เราเป็นคนที่เบื่อละครแนวแย่งผู้ชาย ไม่ชอบดูฉากผู้หญิงตบกัน ด่าทอกัน เพราะมันไม่ประเทืองปัญญาเลย บอกตรง ละครที่มีชื่อว่า สามี หรือ เมีย อะไรเนี่ยมักจะหนีไม่พ้นพล็อตแบบนี้ แต่ก็หลงเข้ามาดูสามีตีตรา เพราะประโยคของเนื้อแพรจากทีเซอร์ประมาณว่า "อย่าเอาความล้มเหลวในการแต่งงานครั้งก่อน มาทำลายชีวิตการแต่งงานครั้งนี้" เลยคิดว่าละครเรื่องนี้น่าจะให้ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตคู่ไม่มากก็น้อย
พอดูวันแรกๆ ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ละครพล็อตงี่เง่าอย่างที่คิดไว้
ที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ พระเอก นางเอก ไม่ได้ถูกจับให้มาแต่งงานด้วยเหตุผลบ้าบออะไรก็ตาม แต่คือ คนสองคนที่รู้สึกดีๆให้กัน อยากทำชีวิตคู่ให้ดีไปด้วยกัน ท่ามกลางความขัดแย้งของครอบครัวและบุคลิกส่วนตัวของสองคน จนทำให้คนดูอย่างเราลุ้นว่า จะรอดไม่รอด
จนมาวันนี้ บทสรุปก็คือ ไม่รอด และก็ไม่น่าแปลกใจที่ไม่รอด หลายคนอาจคิดว่า เพราะสายน้ำผึ้ง แต่จริงๆแล้ว สายน้ำผึ้งก็แค่ตัวทำคะตะลิสต์ที่คอยเร่งปฎิกิริยาให้เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น และบทนี้เติมเข้ามา ก็ให้เกิดความ แซ่บ ที่คอละครชอบหนักชอบหนา ซึ่งเป็นโชคดีของละครช่อง 3 ที่สามารถดูย้อนหลังได้ และเราก็เลือกทางนั้น ข้ามผ่านฉากไร้สาระ ที่ไม่ชอบได้ เช่นฉากสายน้ำผึ้งป่วน กะรัตสติแตก
แต่ถ้าดูอย่างใช้สมอง ละครเรื่องนี้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างมาก นี่ดีที่แค่เริ่มต้นไม่ได้มีลูกมาเกี่ยวข้อง ไม่งั้นการแก้สมการยุ่งเหยิงแน่
เรื่องราวเมื่อคืนคือสารสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเพลงประกอบถ่ายทอดออกมาได้ลงตัว นั่นคือเพลงที่ว่า "ความรักของเราสองคน ก็คือเรื่องของเราสองคน อย่าไปสนไปฟังเหตุผล ไม่ว่าคนไหนจะพูดยังไง" เราถึงกับน้ำตาไหลตอนที่พิศุทมองหน้ากะรัตนิ่งๆตอนที่กะรัตจะขว้างแหวนแต่งงานคืนให้หลังเซ็นต์หย่า
ความไว้เนื่อเชื่อใจในคนของตัวเองต่างหากที่จะยึดเหนี่ยวชีวิตคู่ได้ ซึ่งกะรัตไม่เคยมีให้พิศุทเลย อย่างที่ก๋งว่า
"ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู ลื้อต้องคิดว่าคนของลื้อดีไว้ก่อน เหมือนกับแหวนที่ลื้อใส่ ใครจะมาเอาไปได้ ถ้าไม่ใช่ลื้อเป็นคนเขวี้ยงออกไปเอง"
สาเหตุหลักของความพังพินาศครั้งนี้ ก็คือการใช้อารมณ์มากเกินไป จนขาดสติของกะรัต ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย อย่าลืมว่าทุกคนมีขีดจำกัดความอดทน อย่ามาโทษคุณพิศุทว่าปากหนัก ไม่พูดอะไร ไม่อธิบาย คนขาดสติคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง คุณพิศุทให้โอกาสกี่ครั้งแล้ว ถ้าจะโทษพิศุทก็ต้องโทษที่ รีบแต่งเร็วไป น่าจะลองคบซักหนึ่งปีก่อน แล้วค่อยแต่ง
นอกจากนี้เรายังได้เห็นแม่สองแบบ เนื่องจากเรามีลูก จึงสนใจการกระทำของเนื้อแพรและพวงหยกเป็นพิเศษ การเลี้ยงดูที่ต่างกันทำให้ลูกต่างกันไป เนื้อแพรคือแม่อย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ลูกได้คิดเอง บินเอง แต่ก็พร้อมปกป้องและรองรับวันที่ลูกปีกหัก ส่วนพวงหยกทำให้เราเศร้ามาก เศร้าแทนลูกๆที่มีแม่แบบนี้ แม่ประสาอะไร ทำทุกอย่างให้ชีวิตคู่ลูกล้มเหลว (เหมือนตัวเอง) คุณยังยิ้มมีความสุขได้ยังไงที่เห็นลูกคุณร้อนรน ทุกข์ใจ ร้องไห้ นี่คือแม่ที่เอาความล้มเหลวของตัวเองมาทำลายชีวิตลูก
สายนำ้ผึ้งสำหรับเรา ตอนแรกคือสมเพช สมเพชที่ไม่รู้จักความพอดีในชีวิต แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรังเกียจละ เพราะถ้าหยุดตั้งแต่กะรัตแยกทางกับพิศุทก็จะน่าจะพอตามที่ปมของสายน้ำผึ้งนำพาให้กระทำเช่นนี้ แต่นี่เลยไปถึงทำร้ายจิตใจพิศุท คนที่ยื่นมือช่วยเหลือตัวเองไม่รู้กี่ครั้ง ดั่งงูเห่าแว้งกัดชาวนา เหมือนที่พิศุทคับแค้นใจนักหนาว่าเขาไปทำอะไรผึ้งเจ็บแค้นนัก ความ dark ของสายน้ำผึ้งลองไปอ่านมุมมองของคนเขียนบทดูนะคะ
ppantip.com/topic/31834648/comment32
น่าสนใจทีเดียว ที่ว่าผึ้งเป็นพวกมโนเข้าข้างตัวเอง เพราะมันจะมีอยู่เยอะเลยค่ะ คนประเภทนี้ในสังคมปัจจุบันขึ้นอยู่ว่าใครจะมากหรือน้อยเท่านั้น
สำหรับเรา เราว่าได้อะไรเยอะค่ะกับละครเรื่องนี้ การใช้สติ บทบาทของแม่ในชีวิตคู่ของลูก การระมัดระวังที่จะช่วยเหลือใครสักคน อย่าให้เกิดการมโนแปลเจตนาผิด หลงเข้ามาดูแล้ว ไม่ผิดหวังเลย อีกอย่างนักแสดงก็เต็มที่ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เวปดูย้อนหลังวันนี้ไม่มีเสียงหลายเวป เห็นว่าเพราะติดลิขสิทธิ์เพลง เราก็นึกว่าใช้เพลงฝรั่ง เพราะยูทูปจะดูดออก ไปดูในเวป cinntv3 มันคือเพลงประกอบละครเรื่องนี้นี่นา ทำไมอยู่ๆถึงติดลิขสิทธิ์ล่ะ ประหลาดมาก แต่เวปนี้ไม่โดนดูดเสียงแฮะ สงสัยคนดูน้อยเลยรอดสายตาไป
สำหรับคนที่ไม่ชอบละครแย่งผู้ชาย แต่หลงเข้ามาดู (สามีตีตรา)
พอดูวันแรกๆ ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ละครพล็อตงี่เง่าอย่างที่คิดไว้
ที่ต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ พระเอก นางเอก ไม่ได้ถูกจับให้มาแต่งงานด้วยเหตุผลบ้าบออะไรก็ตาม แต่คือ คนสองคนที่รู้สึกดีๆให้กัน อยากทำชีวิตคู่ให้ดีไปด้วยกัน ท่ามกลางความขัดแย้งของครอบครัวและบุคลิกส่วนตัวของสองคน จนทำให้คนดูอย่างเราลุ้นว่า จะรอดไม่รอด
จนมาวันนี้ บทสรุปก็คือ ไม่รอด และก็ไม่น่าแปลกใจที่ไม่รอด หลายคนอาจคิดว่า เพราะสายน้ำผึ้ง แต่จริงๆแล้ว สายน้ำผึ้งก็แค่ตัวทำคะตะลิสต์ที่คอยเร่งปฎิกิริยาให้เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น และบทนี้เติมเข้ามา ก็ให้เกิดความ แซ่บ ที่คอละครชอบหนักชอบหนา ซึ่งเป็นโชคดีของละครช่อง 3 ที่สามารถดูย้อนหลังได้ และเราก็เลือกทางนั้น ข้ามผ่านฉากไร้สาระ ที่ไม่ชอบได้ เช่นฉากสายน้ำผึ้งป่วน กะรัตสติแตก
แต่ถ้าดูอย่างใช้สมอง ละครเรื่องนี้ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่เป็นอย่างมาก นี่ดีที่แค่เริ่มต้นไม่ได้มีลูกมาเกี่ยวข้อง ไม่งั้นการแก้สมการยุ่งเหยิงแน่
เรื่องราวเมื่อคืนคือสารสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเพลงประกอบถ่ายทอดออกมาได้ลงตัว นั่นคือเพลงที่ว่า "ความรักของเราสองคน ก็คือเรื่องของเราสองคน อย่าไปสนไปฟังเหตุผล ไม่ว่าคนไหนจะพูดยังไง" เราถึงกับน้ำตาไหลตอนที่พิศุทมองหน้ากะรัตนิ่งๆตอนที่กะรัตจะขว้างแหวนแต่งงานคืนให้หลังเซ็นต์หย่า
ความไว้เนื่อเชื่อใจในคนของตัวเองต่างหากที่จะยึดเหนี่ยวชีวิตคู่ได้ ซึ่งกะรัตไม่เคยมีให้พิศุทเลย อย่างที่ก๋งว่า
"ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู ลื้อต้องคิดว่าคนของลื้อดีไว้ก่อน เหมือนกับแหวนที่ลื้อใส่ ใครจะมาเอาไปได้ ถ้าไม่ใช่ลื้อเป็นคนเขวี้ยงออกไปเอง"
สาเหตุหลักของความพังพินาศครั้งนี้ ก็คือการใช้อารมณ์มากเกินไป จนขาดสติของกะรัต ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย อย่าลืมว่าทุกคนมีขีดจำกัดความอดทน อย่ามาโทษคุณพิศุทว่าปากหนัก ไม่พูดอะไร ไม่อธิบาย คนขาดสติคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง คุณพิศุทให้โอกาสกี่ครั้งแล้ว ถ้าจะโทษพิศุทก็ต้องโทษที่ รีบแต่งเร็วไป น่าจะลองคบซักหนึ่งปีก่อน แล้วค่อยแต่ง
นอกจากนี้เรายังได้เห็นแม่สองแบบ เนื่องจากเรามีลูก จึงสนใจการกระทำของเนื้อแพรและพวงหยกเป็นพิเศษ การเลี้ยงดูที่ต่างกันทำให้ลูกต่างกันไป เนื้อแพรคือแม่อย่างที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ลูกได้คิดเอง บินเอง แต่ก็พร้อมปกป้องและรองรับวันที่ลูกปีกหัก ส่วนพวงหยกทำให้เราเศร้ามาก เศร้าแทนลูกๆที่มีแม่แบบนี้ แม่ประสาอะไร ทำทุกอย่างให้ชีวิตคู่ลูกล้มเหลว (เหมือนตัวเอง) คุณยังยิ้มมีความสุขได้ยังไงที่เห็นลูกคุณร้อนรน ทุกข์ใจ ร้องไห้ นี่คือแม่ที่เอาความล้มเหลวของตัวเองมาทำลายชีวิตลูก
สายนำ้ผึ้งสำหรับเรา ตอนแรกคือสมเพช สมเพชที่ไม่รู้จักความพอดีในชีวิต แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นรังเกียจละ เพราะถ้าหยุดตั้งแต่กะรัตแยกทางกับพิศุทก็จะน่าจะพอตามที่ปมของสายน้ำผึ้งนำพาให้กระทำเช่นนี้ แต่นี่เลยไปถึงทำร้ายจิตใจพิศุท คนที่ยื่นมือช่วยเหลือตัวเองไม่รู้กี่ครั้ง ดั่งงูเห่าแว้งกัดชาวนา เหมือนที่พิศุทคับแค้นใจนักหนาว่าเขาไปทำอะไรผึ้งเจ็บแค้นนัก ความ dark ของสายน้ำผึ้งลองไปอ่านมุมมองของคนเขียนบทดูนะคะ
ppantip.com/topic/31834648/comment32
น่าสนใจทีเดียว ที่ว่าผึ้งเป็นพวกมโนเข้าข้างตัวเอง เพราะมันจะมีอยู่เยอะเลยค่ะ คนประเภทนี้ในสังคมปัจจุบันขึ้นอยู่ว่าใครจะมากหรือน้อยเท่านั้น
สำหรับเรา เราว่าได้อะไรเยอะค่ะกับละครเรื่องนี้ การใช้สติ บทบาทของแม่ในชีวิตคู่ของลูก การระมัดระวังที่จะช่วยเหลือใครสักคน อย่าให้เกิดการมโนแปลเจตนาผิด หลงเข้ามาดูแล้ว ไม่ผิดหวังเลย อีกอย่างนักแสดงก็เต็มที่ด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้