................จากเพลงเรือเล็กฯ มาจนถึงเพลงนี้ .............
เห็นได้ชัดว่าอัลบั้มนี้คือการเปลี่ยนแปลงแบบ Major change เนื้อหาเพลงที่ต่างจากอัลบั้มคราม วิธีการคิด ดนตรี และการถ่ายทอดสู่คนฟัง ถ้าไม่มีพี่ตูนร้องนี่นึกว่าเป็นวงอื่นไปซะแล้ว แหม่
พูดถึงเพลงนี้ ชื่อเพลงก็บอกแล้วว่ามาแนวปรัชญาสุดๆ ทำนองและเนื้อร้องที่พี่ตูนแต่งเองยังคงเป็นเอกลักษณ์คุ้นหูเช่นเคย ดนตรีที่ผมฟังครั้งแรกแล้วคิดเลยว่า โอ้โห ซับซ้อนดีจัง คือทำเพลงเริ่มไม่ตลาดและเน้นโชว์ดนตรีมากขึ้น คีย์บอร์ดที่ผมคิดว่าแอบเด่นกว่ากีตาร์ ไลน์กลองที่ซับซ้อนขึ้น แพทเทิร์นกลองช่วงฮุกหลังๆและทางคอร์ดนี่นึกไปถึงเพลงคราม การสื่อเนื้อหาของเอ็มวีนี่อารมณ์ไม่หนีไปจากเรือเล็กฯสักเท่าไร ส่วนถ้าเทียบกับเรือเล็กฯแล้วเพลงไหนชัดเจนในเรื่องของคอนเซปท์อัลบั้มนี้มากกว่ากัน ผมยกให้เพลงนี้นะ เป็นการนำเสนอวิธีคิดแบบปรัชญาผ่านดนตรีที่ค่อนข้างดีเลยล่ะ เรื่องเพลงเดี๋ยวผมขอไปฟังแบบเก็บรายละเอียดอีกสักรอบละกัน เผื่อจะนึกอะไรออกบ้าง
แต่ถ้าถามว่าเพลงนี้จะดังไหม ในความคิดผมคือเพลงมันไม่ป็อป ซึ่งถ้ามันมาอยู่กับวงป็อป ยังไงมันก็ป็อปอยู่วันยังค่ำ อันนี้จริงหรือไม่ต้องดูกันต่อไป เพราะbodyslam ถ้าพูดแบบไม่อ้อมค้อมก็คือเป็นวงดนตรีเบอร์หนึ่งของไทยนั่นแหละ ออกเพลงไหนมาก็ดัง ขนาดตอนเรือเล็กฯออกมาแรกๆผมคิดว่าค่อนข้างฟังยากกว่าอัลบั้มก่อนๆ แต่สุดท้ายก็ร้องได้ทั่วทั้งเมืองตั้งแต่เด็กเล็กยันพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว
นิดนึงกับวงนี้ ผมคิดว่าวงนี้เริ่มทำเนื้อหาเพลงที่ค่อนข้างซ้ำๆเดิม ใช่อยู่ที่ว่ามันดี แต่มันเหมือนไม่ค่อยฉีกตัวเองออกไปสักเท่าไร ที่ชัดเจนคือเนื้อหาแบบปรัชญา แบบให้กำลังใจชีวิต หรือแม้แต่เรื่องสังคม การใช้ชีวิต ซึ่งยุคหลังๆทางวงไม่ค่อยทำเนื้อหาแบบรักๆใคร่ๆสักเท่าไร สังเกตได้ว่าจะมีคำว่า"ชีวิต" อยู่ในเนื้อเพลงแทบทุกเพลง คือผมไม่ได้แอนตี้นะครับ ทุกอย่างมันดี มันลงตัว ฟังแล้วเพลินอันนี้โอเค แต่อยากให้วงนี้ทำเนื้อหาอีกมุมมองหนึ่งที่มันแตกต่างออกไป ผมว่าวงนี้จะน่าสนใจมากขึ้นเยอะเลยละครับ
** เพิ่มเติมครับ หลังจากที่ฟังซ้ำๆมาเกือบสิบรอบ **
ดนตรีก่อนนะครับ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดส่วนตัวคิดว่าเป็นคีย์บอร์ดและเสียงsync ที่เกาะไปตามเพลงตลอดเวลา สร้างมิติให้กับเพลงเป็นอย่างมาก และเสียงประสานของพี่โอมมือคีย์บอร์ดทำให้เพลงมีเมโลดี้ที่ชัดเจน(เชื่อว่าส่วนนี้แหละจะทำให้เพลงติดหูง่ายขึ้น) รองลงมาเป็นกลอง ที่ใส่มาเยอะ แต่มันเยอะจนเกินไป จนมันดูรก แต่กลองนี่แหละครับทำให้ท่อนฮุกโดดเด่นขึ้นมาด้วยจังหวะที่เร็วและกระเดื่องคู่ที่มาเป็นลูกๆตึ้บๆเต็มหู(หนักแน่นจริงๆนะให้ตายเหอะ) มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์มาเพิ่มสีสันนิดนึง ต่อไปเป็นเบสที่มาแบบพื้นๆครับ มีช่วงโดดเด่นอยู่เป็นระยะ ท่อนเบสก่อนขึ้นไปท่อนรองฮุกนี่กระชากใจผมได้ดีทีเดียว สุดท้ายมาจบที่กีตาร์ที่ผมคิดว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีความโดดเด่น คือมันโดนคีย์บอร์ดกลบไปหมดแล้ว ไม่มีท่อนแยกที่ชัดเจน คือมันไม่ชัดจนน่าตกใจอ่ะครับ ประมาณว่าไม่ต้องมีกีตาร์ตรูก็มันส์ได้เหมือนเดิม เหมือนอัลบั้มนี้จะเน้นไปทางลูกเล่นและมิติของเพลงที่พยายามแหวกแนวจากอัลบั้มที่ผ่านๆมา(แหงล่ะ)
มาที่เรื่องเนื้อเพลงนะครับ บอกตรงสำหรับผมเข้าใจยาก คือมันปรัชญามากๆเลย เรือเล็กฯพอฟังได้นะ แต่เพลงนี้หูผมไม่ถึงจริงๆ การที่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีนี่ผมไม่ถนัดเลย แต่เอาเป็นว่าผมเป็นคนส่วนน้อยที่รู้สึกเฉยๆกับเนื้อเพลงก็แล้วกันครับ
สรุปว่าเพลงนี้สำหรับผมให้สามผ่านครับ นับถือเรื่องดนตรีที่แหวกออกมาอีกขั้นสำหรับวงป็อปร็อกวงนี้ จากนี้คงต้องดูซิงเกิ้ลต่อๆไปว่าจะเป็นทิศทางไหน (แต่เอาเข้าจริงๆ เรือเล็กฯกับเพลงนี้อารมณ์เกือบอยู่ในโทนๆเดียวกัน) ติดตามกันต่อไปครับ
[CR] วิจารณ์เพลง "dharmajāti" (ดัม-มะ-ชา-ติ) Bodyslam ฉบับฟังรอบเดียว
................จากเพลงเรือเล็กฯ มาจนถึงเพลงนี้ .............
เห็นได้ชัดว่าอัลบั้มนี้คือการเปลี่ยนแปลงแบบ Major change เนื้อหาเพลงที่ต่างจากอัลบั้มคราม วิธีการคิด ดนตรี และการถ่ายทอดสู่คนฟัง ถ้าไม่มีพี่ตูนร้องนี่นึกว่าเป็นวงอื่นไปซะแล้ว แหม่
พูดถึงเพลงนี้ ชื่อเพลงก็บอกแล้วว่ามาแนวปรัชญาสุดๆ ทำนองและเนื้อร้องที่พี่ตูนแต่งเองยังคงเป็นเอกลักษณ์คุ้นหูเช่นเคย ดนตรีที่ผมฟังครั้งแรกแล้วคิดเลยว่า โอ้โห ซับซ้อนดีจัง คือทำเพลงเริ่มไม่ตลาดและเน้นโชว์ดนตรีมากขึ้น คีย์บอร์ดที่ผมคิดว่าแอบเด่นกว่ากีตาร์ ไลน์กลองที่ซับซ้อนขึ้น แพทเทิร์นกลองช่วงฮุกหลังๆและทางคอร์ดนี่นึกไปถึงเพลงคราม การสื่อเนื้อหาของเอ็มวีนี่อารมณ์ไม่หนีไปจากเรือเล็กฯสักเท่าไร ส่วนถ้าเทียบกับเรือเล็กฯแล้วเพลงไหนชัดเจนในเรื่องของคอนเซปท์อัลบั้มนี้มากกว่ากัน ผมยกให้เพลงนี้นะ เป็นการนำเสนอวิธีคิดแบบปรัชญาผ่านดนตรีที่ค่อนข้างดีเลยล่ะ เรื่องเพลงเดี๋ยวผมขอไปฟังแบบเก็บรายละเอียดอีกสักรอบละกัน เผื่อจะนึกอะไรออกบ้าง
แต่ถ้าถามว่าเพลงนี้จะดังไหม ในความคิดผมคือเพลงมันไม่ป็อป ซึ่งถ้ามันมาอยู่กับวงป็อป ยังไงมันก็ป็อปอยู่วันยังค่ำ อันนี้จริงหรือไม่ต้องดูกันต่อไป เพราะbodyslam ถ้าพูดแบบไม่อ้อมค้อมก็คือเป็นวงดนตรีเบอร์หนึ่งของไทยนั่นแหละ ออกเพลงไหนมาก็ดัง ขนาดตอนเรือเล็กฯออกมาแรกๆผมคิดว่าค่อนข้างฟังยากกว่าอัลบั้มก่อนๆ แต่สุดท้ายก็ร้องได้ทั่วทั้งเมืองตั้งแต่เด็กเล็กยันพ่อค้าขายก๋วยเตี๋ยว
นิดนึงกับวงนี้ ผมคิดว่าวงนี้เริ่มทำเนื้อหาเพลงที่ค่อนข้างซ้ำๆเดิม ใช่อยู่ที่ว่ามันดี แต่มันเหมือนไม่ค่อยฉีกตัวเองออกไปสักเท่าไร ที่ชัดเจนคือเนื้อหาแบบปรัชญา แบบให้กำลังใจชีวิต หรือแม้แต่เรื่องสังคม การใช้ชีวิต ซึ่งยุคหลังๆทางวงไม่ค่อยทำเนื้อหาแบบรักๆใคร่ๆสักเท่าไร สังเกตได้ว่าจะมีคำว่า"ชีวิต" อยู่ในเนื้อเพลงแทบทุกเพลง คือผมไม่ได้แอนตี้นะครับ ทุกอย่างมันดี มันลงตัว ฟังแล้วเพลินอันนี้โอเค แต่อยากให้วงนี้ทำเนื้อหาอีกมุมมองหนึ่งที่มันแตกต่างออกไป ผมว่าวงนี้จะน่าสนใจมากขึ้นเยอะเลยละครับ
** เพิ่มเติมครับ หลังจากที่ฟังซ้ำๆมาเกือบสิบรอบ **
ดนตรีก่อนนะครับ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดส่วนตัวคิดว่าเป็นคีย์บอร์ดและเสียงsync ที่เกาะไปตามเพลงตลอดเวลา สร้างมิติให้กับเพลงเป็นอย่างมาก และเสียงประสานของพี่โอมมือคีย์บอร์ดทำให้เพลงมีเมโลดี้ที่ชัดเจน(เชื่อว่าส่วนนี้แหละจะทำให้เพลงติดหูง่ายขึ้น) รองลงมาเป็นกลอง ที่ใส่มาเยอะ แต่มันเยอะจนเกินไป จนมันดูรก แต่กลองนี่แหละครับทำให้ท่อนฮุกโดดเด่นขึ้นมาด้วยจังหวะที่เร็วและกระเดื่องคู่ที่มาเป็นลูกๆตึ้บๆเต็มหู(หนักแน่นจริงๆนะให้ตายเหอะ) มีเสียงอิเล็กทรอนิกส์มาเพิ่มสีสันนิดนึง ต่อไปเป็นเบสที่มาแบบพื้นๆครับ มีช่วงโดดเด่นอยู่เป็นระยะ ท่อนเบสก่อนขึ้นไปท่อนรองฮุกนี่กระชากใจผมได้ดีทีเดียว สุดท้ายมาจบที่กีตาร์ที่ผมคิดว่าไม่มีอะไรเลย ไม่มีความโดดเด่น คือมันโดนคีย์บอร์ดกลบไปหมดแล้ว ไม่มีท่อนแยกที่ชัดเจน คือมันไม่ชัดจนน่าตกใจอ่ะครับ ประมาณว่าไม่ต้องมีกีตาร์ตรูก็มันส์ได้เหมือนเดิม เหมือนอัลบั้มนี้จะเน้นไปทางลูกเล่นและมิติของเพลงที่พยายามแหวกแนวจากอัลบั้มที่ผ่านๆมา(แหงล่ะ)
มาที่เรื่องเนื้อเพลงนะครับ บอกตรงสำหรับผมเข้าใจยาก คือมันปรัชญามากๆเลย เรือเล็กฯพอฟังได้นะ แต่เพลงนี้หูผมไม่ถึงจริงๆ การที่ต้องแปลไทยเป็นไทยอีกทีนี่ผมไม่ถนัดเลย แต่เอาเป็นว่าผมเป็นคนส่วนน้อยที่รู้สึกเฉยๆกับเนื้อเพลงก็แล้วกันครับ
สรุปว่าเพลงนี้สำหรับผมให้สามผ่านครับ นับถือเรื่องดนตรีที่แหวกออกมาอีกขั้นสำหรับวงป็อปร็อกวงนี้ จากนี้คงต้องดูซิงเกิ้ลต่อๆไปว่าจะเป็นทิศทางไหน (แต่เอาเข้าจริงๆ เรือเล็กฯกับเพลงนี้อารมณ์เกือบอยู่ในโทนๆเดียวกัน) ติดตามกันต่อไปครับ