All is Lost
หนังเรื่องนี้น่าจะทำสถิติ 2 อย่าง
1. นี่คือหนังที่ไม่ใช่หนังเงียบ แต่มีบทพูดน่าจะน้อยที่สุดในโลก เพราะหนังเรื่องนี้มีบทพูดประมาณ 10 ประโยคสั้นๆตอนเริ่มเรื่อง และอีกสองสามคำที่เหลือทั้งเรื่องคือ , Help และ I'm Here แถมพูดแค่นี้ด้วยนะ ไม่ใช่พูดหลายครั้ง
2. จำนวนนักแสดงก็น่าจะน้อยมากที่สุด เพราะปู่ Robert Redford เล่นคนเดียวทั้งเรื่อง ชื่อตัวละครก็ไม่มี ลองไปเช็คดูใน imdb เขียนไว้แค่ว่า Our Man เท่านั้น
หนังเกี่ยวกับปู่ Robert ล่องเรือแล้วเจอตู้คอนเทนเนอร์ชน แล้วต้องประสบภัยกลางทะเล
จุดขายและจุดแข็งสุดๆของเรื่องนี้น่าจะเป็นการที่ให้ปู่ Robert เล่นคนเดียวทั้งเรื่อง แถมปู่ยังแสดงพฤติกรรมของคนประสบภัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ แสดงออกไม่โอเวอร์ ไม่มีท่าทาง ความรู้สึกผ่านออกมาทางสีหน้าแววหน้าแบบเนียนๆ และจุดแข็งอีกจุดของหนังเรื่องนี้ความสมจริง เรียกได้ว่าสมจริงในระดับสุดๆ เหมือนเรากำลังนั่งดู Reality คนประสบภัยอยู่ก็ไม่ปาน แถมยังทำให้เห็นว่าสถานที่อันเวิ้งว้างกลางท้องทะเลไร้ผู้คนนั้นน่ากลัวกว่าสถานที่เงียบๆบนอวกาศอย่างในเรื่อง Gravity เสียอีก
แต่ไอ้ความสมจริงแบบสุดโต่งนี่แหละที่ทำให้หนังมันแอบน่าเบื่อชวนหลับได้เลยทีเดียว คือหนังมันสมจริงจนไม่ใส่พื้นหลังตัวละคร ความคิด อารมณ์ดราม่า อารมณ์จิตหลุด จิตหลอน หรืออะไรก็ตามที่มันควรจะใส่มาเพื่อเพิ่มความดราม่าเข้าไปสักหน่อย คือถึงแม้เราจะเอาใจช่วยและแอบสงสารปู่ก็จริง แต่มันไม่ทำให้เราอินไปกับตัวละครและทำให้เรารู้สึกเห็นใจเท่าไร ขนาดเราดูพวก Reality ร้องเพลง เค้ายังมีเล่าเรื่องที่มาที่ไปเพื่อให้มีความเป็นดราม่าและเอาใจสักเล็กน้อยเลย นี่ทั้งเรื่องมีแต่ปู่ทำหน้าเครียดๆหาวิธีเอาตัวรอด จังหวะจะระเบิดอารมณ์ที่แรงที่สุดก็มี kk ดังๆมาคำเดียว นอกนั้นปู่แกเล่นแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแบบเก็บลึกไว้ในใจตลอดเวลา
ยังไม่พอ ภัยพิบัติที่เจอ ก็เป็นภัยพิบัติแบบสมจริง ที่ควรจะเจอจริงๆ ไม่โอเวอร์ ไม่มีคลื่นลูกใหญ่ ไม่มีพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีวิกฤตปลาฉลาม หรืออะไรที่ควรจะมี มีก็ตามความสมจริง เรือรั่ว เรือพลิก พายุ แต่ข้อดีก็คือเราได้เห็นวิธีต่างๆในการเอาตัวรอดที่เราคิดว่าน่าจะไปใช้ในสถานการณ์จริงๆได้เลยราวกับดูสารคดี แต่ถ้าเทียบกับสารคดีจริงๆ บางทียังเร้าอารมณ์มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะสารคดียังมีสัมภาษณ์ มีบรรยายเหตุการณ์ อันนี้ให้เราดูเงียบๆไปเรื่อยๆจนจบเรื่อง (คือขนาดภาพความสวยงามของท้องทะเลที่น่าจะมีให้ดูบ้าง ก็ไม่มีสักฉาก)
หลังจากดูหนังจบ ทำให้เราตระหนักได้ว่า ไอ้หนังมากมายที่เราดูแล้วเราบอกว่า "เรื่องนี้โคตรสมจริง ดูแล้วโคตรตื่นเต้น" จริงๆแล้วโม้ทั้งนั้น ต้องมาดู All Is Lost นี่ สมจริงสุดๆ จริงจนหาจุดโม้ไม่เจอเลย
ถึงจะบ่นเยอะ หนังก็ไม่ได้แย่นะครับ ถือว่าเป็นหนังประสบภัยที่สมจริง ใครที่ชอบแนวนี้ก็น่าจะชอบ แถมหนังก็ยังสร้างอารมณ์สิ้นหวัง หดหู่ สู้ชีวิตและสร้างกำลังใจได้บ้างพอสมควร
แต่ที่เจอหนังเงียบๆแล้วชอบง่วง ระวัง เรื่องนี้ไม่ได้แค่ง่วง อาจจะหลับเลยก็ได้
>>> B- <<<
สปอยนิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ส่วนที่ผมชอบมากๆของเรื่องนี้ แล้วมันดูเป็นตลกร้ายที่แสบสันต์ดีมาก คือเรือของปู่เนี่ย โดยตู้คอนเทนเนอร์ชนจนเรือพัง ระหว่างที่ปู่ลอยเคว้งอยู่กลางทะเล มีเรือขนตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นตู้แบบที่ชนเรือนี่แหละ ผ่านมาเฉียดตั้งสองลำใหญ่ๆ ยังไม่เห็นปู่ คือมันจุกมาก ดูสิ้นหวังดีแท้ฉากที่เรือผ่านมาแล้วไม่ช่วยปู่เนี่ย
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=839321172751595&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&relevant_count=1
ไปอ่านรีวิวเก่าๆ หรือพูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/JacKobotReview
[CR] รีวิว : All is Lost หนังประสบภัยกลางทะเล ที่สมจริงที่สุด และพูดน้อยที่สุดในวงการหนัง
All is Lost
หนังเรื่องนี้น่าจะทำสถิติ 2 อย่าง
1. นี่คือหนังที่ไม่ใช่หนังเงียบ แต่มีบทพูดน่าจะน้อยที่สุดในโลก เพราะหนังเรื่องนี้มีบทพูดประมาณ 10 ประโยคสั้นๆตอนเริ่มเรื่อง และอีกสองสามคำที่เหลือทั้งเรื่องคือ , Help และ I'm Here แถมพูดแค่นี้ด้วยนะ ไม่ใช่พูดหลายครั้ง
2. จำนวนนักแสดงก็น่าจะน้อยมากที่สุด เพราะปู่ Robert Redford เล่นคนเดียวทั้งเรื่อง ชื่อตัวละครก็ไม่มี ลองไปเช็คดูใน imdb เขียนไว้แค่ว่า Our Man เท่านั้น
หนังเกี่ยวกับปู่ Robert ล่องเรือแล้วเจอตู้คอนเทนเนอร์ชน แล้วต้องประสบภัยกลางทะเล
จุดขายและจุดแข็งสุดๆของเรื่องนี้น่าจะเป็นการที่ให้ปู่ Robert เล่นคนเดียวทั้งเรื่อง แถมปู่ยังแสดงพฤติกรรมของคนประสบภัยได้อย่างเป็นธรรมชาติ แสดงออกไม่โอเวอร์ ไม่มีท่าทาง ความรู้สึกผ่านออกมาทางสีหน้าแววหน้าแบบเนียนๆ และจุดแข็งอีกจุดของหนังเรื่องนี้ความสมจริง เรียกได้ว่าสมจริงในระดับสุดๆ เหมือนเรากำลังนั่งดู Reality คนประสบภัยอยู่ก็ไม่ปาน แถมยังทำให้เห็นว่าสถานที่อันเวิ้งว้างกลางท้องทะเลไร้ผู้คนนั้นน่ากลัวกว่าสถานที่เงียบๆบนอวกาศอย่างในเรื่อง Gravity เสียอีก
แต่ไอ้ความสมจริงแบบสุดโต่งนี่แหละที่ทำให้หนังมันแอบน่าเบื่อชวนหลับได้เลยทีเดียว คือหนังมันสมจริงจนไม่ใส่พื้นหลังตัวละคร ความคิด อารมณ์ดราม่า อารมณ์จิตหลุด จิตหลอน หรืออะไรก็ตามที่มันควรจะใส่มาเพื่อเพิ่มความดราม่าเข้าไปสักหน่อย คือถึงแม้เราจะเอาใจช่วยและแอบสงสารปู่ก็จริง แต่มันไม่ทำให้เราอินไปกับตัวละครและทำให้เรารู้สึกเห็นใจเท่าไร ขนาดเราดูพวก Reality ร้องเพลง เค้ายังมีเล่าเรื่องที่มาที่ไปเพื่อให้มีความเป็นดราม่าและเอาใจสักเล็กน้อยเลย นี่ทั้งเรื่องมีแต่ปู่ทำหน้าเครียดๆหาวิธีเอาตัวรอด จังหวะจะระเบิดอารมณ์ที่แรงที่สุดก็มี kk ดังๆมาคำเดียว นอกนั้นปู่แกเล่นแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแบบเก็บลึกไว้ในใจตลอดเวลา
ยังไม่พอ ภัยพิบัติที่เจอ ก็เป็นภัยพิบัติแบบสมจริง ที่ควรจะเจอจริงๆ ไม่โอเวอร์ ไม่มีคลื่นลูกใหญ่ ไม่มีพายุโหมกระหน่ำ ไม่มีวิกฤตปลาฉลาม หรืออะไรที่ควรจะมี มีก็ตามความสมจริง เรือรั่ว เรือพลิก พายุ แต่ข้อดีก็คือเราได้เห็นวิธีต่างๆในการเอาตัวรอดที่เราคิดว่าน่าจะไปใช้ในสถานการณ์จริงๆได้เลยราวกับดูสารคดี แต่ถ้าเทียบกับสารคดีจริงๆ บางทียังเร้าอารมณ์มากกว่าด้วยซ้ำ เพราะสารคดียังมีสัมภาษณ์ มีบรรยายเหตุการณ์ อันนี้ให้เราดูเงียบๆไปเรื่อยๆจนจบเรื่อง (คือขนาดภาพความสวยงามของท้องทะเลที่น่าจะมีให้ดูบ้าง ก็ไม่มีสักฉาก)
หลังจากดูหนังจบ ทำให้เราตระหนักได้ว่า ไอ้หนังมากมายที่เราดูแล้วเราบอกว่า "เรื่องนี้โคตรสมจริง ดูแล้วโคตรตื่นเต้น" จริงๆแล้วโม้ทั้งนั้น ต้องมาดู All Is Lost นี่ สมจริงสุดๆ จริงจนหาจุดโม้ไม่เจอเลย
ถึงจะบ่นเยอะ หนังก็ไม่ได้แย่นะครับ ถือว่าเป็นหนังประสบภัยที่สมจริง ใครที่ชอบแนวนี้ก็น่าจะชอบ แถมหนังก็ยังสร้างอารมณ์สิ้นหวัง หดหู่ สู้ชีวิตและสร้างกำลังใจได้บ้างพอสมควร
แต่ที่เจอหนังเงียบๆแล้วชอบง่วง ระวัง เรื่องนี้ไม่ได้แค่ง่วง อาจจะหลับเลยก็ได้
>>> B- <<<
สปอยนิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=839321172751595&set=a.261764163840635.83587.246975608652824&type=1&relevant_count=1
ไปอ่านรีวิวเก่าๆ หรือพูดคุยเรื่องหนังกันได้ที่
https://www.facebook.com/JacKobotReview