. ....การหยุดคิดเเล..ทบทวนความคิด ..เป็นสิ่งจำเป็น..หากเพียงเชื่อ..สิ่งที่เห็น..หรือได้ยิน..บางทีนั่น..ไม่ใช่ความจริง......
...........ดูท่าจะต้องบอกกันซ้ำๆเพื่อความเข้าใจ ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้นหาใช่ความขัดเเย้งของ ยิ่งลักษณ์กับสุเทพ หรือความขัดเเย้งของทักษิณกับผู้มีอำนาจหากเเต่ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้นมาถึงทุกวันนี้ คือความขัดเเย้งของความต้องการที่ไม่ตรงกันของประชาชน กับกลุ่มผู้ควบคุมถืออำนาจอยู่ในมือ นั่นต่างหากที่เป็นความขัดเเย้ง ขัดเเย้งเพราะประชาชนต้องการใช้อำนาจที่เป็นของประชาชน เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนฝ่ายที่คุมอำนาจต้องการรัฐบาลที่เชื่อฟังสั่งได้ หรือพรรคการเมืองที่ฝ่ายตน มีอำนาจอยู่เบื่องหลัง
ความเข้าใจเเละความต้องการของประชาชน มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการประเทศ ที่อีกฝ่ายยึดครองเเละควบคุมมานาน จึงเกิดการยื้อเเย่งอำนาจกันขึ้นมา ส่วนตัวละครที่เกิดขึ้นเหล่านี้คือตัวเเทนของเเต่ระฝ่ายที่ต่างฝ่ายส่งให้ออกมาเพื่อต่อสุ้ช่วงชิง อำนาจด้วยวิธีการที่ต่างกัน ฝ่ายประชาชนต้องการใช้อำนาจในระบอบประชาธิปไตยที่เสียงส่วนใหญ่คัดเลือกเข้ามา เเต่ฝ่ายผู้คุมอำนาจต้องการเเต่งตั้งหรือเรียกให้สะสวยคือคัดสรร โดยคนของตน ..เข้าใจตรงกันนะ (ยืมคำ..ตัน อิชิตัน)
ล้างสมองคำๆนี้ฝ่ายผู้ถือดุลอำนาจได้ใช้กันมายาวนาน ที่ชัดที่สุดในสมัยที่มีการกล่าวอ้างถึงคอมมิวนิสต์ การโยนคำพูดคอมมิวนัสต์ไส่ใคร นั่นคือการโยนภาพเเละเสียงทั้งกองไปไส่คนๆนั้นหรือกลุ่มๆนั้น เเบบไม่ต้องอธิบาย เหตุเพราะการสร้างภาพคอมมิวนิสต์ให้มันดูเลวร้าย ชั่วร้าย ด้วยวาทะกรรมต่างๆ เช่นคอมมิวนิสต์ สอนให้ไม่นับถือพ่อเเม่ คอมมิวนิสต์สอนให้ทำร้ายเข่นฆ่าพ่อเเม่พี่น้อง อีกสารพัดที่ล้วนเเต่เป็นความเท็จมากมาย
การล้างสมองยังถูกสอดเเทรกไปทั่วรวมไปถึงสิ่อมวลชน ที่ถือเป็นจักรสำคัญในการกระจายเผยเเพร่สิ่งต่างๆ เหล่านี้เเม้ผ่านมาไม่รู้กี่ยุคสมัยกัยังใช้ได้เเม้ปัจจุบัน เเต่..การสื่อสารวันนี้ต่างกันตรงที่ขอบเขตที่ไม่จำกัด เช่นเคย ทีวีมี4-5ช่อง วิทยุอยู่ในการควบคุมของทางการเเละฝ่ายทหาร จึงสามารถจำกัดเเละกำหนดทิศทางการสื่อสารหรือให้ข่าวไปในเเนวทางเดียวกัน คนเราเมื่อฟังอะไรที่ซ้ำๆ บ่อยๆ จากหลายๆคนพูด มักเชื่อในสิ่งเหล่านั้นโดยขากการไตร่ตรองหาข้อเท็จจริง
เหมือนฟังเพลงซ้ำๆ บ่อยๆจนสามารถร้องตามได้ ผมเรียกมันว่าคือการยัดเข้าไปในสมอง สังคมยังมีคนเหล่านี้จำนวนมากพอสมควร ที่ยังคงเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเเละมองเห็น จากภาพที่มีการตกเเต่งเติมสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการ การกระทำเช่นนี้หาได้หายไปยังคงมีหน่วยงาน หรือบางเเห่งใช้คำว่าวอร์รูม เพื่อดำเนินการเช่นนี้ตราบจนปัจจุบัน
ล้างสมองจึงยังคงมีความจำเป็นของฝ่ายที่ต้องการอำนาจ สื่อมวลชนยังคงทำหน้าที่เช่นเดิม การกำหนดทิศทางข่าวของประเทศจึงขึ้นอยู่กับคนไม่กี่คนที่เป็นฝ่ายจัดการ คำว่าสื่อกระเเสหลัก คือการกำหนดหัวข้อให้สื่อไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะเห็นได้จากการปั่นกระเเสเรื่องใดให้เกิดเป็นประเด็น อาจมีใครบางคนพยายามเรียกร้องให้สื่อทำหน้าที่เป็นกลาง หากไตร่ตรองด้วยความเป็นจริง...ทำไม่ได้
เนื่องจากเจ้าของสื่อต้องพึงพาอาศัย อีกทั้งสื่อที่เติบโตมาได้ส่วนใหญ่ ก็มาจากเครือข่าย วานกอของกลุ่มคนเหล่านั้น กลืนกินกันเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน เป็นฝ่ายเดียวกัน หายากหากต้องการให้สื่อทำหน้าที่เเบบเป็นกลาง เเม้เเต่องค์กรสื่อมวลชน ไม่ว่าสมาคมผู้สื่อข่าวหรือสมาคมสื่ออะไรส่วนใหญ่ก็เล่นพวกพ้องช่วยกันเอง อย่างที่ประชาชนอย่างเราๆท่านๆได้พบเห็นกันบ่อยครั้ง...
การล้างสมองมีการทำกันมาตั้งเเต่วัยเรียนจนจบออกมาทำงาน การล้างสมองมีอยู่ทั่วไปเพียงเเต่จะมีใครฉุกคิด ตามตรรกะที่เป็นจริง ความน่ากลัวของการโดนล้างสมองคือการเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังได้เห็นภาพ เเละมีอารมณ์ร่วม จนนำไปสู่ความเกลียดชัง หากมีใครสักคน ที่เรารู้สึกเกลียดโดยที่ไม่ได้พบเจอกัน ไม่เคยรู้จักพูดคุย ไม่เคยสัมผัสในช่องทางใดๆเเต่เสพจากสื่อเเล้วตัดสินใจเชื่อ คุณมีความรู้สึกว่าเกลียดคนๆนั้น อย่างที่สามารถไปทำร้ายเค้าได้ นั่นคือคุณโดนล้างสมองไปเรียบร้อยเเล้ว
การตกเป็นเหยื่อของการโดนล้างสมองมีอยู่ทุกยุคสมัย เนื่องจากเป็นการทำที่ได้ผล เเละสามารถที่จะควบคุมการรักษาอำนาจนั้นไว้ได้ จึงมีการใช้การล้างสมองมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงเวลาที่ประชาชน ต้องเอาสมองตัวเองออกมาล้างเสียบ้าง ไม่ต้องเชื่อผม เเต่ให้เฝ้าสังเกตุ คิดอย่างมีเหตุผล ฟังอย่างเข้าใจเเล้วนำกลับไปคิด ชั่งน้ำหนักก่อนที่จะเชื่อ หาคำตอบก่อนที่จะเชื่อ เเต่ติงไว้เสียหน่อย การล้างสมองสมัยนี้ มีความซับซ้อนมากพอสมควร เนื่องจากตรรกะความคิดคนซับซ้อนขึ้น
ตรงนี้จึงเป็นคำตอบ ทำไมคนมีการศึกษาสูงๆ จบเเพทย์เรียนหมอ เป็นอาจารย์ จึงตกอยู่ใต้การล้างสมอง คนเราช่างจดจำ เเละที่สำคัญสมองคนออกเเบบมาเพื่อจดจำเรื่องเลวร้าย เพื่อช่วยให้มีชีวิตรอด การสอนให้ท่องจำคือการล้างสมองประเภทหนึ่ง การสั่งให้กระทำการซ้ำๆ ต่อเนื่องเเละยาวนานคือการปลูกฝังให้เชื่อ เเละความเชื่อเหล่านั้นคือความถุกต้อง จงอย่าเเปลกใจหากเราทำความเข้าใจ เราก็อยู่ร่วมกับคนที่โดนล้างสมองได้ เพียงเเต่เราต้องพยายามช่วยกัน ทำให้ความจริงมันปรากฎ การเอาชนะการล้างสมองคือการทำให้ค้นพบความจริง......นั่นคือทางออก
--------------------------ล้างสมอง------------------------(บทความที่ต้องอ่าน)
...........ดูท่าจะต้องบอกกันซ้ำๆเพื่อความเข้าใจ ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้นหาใช่ความขัดเเย้งของ ยิ่งลักษณ์กับสุเทพ หรือความขัดเเย้งของทักษิณกับผู้มีอำนาจหากเเต่ความขัดเเย้งที่เกิดขึ้นมาถึงทุกวันนี้ คือความขัดเเย้งของความต้องการที่ไม่ตรงกันของประชาชน กับกลุ่มผู้ควบคุมถืออำนาจอยู่ในมือ นั่นต่างหากที่เป็นความขัดเเย้ง ขัดเเย้งเพราะประชาชนต้องการใช้อำนาจที่เป็นของประชาชน เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนฝ่ายที่คุมอำนาจต้องการรัฐบาลที่เชื่อฟังสั่งได้ หรือพรรคการเมืองที่ฝ่ายตน มีอำนาจอยู่เบื่องหลัง
ความเข้าใจเเละความต้องการของประชาชน มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการประเทศ ที่อีกฝ่ายยึดครองเเละควบคุมมานาน จึงเกิดการยื้อเเย่งอำนาจกันขึ้นมา ส่วนตัวละครที่เกิดขึ้นเหล่านี้คือตัวเเทนของเเต่ระฝ่ายที่ต่างฝ่ายส่งให้ออกมาเพื่อต่อสุ้ช่วงชิง อำนาจด้วยวิธีการที่ต่างกัน ฝ่ายประชาชนต้องการใช้อำนาจในระบอบประชาธิปไตยที่เสียงส่วนใหญ่คัดเลือกเข้ามา เเต่ฝ่ายผู้คุมอำนาจต้องการเเต่งตั้งหรือเรียกให้สะสวยคือคัดสรร โดยคนของตน ..เข้าใจตรงกันนะ (ยืมคำ..ตัน อิชิตัน)
ล้างสมองคำๆนี้ฝ่ายผู้ถือดุลอำนาจได้ใช้กันมายาวนาน ที่ชัดที่สุดในสมัยที่มีการกล่าวอ้างถึงคอมมิวนิสต์ การโยนคำพูดคอมมิวนัสต์ไส่ใคร นั่นคือการโยนภาพเเละเสียงทั้งกองไปไส่คนๆนั้นหรือกลุ่มๆนั้น เเบบไม่ต้องอธิบาย เหตุเพราะการสร้างภาพคอมมิวนิสต์ให้มันดูเลวร้าย ชั่วร้าย ด้วยวาทะกรรมต่างๆ เช่นคอมมิวนิสต์ สอนให้ไม่นับถือพ่อเเม่ คอมมิวนิสต์สอนให้ทำร้ายเข่นฆ่าพ่อเเม่พี่น้อง อีกสารพัดที่ล้วนเเต่เป็นความเท็จมากมาย
การล้างสมองยังถูกสอดเเทรกไปทั่วรวมไปถึงสิ่อมวลชน ที่ถือเป็นจักรสำคัญในการกระจายเผยเเพร่สิ่งต่างๆ เหล่านี้เเม้ผ่านมาไม่รู้กี่ยุคสมัยกัยังใช้ได้เเม้ปัจจุบัน เเต่..การสื่อสารวันนี้ต่างกันตรงที่ขอบเขตที่ไม่จำกัด เช่นเคย ทีวีมี4-5ช่อง วิทยุอยู่ในการควบคุมของทางการเเละฝ่ายทหาร จึงสามารถจำกัดเเละกำหนดทิศทางการสื่อสารหรือให้ข่าวไปในเเนวทางเดียวกัน คนเราเมื่อฟังอะไรที่ซ้ำๆ บ่อยๆ จากหลายๆคนพูด มักเชื่อในสิ่งเหล่านั้นโดยขากการไตร่ตรองหาข้อเท็จจริง
เหมือนฟังเพลงซ้ำๆ บ่อยๆจนสามารถร้องตามได้ ผมเรียกมันว่าคือการยัดเข้าไปในสมอง สังคมยังมีคนเหล่านี้จำนวนมากพอสมควร ที่ยังคงเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเเละมองเห็น จากภาพที่มีการตกเเต่งเติมสิ่งที่ฝ่ายกุมอำนาจต้องการ การกระทำเช่นนี้หาได้หายไปยังคงมีหน่วยงาน หรือบางเเห่งใช้คำว่าวอร์รูม เพื่อดำเนินการเช่นนี้ตราบจนปัจจุบัน
ล้างสมองจึงยังคงมีความจำเป็นของฝ่ายที่ต้องการอำนาจ สื่อมวลชนยังคงทำหน้าที่เช่นเดิม การกำหนดทิศทางข่าวของประเทศจึงขึ้นอยู่กับคนไม่กี่คนที่เป็นฝ่ายจัดการ คำว่าสื่อกระเเสหลัก คือการกำหนดหัวข้อให้สื่อไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะเห็นได้จากการปั่นกระเเสเรื่องใดให้เกิดเป็นประเด็น อาจมีใครบางคนพยายามเรียกร้องให้สื่อทำหน้าที่เป็นกลาง หากไตร่ตรองด้วยความเป็นจริง...ทำไม่ได้
เนื่องจากเจ้าของสื่อต้องพึงพาอาศัย อีกทั้งสื่อที่เติบโตมาได้ส่วนใหญ่ ก็มาจากเครือข่าย วานกอของกลุ่มคนเหล่านั้น กลืนกินกันเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน เป็นฝ่ายเดียวกัน หายากหากต้องการให้สื่อทำหน้าที่เเบบเป็นกลาง เเม้เเต่องค์กรสื่อมวลชน ไม่ว่าสมาคมผู้สื่อข่าวหรือสมาคมสื่ออะไรส่วนใหญ่ก็เล่นพวกพ้องช่วยกันเอง อย่างที่ประชาชนอย่างเราๆท่านๆได้พบเห็นกันบ่อยครั้ง...
การล้างสมองมีการทำกันมาตั้งเเต่วัยเรียนจนจบออกมาทำงาน การล้างสมองมีอยู่ทั่วไปเพียงเเต่จะมีใครฉุกคิด ตามตรรกะที่เป็นจริง ความน่ากลัวของการโดนล้างสมองคือการเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังได้เห็นภาพ เเละมีอารมณ์ร่วม จนนำไปสู่ความเกลียดชัง หากมีใครสักคน ที่เรารู้สึกเกลียดโดยที่ไม่ได้พบเจอกัน ไม่เคยรู้จักพูดคุย ไม่เคยสัมผัสในช่องทางใดๆเเต่เสพจากสื่อเเล้วตัดสินใจเชื่อ คุณมีความรู้สึกว่าเกลียดคนๆนั้น อย่างที่สามารถไปทำร้ายเค้าได้ นั่นคือคุณโดนล้างสมองไปเรียบร้อยเเล้ว
การตกเป็นเหยื่อของการโดนล้างสมองมีอยู่ทุกยุคสมัย เนื่องจากเป็นการทำที่ได้ผล เเละสามารถที่จะควบคุมการรักษาอำนาจนั้นไว้ได้ จึงมีการใช้การล้างสมองมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงเวลาที่ประชาชน ต้องเอาสมองตัวเองออกมาล้างเสียบ้าง ไม่ต้องเชื่อผม เเต่ให้เฝ้าสังเกตุ คิดอย่างมีเหตุผล ฟังอย่างเข้าใจเเล้วนำกลับไปคิด ชั่งน้ำหนักก่อนที่จะเชื่อ หาคำตอบก่อนที่จะเชื่อ เเต่ติงไว้เสียหน่อย การล้างสมองสมัยนี้ มีความซับซ้อนมากพอสมควร เนื่องจากตรรกะความคิดคนซับซ้อนขึ้น
ตรงนี้จึงเป็นคำตอบ ทำไมคนมีการศึกษาสูงๆ จบเเพทย์เรียนหมอ เป็นอาจารย์ จึงตกอยู่ใต้การล้างสมอง คนเราช่างจดจำ เเละที่สำคัญสมองคนออกเเบบมาเพื่อจดจำเรื่องเลวร้าย เพื่อช่วยให้มีชีวิตรอด การสอนให้ท่องจำคือการล้างสมองประเภทหนึ่ง การสั่งให้กระทำการซ้ำๆ ต่อเนื่องเเละยาวนานคือการปลูกฝังให้เชื่อ เเละความเชื่อเหล่านั้นคือความถุกต้อง จงอย่าเเปลกใจหากเราทำความเข้าใจ เราก็อยู่ร่วมกับคนที่โดนล้างสมองได้ เพียงเเต่เราต้องพยายามช่วยกัน ทำให้ความจริงมันปรากฎ การเอาชนะการล้างสมองคือการทำให้ค้นพบความจริง......นั่นคือทางออก