...ครับ พอดีผมมีโอกาสได้ดูละครเวที"มานีกับชูใจ" รอบครอบครัวจากความอนุเคราะห์ของผู้ใหญ่ท่านนึง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้ดูละครเวทีอย่างเป็นทางการ
เลยขออนุญาตมาเล่าสู่กันฟังในสายตาของ"คนธรรมดา"ที่ไม่ใช่นักวิจารณ์อาชีพ เพื่อเป็นการส่งมอบความประทับใจและอาจเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจไปดูของอีกหลายๆท่านนะครับ
สำหรับละครเวทีเรื่องนี้ จากสูจิบัตรหน้างานได้ระบุไว้ว่ามาจากละครเวทีของคณะสถาปัตย์ จุฬาฯที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้ว มาครั้งนี้...โดยความรับผิดชอบของผู้กำกับคนเดิมและทีมงานที่คุ้นเคย จึงทำให้รู้สึกว่าละครเรื่องนี้มีกลิ่นอายของความเป็นกันเอง ด้วยบทสนทนาที่ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนได้นั่งมอง"เพื่อน"กลุ่มนึงมาคุยให้ฟัง ไม่ใช่มาชมการแสดง รวมทั้งมุกตลกที่สดใหม่ ทันเหตุการณ์ และความ"ใส"ของเนื้อหา ที่เสริมสร้างสังคมและให้ข้อคิดหลายอย่างในการดำรงชีวิต และความเป็น"เพื่อน"
เมื่อถูกสร้างโดยกลุ่มคนที่คุ้นเคย และผ่านบทเรียนนี้มาด้วยกัน เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวจึงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงาม
ตลอดเวลาของละคร มีหลายช่วงที่ผมนั่งยิ้มมุมปาก บางทีก็ถึงกับต้องหัวเราะออกมาดังๆ
...แล้วก็แอบน้ำตาคลอ กับ"ฉากนั้น"ของปิติ
ผมว่าละครเวทีเรื่องนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถพาสมาชิกในบ้านมานั่งชม มานั่งหัวเราะร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งผมได้ยินกลุ่มผู้ชมบางกลุ่มที่เป็น"ผู้ใหญ่"ที่เคยผ่านบทเรียนเหล่านี้นั่งอธิบายให้"เด็ก"อีกรุ่นหนึ่งฟังว่าใครเป็นใคร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ทำให้"มานี ชูใจ ปิติ เพชร" และอีกหลายๆคนยังคงได้วิ่งโลดแล่นอยู่ในจินตนาการ จากรุ่นสู่รุ่น
หลังจากที่ได้ดู ผมถึงกับต้องไปรื้อกองหนังสือกองใหญ่ ที่"ปัจจุบัน"ได้ทับถม"อดีต"จนหายไปจากสายตา และจากความทรงจำ
ซึ่งพอเปิดอ่าน "เพื่อน"ก็ยังคงต้อนรับผมอย่างอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง
......
ใครที่เคยมีเพื่อนกลุ่มนี้
ใครที่เคยเสียน้ำตาเมื่ออ่านหนังสือถึงตอน"ม้า"ของปิติ "แม่"ของเพชร
ใครเคยอยากรู้ว่าใน"สถูป"มันมีอะไรกันนะ ทำไมทุกคนชอบไปเล่นกันจัง (อยากบอกว่า...ผมเองก็เคยแอบอยากรู้นะ
กลับมาหาเพื่อน ...สักครั้งดีไหม
นานเท่าไหร่แล้ว...ที่คุณลืมเด็กหญิงเด็กชายเล็กๆในตัวคุณ
ถึงเวลาหรือยัง...ที่เราจะเอื้อมมือล้วงไปหยิบตำราเรียนเล่มน้อย ที่อาจจะแอบซุกไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของลิ้นชัก
วันนี้.. เพื่อนของเราออกมาจากหนังสือ เพื่อเติมเต็มจินตนาการที่เคยมีในวัยเยาว์
ได้เวลาแล้วสินะ...สำหรับคำๆนี้
"...ออกมาเล่นกันเถอะ ...ออกมาเล่นกันเถอะ"
ปล. ปิติ = ไมเคิล แจ็คสัน
ปล.2 เนื่องจากผมถ่ายรูปตอนการแสดงจบ และผู้ชมเยอะมาก ภาพเลยออกมาดังต่อไปนี้น่ะครับ-*- ถ้าขนาดใหญ่ไปผมต้องขอโทษด้วยนะครับผมย่อไม่เป็นTvT
ละครเวที"มานีกับชูใจ" ...ถึงบางสิ่งที่หลงหายไปในกาลเวลา:)
เลยขออนุญาตมาเล่าสู่กันฟังในสายตาของ"คนธรรมดา"ที่ไม่ใช่นักวิจารณ์อาชีพ เพื่อเป็นการส่งมอบความประทับใจและอาจเป็นประโยชน์สำหรับการตัดสินใจไปดูของอีกหลายๆท่านนะครับ
สำหรับละครเวทีเรื่องนี้ จากสูจิบัตรหน้างานได้ระบุไว้ว่ามาจากละครเวทีของคณะสถาปัตย์ จุฬาฯที่เคยสร้างความประทับใจมาแล้ว มาครั้งนี้...โดยความรับผิดชอบของผู้กำกับคนเดิมและทีมงานที่คุ้นเคย จึงทำให้รู้สึกว่าละครเรื่องนี้มีกลิ่นอายของความเป็นกันเอง ด้วยบทสนทนาที่ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนได้นั่งมอง"เพื่อน"กลุ่มนึงมาคุยให้ฟัง ไม่ใช่มาชมการแสดง รวมทั้งมุกตลกที่สดใหม่ ทันเหตุการณ์ และความ"ใส"ของเนื้อหา ที่เสริมสร้างสังคมและให้ข้อคิดหลายอย่างในการดำรงชีวิต และความเป็น"เพื่อน"
เมื่อถูกสร้างโดยกลุ่มคนที่คุ้นเคย และผ่านบทเรียนนี้มาด้วยกัน เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวจึงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างงดงาม
ตลอดเวลาของละคร มีหลายช่วงที่ผมนั่งยิ้มมุมปาก บางทีก็ถึงกับต้องหัวเราะออกมาดังๆ
...แล้วก็แอบน้ำตาคลอ กับ"ฉากนั้น"ของปิติ
ผมว่าละครเวทีเรื่องนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถพาสมาชิกในบ้านมานั่งชม มานั่งหัวเราะร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งผมได้ยินกลุ่มผู้ชมบางกลุ่มที่เป็น"ผู้ใหญ่"ที่เคยผ่านบทเรียนเหล่านี้นั่งอธิบายให้"เด็ก"อีกรุ่นหนึ่งฟังว่าใครเป็นใคร มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ทำให้"มานี ชูใจ ปิติ เพชร" และอีกหลายๆคนยังคงได้วิ่งโลดแล่นอยู่ในจินตนาการ จากรุ่นสู่รุ่น
หลังจากที่ได้ดู ผมถึงกับต้องไปรื้อกองหนังสือกองใหญ่ ที่"ปัจจุบัน"ได้ทับถม"อดีต"จนหายไปจากสายตา และจากความทรงจำ
ซึ่งพอเปิดอ่าน "เพื่อน"ก็ยังคงต้อนรับผมอย่างอบอุ่นเหมือนทุกครั้ง
......
ใครที่เคยมีเพื่อนกลุ่มนี้
ใครที่เคยเสียน้ำตาเมื่ออ่านหนังสือถึงตอน"ม้า"ของปิติ "แม่"ของเพชร
ใครเคยอยากรู้ว่าใน"สถูป"มันมีอะไรกันนะ ทำไมทุกคนชอบไปเล่นกันจัง (อยากบอกว่า...ผมเองก็เคยแอบอยากรู้นะ
กลับมาหาเพื่อน ...สักครั้งดีไหม
นานเท่าไหร่แล้ว...ที่คุณลืมเด็กหญิงเด็กชายเล็กๆในตัวคุณ
ถึงเวลาหรือยัง...ที่เราจะเอื้อมมือล้วงไปหยิบตำราเรียนเล่มน้อย ที่อาจจะแอบซุกไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของลิ้นชัก
วันนี้.. เพื่อนของเราออกมาจากหนังสือ เพื่อเติมเต็มจินตนาการที่เคยมีในวัยเยาว์
ได้เวลาแล้วสินะ...สำหรับคำๆนี้
"...ออกมาเล่นกันเถอะ ...ออกมาเล่นกันเถอะ"
ปล. ปิติ = ไมเคิล แจ็คสัน
ปล.2 เนื่องจากผมถ่ายรูปตอนการแสดงจบ และผู้ชมเยอะมาก ภาพเลยออกมาดังต่อไปนี้น่ะครับ-*- ถ้าขนาดใหญ่ไปผมต้องขอโทษด้วยนะครับผมย่อไม่เป็นTvT