“...ม้าบินเกือกทอง นับว่าไม่ธรรมดา” หลงเฉินคาดว่านี่คงเป็นเสียงของนางแอ่น และเขาต้องระงับความตื่นเต้นเอาไว้ เพราะนั่นเป็นเสียงของสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ‘ที่แท้คำร่ำลือก็เป็นความจริง ผู้คนกล่าวขานกันว่าจอมโจรนางแอ่นนั้นที่แท้แล้วเป็นสตรี อีกทั้งยังเป็นสตรีอันแสนงดงาม ผู้คนที่ถูกนางปล้น บางคนยังถูกปล้นเอาดวงใจไปด้วย
หลงเฉินรีบสงบจิตใจลง เขาใช่สมควรเคลื่อนไหวแล้วหรือไม่ แต่ในเวลาเช่นนี้เขากลับลังเลไม่อาจตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไป นางแอ่นลงมือเพียงลำพัง หรือยังมีพวกพ้องแอบซุ่มซ่อนตัวอยู่ น่าเสียดายที่ตำแหน่งของช่องลับนั้นอยู่คนละด้าน จึงทำให้เขาไม่อาจมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงอยู่
ผู้คนทั่วไปมักจินตนาการว่าการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือนั้นจะเพริดแพร้วพิสดารชวนติดตามเหมือนกับที่นักขับลำนำเล่านิยายในตลาดนำมาร้องเล่าเพื่อแลกเงินหาเลี้ยงชีพ แต่ส่วนใหญ่แล้วความเพริดแพร้วทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจากจินตนาการอันยอดเยี่ยมของตัวนักเล่าเกือบทั้งสิ้น เพื่อให้เรื่องราวสนุกสมใจผู้รับฟัง เผื่อจะได้รับกำนัลเงินทองแถมเป็นพิเศษ มิใช่เกิดจากยอดฝีมือที่ต้องใช้ชีวิตของตนเป็นเดิมพันเหล่านั้น การต่อสู้ที่แท้จริงมักกระชั้นสั้น ตัดสินสูงต่ำแพ้ชนะกันในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
เสียงลมโชยพัด นางแอ่นโบยบิน เสียงฝีเท้าลึกล้ำ ม้าบินควบผยอง
หลงเฉินถึงกับมองเห็นภาพของรองเท้าสีทองอันอวดโอ่ของม้าบินผู้นั้น แต่เพียงฟังจากช่วงก้าว และจังหวะ เขาก็เข้าใจในทันทีว่าม้าบินไม่ได้อวดโอ่เลยแม้แต่น้อย ท่าเท้าเกือกทอง นับว่ารุนแรงไม่รวบรัดธรรมดา
แต่ดูเหมือนครั้งนี้ม้าบินจะพบเจอกับคู่ปรับที่เหนือกว่าเข้าเสียแล้ว ม้าที่แม้นมีปีกก็ยังไม่อาจเหินบินได้ดั่งวิหค เสียงโจมตีจากท่าเท้าที่หนักหน่วงล้วนพลาดเป้าหมายไปทั้งสิ้น
เสียงโอดโอยพลันดังขึ้นคราหนึ่ง ตามด้วยเสียงของร่างใหญ่ล้มลงสู่พื้น การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
หลงเฉินพลันสงบเยือกเย็นลงอย่างประหลาด ถึงตอนนี้มันไม่คิดถึงสิ่งใดอีกนอกจากกระบี่ที่ข้างกาย มือของมันเลื่อนไปยังตำแหน่งบนด้ามจับคล้ายกับมีแรงดึงดูดที่พิเศษพิสดาร ที่เพียรพยายามฝึกปรือกระบวนท่าต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายแล้วเพียงเพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นนั่นเอง เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มองเห็นตนเองแทงกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อประตูรถสินค้าถูกเปิดออก
เสียงฝีเท้าของนางแอ่นเคลื่อนใกล้เข้ามา ลมหายใจของหลงเฉินผ่อนช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง
ภาพในจินตนาการของหลงเฉินพลันบิดเบี้ยว เขาดีดพุ่งตัวขึ้นสุดแรงกระแทกหลังคารถจนแตกทะลุออกไป หลบรอดจากการจู่โจมที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นรถตรงตำแหน่งที่เคยซ่อนตัวอยู่ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะรีบวนกระบี่เป็นเงาคุ้มครองกายจากดาวตกสีทองที่พุ่งเข้าใส่จากทางเบื้องล่าง
“ม้าบินเกือกทอง เป็นเจ้าเองหรือ”
ผู้ที่ลงมือจู่โจมเป็นม้าบินที่สมควรจะล้มลงสิ้นชีวิตไปแล้วจริงๆ ตรงหน้ารถสินค้านั้นยังยืนไว้ด้วยสตรีชุดแดงนางหนึ่งกับกระบี่คู่กาย ซึ่งน่าจะเป็นจอมโจรนางแอ่น แต่เขาไม่กล้าแน่ใจอีกแล้วว่าจะใช่นางแอ่นตัวจริงหรือไม่
“ท่านรองมือปราบฝีมือร้ายกาจนัก หากปล่อยให้ท่านรอดอยู่ต่อไป ภายภาคหน้ากองปราบคงกลายเป็นเสี้ยนหนามสำคัญของพวกเราขึ้นมา”
“ที่แท้จอมโจรกับสำนักคุ้มกันภัยทำงานร่วมกันเช่นนี้ จึงไม่อาจปราบปรามได้เสียที” หลงเฉินตวาด
ม้าบินแหงนหน้าหัวร่อ ก่อนที่คนของสำนักคุ้มกันภัยบางส่วนที่เคยทำท่าเป็นหลับไหลจะลุกขึ้นยืนพร้อมอาวุธในมือ
“พวกเราคือสำนักคุ้มกันภัยม้าบิน และก็เป็นจอมโจรนางแอ่นด้วยเช่นกัน หากส่งสินค้าสำเร็จ เราย่อมรับค่าจ้างอย่างงาม หากเกิดความผิดพลาด เราย่อมนำสินค้าที่ขโมยไปมาชดเชยค่าเสียหาย ชื่อเสียงของสำนักคุ้มกันภัยยิ่งเลิศเลอ สินค้ายิ่งสูงค่า การค้าที่ทำกำไรสองต่อเช่นนี้ ใยต้องให้ผู้อื่นมาร่วมแบ่งปันด้วย”
ทั้งหมดพากันส่งเสียงหัวเราะ ในขณะที่คนของสำนักคุ้มกันภัยที่เหลือยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
หลงเฉินพลันทอดถอนใจ “ดูเหมือนขบวนสินค้าเที่ยวนี้คงถูกจอมโจรนางแอ่นปล้นชิงไปจนหมดสิ้น แถมคนของสำนักคุ้มกันภัยยังถูกฆ่าตายไปเกือบครึ่ง ดีที่รองหัวหน้าม้าบินมีฝีมือกล้าแข็ง รอดชีวิตมาได้ แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย สำนักคุ้มกันภัยม้าทองอาจจะต้องปิดตัวลง สุดท้ายได้แต่แยกย้ายกันไป อ้อ ไม่แน่ว่ารองหัวหน้าอาจกัดฟันเปิดกิจการขึ้นใหม่ แทนที่สำนักเดิมก็เป็นได้”
ม้าบินมองดูหลงเฉินด้วยความนับถือ “ท่านรองกล่าวได้ราวกับตาเห็น แต่ท่านลืมไปประการหนึ่ง” เสียงของม้าบินพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้นมา “ว่ารองมือปราบหลงเฉินก็เสียชีวิตอยู่ในที่นี้ด้วย”
“นางแอ่น ลงมือ” ม้าบินตะโกนก้อง ร่างดีดพุ่งออกไป รองเท้าทองของมันกระทบกับก้อนหินจนมีสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมา
ครั้งนี้หลงเฉินนับว่าได้เห็นท่าเท้าเกือกทองได้อย่างถนัดตาแล้ว เขาความจริงต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กับการลอบทำร้ายจากกระบี่ในมือของสตรีชุดแดงที่อยู่ทางด้านหลัง ม้าบินคำนวนมาแล้วอย่างไม่พลาดผิด ขอเพียงกระบี่ของหลงเฉินเชื่องช้าลงแม้เพียงเล็กน้อย เท้าของมันย่อมต้องโจมตีถึงก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย
‘ถ้าเช่นนั้นกระบี่ที่จมหายเข้าไปในทรวงอกของข้านี้คืออะไรกัน’ นั่นเป็นความคิดสุดท้ายของม้าบินเกือกทอง
สมาชิกที่เหลือต่างพากันทิ้งอาวุธแตกหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อเห็นหัวหน้าที่เก่งกาจของพวกตนต้องจบชีวิตลงด้วยกระบี่เดียวกันรวดเร็วเช่นนี้
“...เหตุใดท่านจึงไม่ลังเลเลย” เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง สตรีที่สมควรลงมือจู่โจมประสานเพื่อปลิดชีพหลงเฉินไปแล้วตั้งแต่เมื่อครู่ สตรีที่ถูกเรียกว่านางแอ่น ไม่ว่าจะเป็นนามที่แท้จริงของนางหรือไม่ก็ตาม
“เพราะเราเห็นความลังเลในแววตาของม้าบินช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้าย อันที่จริงแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเพราะเราได้ยินความลังเลจากฝีเท้าของแม่นางตั้งแต่ก่อนหน้า หากไม่เป็นเพราะแม่นางจงใจทำเช่นนั้น ในตอนที่เดินมายังรถสินค้า เราก็คงจบสิ้นไปตั้งแต่การลงมือในครั้งแรกแล้ว แต่ม้าบินกลับคิดไม่ถึง บางทีมันอาจไว้ใจ หรือไม่อย่างนั้นก็คงงมงายในตัวแม่นางจนไม่ได้นึกระแวงสงสัยเลย” เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับนาง “ทำไมแม่นางจึงทำ...เช่นนี้”
หลงเฉินควรดีใจที่รอดชีวิต แต่เขาไม่เคยนิยมยกย่องผู้ที่หักหลังพวกพ้องของตนเอง แต่สีหน้าของนางแอ่นในตอนนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ใบหน้าที่งามโศกซึ้งตรึงตรา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้ากับชุดสีแดงนั้น ช่างคุ้นตาราวกับเคยพบเห็นในความฝัน ฝันที่เขาติดตามเฝ้าค้นหาเรื่อยมา
“เป็นเราหักหลังมันอย่างนั้นหรือ” นางแอ่นส่งเสียงหัวเราะ น้ำตาพลันหลั่งไหลออกมา “ใช่เราหักหลัง เราแค้น เราเกลียด และเราก็รักบุรุษโฉดชั่วผู้นั้นด้วย”
‘ตั้งแต่ในครั้งแรกที่เราพบหน้าท่าน ก่อนที่ขบวนคุ้มกันจะออกเดินทางมา เราก็เอาแต่คิดถึงท่าน เราถึงกับคิดไปว่าท่านอาจเข้าใจในความจำเป็นของชีวิตที่ผ่านมาของเรา ท่านอาจ อาจยอมรับเราอย่างที่เป็น เรา เรา’ นางย่อมไม่อาจกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต หรือเป็นแรงดลใจจากปีศาจให้นางตัดสินใจกระทำลงไปเยี่ยงนี้
“...แม่นางจงรีบไปเสียเถิด” หลงเฉินกัดฟันกล่าวออกไปในที่สุด
‘นางเป็นคนช่วยชีวิตเราเอาไว้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเราคงจบสิ้นไปแล้ว’ ยังมีความรู้สึกวาบหวามอย่างประหลาดในใจนี้ ที่เกิดขึ้นในทันทีที่ได้พบหน้านาง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ รู้สึกแบบนี้มาก่อน ‘แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของผู้อื่น ทั้งยังเป็นโจรที่มีความผิด ไม่ว่านางจะมีความเป็นมาอย่างไรก็ตาม’
เขาคือรองมือปราบหลงเฉิน เขาคิดทบทวน และเขาไม่อาจตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งที่มีเพื่อไปกับนางได้
“...ท่านพูดจริง ท่านต้องการให้เราไป”
“ถูกต้อง...แม่นางรีบไปเสียเถิด ไม่อย่างนั้น...มือปราบย่อมต้องจับโจร” หลงเฉินเน้นเสียง
“ท่านต้องการเช่นนี้แน่หรือ” นางแอ่นถามอีกครั้ง
หลงเฉินพยักหน้า และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นวิชาตัวเบาของจอมโจรนางแอ่นซึ่งพุ่งทะยานออกไปได้ราวกับเป็นวิหคเหินบิน ก่อนที่นางจะหายสาบสูญไปตลอดกาล
๑๑๑๑๑
มือปราบหลงเฉิน ภาคพิเศษ คดีจอมโจรนางแอ่น
กรุณาเผื่อใจไว้ด้วยครับ
หลงเฉิน สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้น เขารีบสงบจิตใจลง ความจริงแล้วผู้ช่วยมือปราบเช่นตัวเขาย่อมไม่สมควรนอนหลับในขณะที่อยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขากำลังซุ่มซ่อนรอคอยจอมโจรนางแอ่นที่หมายตาสมบัติในขบวนสินค้าที่ว่าจ้างขนส่งโดยท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ไม่ยินยอมให้มีสิ่งใดสูญหายไปอย่างเด็ดขาด
ภายในรถขนสินค้านั้นมืดทึบ แต่ตำแหน่งที่เขาซุ่มซ่อนตัวอยู่ได้จัดทำช่องลับเพื่อให้สามารถลอบมองออกไปภายนอก และให้อากาศถ่ายเทได้ และเขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศที่คับแคบราวกับอยู่ในหีบศพนี้อย่างประหลาด ราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นกับตัวเขาเมื่อนานมาแล้ว ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
“หยุดรถได้” เสียงตวาดสั่งดังกังวานแสดงให้เห็นถึงพลังการฝึกปรือที่ไม่ธรรมดาของผู้ที่ ออกหน้า คุมขบวนสินค้าในครั้งนี้ สำนักคุ้มกันภัยม้าทอง และรองหัวหน้าผู้มีสมญา ม้าบินเกือกทอง ย่อมมิใช่การยกย่องที่ได้มาอย่างเลื่อนลอยในดินแดนป่าเถื่อนแถบนี้
“รีบตั้งค่ายล้อมขบวนรถตามตำแหน่ง เราจะพักผ่อนกันในที่นี้ นอนหลับเอาแรงไว้ให้มาก การเดินทางพรุ่งนี้เป็นเส้นทางที่หวาดเสียวอันตราย หากเราเป็นจอมโจรนางแอ่นบัดซบนั่น จึงนับเป็นจุดที่เหมาะกับการลงมือมากที่สุดแล้ว”
ม้าบินส่งเสียงดังลั่นคล้ายกับกลัวว่าผู้อื่นจะไม่ได้ยิน หลงเฉินพลันลอบหัวร่อขึ้นในใจ ‘หากเป็นเช่นนั้นจริง จอมโจรนางแอ่นย่อมไม่ลงมือในสถานที่นั้นแน่’ เพราะหากนางแอ่นเป็นโจรต่ำต้อยถึงเพียงนั้น คงถูกจับกุมตัวไปเนิ่นนานแล้ว
ทันใดนั้น หลงเฉินพลันเห็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว มีวัตถุบางอย่างถูกซัดขว้างผ่านเข้ามาทางช่องเปิดเล็กๆ อย่างแม่นยำ โชคดีที่เขาไม่ได้หลับ โชคดีที่เขายังมืมืออันว่องไวอีกคู่หนึ่ง มือที่ใช้ถือกระบี่ กระบี่ที่รวดเร็วเหนือใคร
หลงเฉินไม่ทันเห็นว่าเป็นเงาร่างของผู้ใด แต่ก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของม้าบินผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย บนห่อข้าวเหนียวกับเนื้อเค็มที่อยู่ในมือ ยังมีตัวอักษรเขียนไว้ด้วยว่า ‘คืนนี้’ ซึ่งเขาเข้าใจความหมายได้โดยพลัน ที่จริงแล้วม้าบินเองก็คาดว่านางแอ่นจะต้องลงมือในค่ำคืนนี้เช่นเดียวกับเขา
หลงเฉินขบเคี้ยวอาหารเพียงเล็กน้อย ก่อนจิบน้ำดื่มที่เตรียมไว้อีกอึกหนึ่ง การซ่อนตัวแบบนี้มีข้อจำกัดที่แสนทรมานประการหนึ่งสำหรับเขา แต่เขาก็ยินยอมอดทนอย่างสุดกำลัง เพราะหากแม้นสร้างผลงานในครั้งนี้สำเร็จ เขาก็อาจได้รับตำแหน่งมือปราบสมใจเสียที
วิกาลดึกสงัด ลมราตรีพัดเฉื่อยฉิว เสียงที่เคยวุ่นวายในกองคาราวานถูกแทนที่ด้วยเสียงแห่งราตรี สลับกับเสียงกรนที่ดังสอดแทรกเป็นครั้งคราว หลงเฉินรีบกลั้นลมหายใจเมื่อได้กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ป่าโชยมาจางๆ เพราะเขารู้ว่าในดินแดนแถบนี้มีดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีนามว่า หอมนิทรา ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายนิยมนำมาต้มดื่มในยามที่ชีวิตนั้นยากลำบากจนเกินไป ปวดร้าวจนเกินกว่าจะข่มตาให้นอนหลับลงได้
นิทราเจ้าหลับไหล หรือที่แท้ทุกสิ่งเป็นเพียงภาพฝัน
เสียงลม ที่ไม่ใช่เสียงลมโชยพัดดังขึ้น หลงเฉินจึงคาดว่าจอมโจรนางแอ่นคงเปิดเผยตัวออกมาแล้ว
“เป็นถึงจอมโจรแต่กลับใช้วิธีที่ต่ำช้ายิ่งนัก” เสียงของม้าบินไม่ได้ดังลั่นเหมือนเช่นเดิม ในยามที่มันพูดจาโผงผางคล้ายเป็นคนมุทะลุดุดัน แต่ในยามนี้กลับฟังดูเยือกเย็นจนผิดคาดหมาย
“...ม้าบินเกือกทอง นับว่าไม่ธรรมดา” หลงเฉินคาดว่านี่คงเป็นเสียงของนางแอ่น และเขาต้องระงับความตื่นเต้นเอาไว้ เพราะนั่นเป็นเสียงของสตรีอย่างไม่ต้องสงสัย ‘ที่แท้คำร่ำลือก็เป็นความจริง ผู้คนกล่าวขานกันว่าจอมโจรนางแอ่นนั้นที่แท้แล้วเป็นสตรี อีกทั้งยังเป็นสตรีอันแสนงดงาม ผู้คนที่ถูกนางปล้น บางคนยังถูกปล้นเอาดวงใจไปด้วย
หลงเฉินรีบสงบจิตใจลง เขาใช่สมควรเคลื่อนไหวแล้วหรือไม่ แต่ในเวลาเช่นนี้เขากลับลังเลไม่อาจตัดสินใจให้เด็ดขาดลงไป นางแอ่นลงมือเพียงลำพัง หรือยังมีพวกพ้องแอบซุ่มซ่อนตัวอยู่ น่าเสียดายที่ตำแหน่งของช่องลับนั้นอยู่คนละด้าน จึงทำให้เขาไม่อาจมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงอยู่
ผู้คนทั่วไปมักจินตนาการว่าการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือนั้นจะเพริดแพร้วพิสดารชวนติดตามเหมือนกับที่นักขับลำนำเล่านิยายในตลาดนำมาร้องเล่าเพื่อแลกเงินหาเลี้ยงชีพ แต่ส่วนใหญ่แล้วความเพริดแพร้วทั้งหลายนั้นล้วนเกิดจากจินตนาการอันยอดเยี่ยมของตัวนักเล่าเกือบทั้งสิ้น เพื่อให้เรื่องราวสนุกสมใจผู้รับฟัง เผื่อจะได้รับกำนัลเงินทองแถมเป็นพิเศษ มิใช่เกิดจากยอดฝีมือที่ต้องใช้ชีวิตของตนเป็นเดิมพันเหล่านั้น การต่อสู้ที่แท้จริงมักกระชั้นสั้น ตัดสินสูงต่ำแพ้ชนะกันในไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น
เสียงลมโชยพัด นางแอ่นโบยบิน เสียงฝีเท้าลึกล้ำ ม้าบินควบผยอง
หลงเฉินถึงกับมองเห็นภาพของรองเท้าสีทองอันอวดโอ่ของม้าบินผู้นั้น แต่เพียงฟังจากช่วงก้าว และจังหวะ เขาก็เข้าใจในทันทีว่าม้าบินไม่ได้อวดโอ่เลยแม้แต่น้อย ท่าเท้าเกือกทอง นับว่ารุนแรงไม่รวบรัดธรรมดา
แต่ดูเหมือนครั้งนี้ม้าบินจะพบเจอกับคู่ปรับที่เหนือกว่าเข้าเสียแล้ว ม้าที่แม้นมีปีกก็ยังไม่อาจเหินบินได้ดั่งวิหค เสียงโจมตีจากท่าเท้าที่หนักหน่วงล้วนพลาดเป้าหมายไปทั้งสิ้น
เสียงโอดโอยพลันดังขึ้นคราหนึ่ง ตามด้วยเสียงของร่างใหญ่ล้มลงสู่พื้น การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว
หลงเฉินพลันสงบเยือกเย็นลงอย่างประหลาด ถึงตอนนี้มันไม่คิดถึงสิ่งใดอีกนอกจากกระบี่ที่ข้างกาย มือของมันเลื่อนไปยังตำแหน่งบนด้ามจับคล้ายกับมีแรงดึงดูดที่พิเศษพิสดาร ที่เพียรพยายามฝึกปรือกระบวนท่าต่างๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายแล้วเพียงเพื่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นนั่นเอง เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม มองเห็นตนเองแทงกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อประตูรถสินค้าถูกเปิดออก
เสียงฝีเท้าของนางแอ่นเคลื่อนใกล้เข้ามา ลมหายใจของหลงเฉินผ่อนช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง
ภาพในจินตนาการของหลงเฉินพลันบิดเบี้ยว เขาดีดพุ่งตัวขึ้นสุดแรงกระแทกหลังคารถจนแตกทะลุออกไป หลบรอดจากการจู่โจมที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นรถตรงตำแหน่งที่เคยซ่อนตัวอยู่ได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนจะรีบวนกระบี่เป็นเงาคุ้มครองกายจากดาวตกสีทองที่พุ่งเข้าใส่จากทางเบื้องล่าง
“ม้าบินเกือกทอง เป็นเจ้าเองหรือ”
ผู้ที่ลงมือจู่โจมเป็นม้าบินที่สมควรจะล้มลงสิ้นชีวิตไปแล้วจริงๆ ตรงหน้ารถสินค้านั้นยังยืนไว้ด้วยสตรีชุดแดงนางหนึ่งกับกระบี่คู่กาย ซึ่งน่าจะเป็นจอมโจรนางแอ่น แต่เขาไม่กล้าแน่ใจอีกแล้วว่าจะใช่นางแอ่นตัวจริงหรือไม่
“ท่านรองมือปราบฝีมือร้ายกาจนัก หากปล่อยให้ท่านรอดอยู่ต่อไป ภายภาคหน้ากองปราบคงกลายเป็นเสี้ยนหนามสำคัญของพวกเราขึ้นมา”
“ที่แท้จอมโจรกับสำนักคุ้มกันภัยทำงานร่วมกันเช่นนี้ จึงไม่อาจปราบปรามได้เสียที” หลงเฉินตวาด
ม้าบินแหงนหน้าหัวร่อ ก่อนที่คนของสำนักคุ้มกันภัยบางส่วนที่เคยทำท่าเป็นหลับไหลจะลุกขึ้นยืนพร้อมอาวุธในมือ
“พวกเราคือสำนักคุ้มกันภัยม้าบิน และก็เป็นจอมโจรนางแอ่นด้วยเช่นกัน หากส่งสินค้าสำเร็จ เราย่อมรับค่าจ้างอย่างงาม หากเกิดความผิดพลาด เราย่อมนำสินค้าที่ขโมยไปมาชดเชยค่าเสียหาย ชื่อเสียงของสำนักคุ้มกันภัยยิ่งเลิศเลอ สินค้ายิ่งสูงค่า การค้าที่ทำกำไรสองต่อเช่นนี้ ใยต้องให้ผู้อื่นมาร่วมแบ่งปันด้วย”
ทั้งหมดพากันส่งเสียงหัวเราะ ในขณะที่คนของสำนักคุ้มกันภัยที่เหลือยังคงนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง
หลงเฉินพลันทอดถอนใจ “ดูเหมือนขบวนสินค้าเที่ยวนี้คงถูกจอมโจรนางแอ่นปล้นชิงไปจนหมดสิ้น แถมคนของสำนักคุ้มกันภัยยังถูกฆ่าตายไปเกือบครึ่ง ดีที่รองหัวหน้าม้าบินมีฝีมือกล้าแข็ง รอดชีวิตมาได้ แต่ก็คงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย สำนักคุ้มกันภัยม้าทองอาจจะต้องปิดตัวลง สุดท้ายได้แต่แยกย้ายกันไป อ้อ ไม่แน่ว่ารองหัวหน้าอาจกัดฟันเปิดกิจการขึ้นใหม่ แทนที่สำนักเดิมก็เป็นได้”
ม้าบินมองดูหลงเฉินด้วยความนับถือ “ท่านรองกล่าวได้ราวกับตาเห็น แต่ท่านลืมไปประการหนึ่ง” เสียงของม้าบินพลันเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้นมา “ว่ารองมือปราบหลงเฉินก็เสียชีวิตอยู่ในที่นี้ด้วย”
“นางแอ่น ลงมือ” ม้าบินตะโกนก้อง ร่างดีดพุ่งออกไป รองเท้าทองของมันกระทบกับก้อนหินจนมีสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมา
ครั้งนี้หลงเฉินนับว่าได้เห็นท่าเท้าเกือกทองได้อย่างถนัดตาแล้ว เขาความจริงต้องห่วงหน้าพะวงหลัง กับการลอบทำร้ายจากกระบี่ในมือของสตรีชุดแดงที่อยู่ทางด้านหลัง ม้าบินคำนวนมาแล้วอย่างไม่พลาดผิด ขอเพียงกระบี่ของหลงเฉินเชื่องช้าลงแม้เพียงเล็กน้อย เท้าของมันย่อมต้องโจมตีถึงก่อนอย่างไม่ต้องสงสัย
‘ถ้าเช่นนั้นกระบี่ที่จมหายเข้าไปในทรวงอกของข้านี้คืออะไรกัน’ นั่นเป็นความคิดสุดท้ายของม้าบินเกือกทอง
สมาชิกที่เหลือต่างพากันทิ้งอาวุธแตกหนีกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง เมื่อเห็นหัวหน้าที่เก่งกาจของพวกตนต้องจบชีวิตลงด้วยกระบี่เดียวกันรวดเร็วเช่นนี้
“...เหตุใดท่านจึงไม่ลังเลเลย” เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง สตรีที่สมควรลงมือจู่โจมประสานเพื่อปลิดชีพหลงเฉินไปแล้วตั้งแต่เมื่อครู่ สตรีที่ถูกเรียกว่านางแอ่น ไม่ว่าจะเป็นนามที่แท้จริงของนางหรือไม่ก็ตาม
“เพราะเราเห็นความลังเลในแววตาของม้าบินช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้าย อันที่จริงแล้ว ต้องบอกว่าเป็นเพราะเราได้ยินความลังเลจากฝีเท้าของแม่นางตั้งแต่ก่อนหน้า หากไม่เป็นเพราะแม่นางจงใจทำเช่นนั้น ในตอนที่เดินมายังรถสินค้า เราก็คงจบสิ้นไปตั้งแต่การลงมือในครั้งแรกแล้ว แต่ม้าบินกลับคิดไม่ถึง บางทีมันอาจไว้ใจ หรือไม่อย่างนั้นก็คงงมงายในตัวแม่นางจนไม่ได้นึกระแวงสงสัยเลย” เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับนาง “ทำไมแม่นางจึงทำ...เช่นนี้”
หลงเฉินควรดีใจที่รอดชีวิต แต่เขาไม่เคยนิยมยกย่องผู้ที่หักหลังพวกพ้องของตนเอง แต่สีหน้าของนางแอ่นในตอนนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่ ใบหน้าที่งามโศกซึ้งตรึงตรา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้ากับชุดสีแดงนั้น ช่างคุ้นตาราวกับเคยพบเห็นในความฝัน ฝันที่เขาติดตามเฝ้าค้นหาเรื่อยมา
“เป็นเราหักหลังมันอย่างนั้นหรือ” นางแอ่นส่งเสียงหัวเราะ น้ำตาพลันหลั่งไหลออกมา “ใช่เราหักหลัง เราแค้น เราเกลียด และเราก็รักบุรุษโฉดชั่วผู้นั้นด้วย”
‘ตั้งแต่ในครั้งแรกที่เราพบหน้าท่าน ก่อนที่ขบวนคุ้มกันจะออกเดินทางมา เราก็เอาแต่คิดถึงท่าน เราถึงกับคิดไปว่าท่านอาจเข้าใจในความจำเป็นของชีวิตที่ผ่านมาของเรา ท่านอาจ อาจยอมรับเราอย่างที่เป็น เรา เรา’ นางย่อมไม่อาจกล่าวคำเหล่านี้ออกไป ได้แต่โทษว่าเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต หรือเป็นแรงดลใจจากปีศาจให้นางตัดสินใจกระทำลงไปเยี่ยงนี้
“...แม่นางจงรีบไปเสียเถิด” หลงเฉินกัดฟันกล่าวออกไปในที่สุด
‘นางเป็นคนช่วยชีวิตเราเอาไว้ หากไม่ใช่เป็นเพราะนางเราคงจบสิ้นไปแล้ว’ ยังมีความรู้สึกวาบหวามอย่างประหลาดในใจนี้ ที่เกิดขึ้นในทันทีที่ได้พบหน้านาง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ รู้สึกแบบนี้มาก่อน ‘แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนของผู้อื่น ทั้งยังเป็นโจรที่มีความผิด ไม่ว่านางจะมีความเป็นมาอย่างไรก็ตาม’
เขาคือรองมือปราบหลงเฉิน เขาคิดทบทวน และเขาไม่อาจตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งที่มีเพื่อไปกับนางได้
“...ท่านพูดจริง ท่านต้องการให้เราไป”
“ถูกต้อง...แม่นางรีบไปเสียเถิด ไม่อย่างนั้น...มือปราบย่อมต้องจับโจร” หลงเฉินเน้นเสียง
“ท่านต้องการเช่นนี้แน่หรือ” นางแอ่นถามอีกครั้ง
หลงเฉินพยักหน้า และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นวิชาตัวเบาของจอมโจรนางแอ่นซึ่งพุ่งทะยานออกไปได้ราวกับเป็นวิหคเหินบิน ก่อนที่นางจะหายสาบสูญไปตลอดกาล
๑๑๑๑๑