[SR] รีวิว Samsung Galaxy S5 by bacidea (GadzBox Team)

กระทู้รีวิว


ก่อนจะเข้าเรื่อง ผมขอออกตัวก่อนว่ามีเวลาเล่น S5 เพียงไม่กี่วัน ดังนั้นอาจมีข้อมูลบางส่วนตกหล่น หรือคลาดเคลื่อนบ้าง ก็แจ้งเข้ามาได้ครับ

สเป็ก
- CPU Snapdragon 800 801
- RAM 2 GB
- Storage 16 GB (เหลือใช้จริงราว 11 GB)
- รองรับ Micro SD สูงสุด 128 GB
- หน้าจอ 5.1” Full HD 1920x1080 (432 PPI)
- กล้องหลัง 16 ล้าน กล้องหน้า 2.1 ล้าน
- รองรับการถ่ายคลิปความละเอียดสูงสุด 4K
- แบต 2800 mAh
- รองรับ USB 3.0 , การใช้งานรีโมท , รองรับ LTE , กันน้ำ กันฝุ่น (IP67) , เครื่องอ่านลายนิ้วมือ , วัดอัตราการเต้นหัวใจ , ANT+

รูปร่างและวัสดุ



เรื่องดีไซน์เป็นความชอบส่วนบุคคล แต่เท่าถามเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ไม่ชอบการออกแบบ โดยเฉพาะฝาหลังที่หลายคนล้อเลียนว่าเหมือนพลาสเตอร์ปิดแผล



เมื่อนำมาเทียบกับ LG G2 แล้ว S5 จะมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่รูปทรงของ G2 และ S4 จะถือกระชับมือกว่าครับ

แต่สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือ การแทนที่ปุ่ม menu ด้วยปุ่ม recent apps เหมือนชาวบ้านเค้าซักที ทำให้การสลับระหว่างแอพทำได้เร็วขึ้นมาก น่าใช้ขึ้นเยอะ



คราวนี้ซัมซุงเปลี่ยนปุ่ม home ให้กลายเป็นเครื่องอ่านลายนิ้วมือ ใช้ในการปลดล็อกเครื่อง หรือเข้าสู่ Private mode

เราสามารถลงทะเบียนได้ 3 นิ้ว แต่ประเด็นคือการใช้งานต้องรูดนิ้วลง โดยนิ้วต้องอยู่ในแนวตั้งให้มากที่สุด
ดังนั้นในการใช้งานจริง เรียกได้ว่าไม่สะดวกเลย ที่ต้องถือเครื่องวางมือต่ำๆ แล้วพยายามวางนิ้วให้เป็นแนวตั้ง... เว้นแต่จะใช้งาน 2 มือ

Galaxy S5 กันน้ำได้!



ซัมซุงบอกว่า S5 กันน้ำได้ แต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าระยะยาวจะกันน้ำไม่ได้ เนื่องจากผมใช้โซนี่มาหลายรุ่น และรู้ดีว่ารุ่นที่กันน้ำแต่ต้องเปิดจุกเพื่อเสียบชาร์จ ใช้ไประยะหนึ่งมันจะเสื่อม หลวมและกันน้ำไม่ได้

อีกประเด็นก็คือ S5 ถอดฝาหลังได้ ซึ่งผมเข้าใจว่าคล้ายๆกับกรณี Xperia V ก็คือกันน้ำได้จริง แต่หลังจากนั้นควรจะถอดฝาหลังออก เพื่อระบายความชื้น เพราะยางกันน้ำ ไม่ได้กันทั้งฝา แต่กันแค่บางส่วน ทำให้ความชื้นมันวนเวียนอยู่ใต้ฝาหลัง ซึ่งมีโอกาสทำให้เครื่องเสียได้

เรื่องที่หลายคนไม่รู้ และผมอยากเตือนก็คือ มือถือรุ่นที่กันน้ำได้ ไม่ควรใส่เคสลงน้ำ เพราะมันจะปิดกั้นการระบายน้ำออกจากตัวเครื่อง จนทำให้เครื่องชื้นและเสียหายได้

ดังนั้นเรื่องกันน้ำ ผมคิดว่า S5 ทำได้ในระดับการป้องกันอุบัติเหตุ เช่น น้ำหกใส่ แต่ไม่เหมาะจะเอาลงไปเล่นดำน้ำแล้วอัดคลิปมาดูเล่น

เรียบง่ายกว่าเดิม



เดิมทีซัมซุงขึ้นชื่อเรื่องการยัดฟีเจอร์ ยัดจนพื้นที่ใช้งานจริงเหลือน้อย ยัดมาเยอะจนใช้กันไม่หมด
...แต่สำหรับ S5 มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ทั้งด้าน UI/UX ที่เน้นความ flat และ simple มากขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกไป หรือเก็บไว้ลึกๆ ไม่เอามากองเหมือนที่เคยทำ



ถ้าเปิดเครื่องครั้งแรก แล้วเข้ามาดูว่าเหลือพื้นที่ให้ใช้งานเท่าไร จะเห็นว่าเหลือราวๆ 11.22 GB ถือว่าเยอะกว่าแต่ก่อนมาก



เนื่องจาก S5 มันคือโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นผมค่อนข้างซีเรียสกับ UI ส่วนของการโทร ...ผมขอชื่นชม UI ของการโทรและรายชื่อที่เปลี่ยนไป

ถ้าสังเกตดูแต่ก่อนมันจะแยกเป็น 2 แอพ ซึ่ง tab ด้านบนจะไม่เหมือนกัน แต่ตอนนี้การแสดงผลทั้ง 2 แอพเหมือนกันแล้ว ช่วยให้ flow การใช้งานลื่นขึ้นกว่าเดิม



อีกส่วนที่ผมชอบมากก็คือเรื่องของ UI กล้อง ที่ตัด mode ต่างๆออกไป และถ้าต้องการใช้ก็สามารถโหลดเพิ่มได้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนหน้าตาของกล้อง ทำให้ใช้งานได้ง่ายและเร็วขึ้นมาก

ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น



จากเดิมที่ S Health ทำตัวเหมือนผู้ช่วยในการดูแลสุขภาพ และออกกำลังกาย เช่น ช่วยนับก้าวการเดิน ตอนนี้ S5 ก็เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งคนออกกำลังกายน่าจะชอบ



แต่ถ้าต้องการเพียงแค่การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผมว่าแอพ Runtastic Heart Rate Pro ซึ่งมีราคาเพียง 50 บาทประหยัดกว่ามาก (มีตัวฟรีด้วย)

รีโมท



กลายเป็นฟีเจอร์พื้นฐานสำหรับมือถือรุ่นใหม่ไปแล้ว กับการยัดรีโมทมาให้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี เครื่องเสียง แอร์ และอื่นๆ

ใช้จริงได้มากขึ้น

Galaxy S5 มันมีดีที่ฟีเจอร์ครับ เรามาไล่ทีละอันเลยละกัน

Download booster



เมื่อก่อนถ้าจะโหลดไฟล์ใหญ่ๆ เราต้องเลือกว่าจะโหลดผ่าน Wi-Fi หรือ Mobile Data (3G, 4G) แต่ Download booster จะทำการควบรวมความเร็วของ 2 อย่างเข้าด้วยกัน ทำให้โหลดไฟล์ได้เร็วขึ้นมาก

Ultra power saving



เดิมทีเราคุ้นเคยกับระบบประหยัดแบตอยู่แล้ว แต่ Ultra power saving จะประหยัดมากกว่าเดิม มันทำให้แบตที่เคยอยู่ได้ 1 วัน กลายเป็น 10 วันได้เลยล่ะ

วิธีการก็คือ มันจะเปลี่ยนหน้าจอให้แสดงผลแบบขาว-ดำ และตัดลูกเล่นทุกอย่างออกให้หมด เรียกได้ว่ามันแปลงร่างจาก Smart Phone กลายเป็น Feature Phone เลย เพราะมันมีหน้าเดียว กดไปหน้าอื่นไม่ได้ โหมดนี้รองรับ Facebook และ Line ด้วย แต่เป็นโหมดขาว-ดำนะครับ

ข้อเสียก็คือการสลับเข้า-ออกโหมดนี้ ใช้เวลานานประมาณ 20 วินาที

Multi Window



ของที่ดีอยู่แล้วอย่างการเปิด 2 หน้าต่างพร้อมกัน ก็ยังคงมีมาให้ใช้งานได้

Private mode



สำหรับคนที่มีความลับก็มี Private mode ให้ใช้งาน โดยที่ต้องใส่รหัสหรือสแกนนิ้วก่อนเข้าสู่โหมดนี้

หลักการก็คือ มันจะทำการย้ายข้อมูลไปไว้ใน Private Folder ทำให้คนนอกไม่สามารถเข้าถึงได้

Toolbox



มันคือ shortcut ให้เข้าเรียกใช้แอพได้ด่วนๆ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้มีแอพอะไรบ้างใน Toolbox



และตัว Toolbox สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งไว้ที่ไหนก็ได้ และเมื่อไม่ใช้งานมันก็จะทำการ fade ตัวเอง

กล้องที่น่าใช้ขึ้น



เรื่องกล้องก็โฟกัสได้เร็วจริงตามที่โฆษณา (ซัมซุงบอกว่าโฟกัส 0.3 วินาที) แต่ยังขาดๆเกินๆ เช่น ระบบ Selective focus หรือ "ถ่ายก่อน โฟกัสทีหลัง" ซึ่งวัตถุต้องห่างกันอย่างน้อย 50 cm และการใช้งานจริงพบว่า S5 ไม่ฉลาดพอที่จะตรวจจับวัตถุ ทำให้หลายๆครั้งไม่สามารถใช้งาน Selective focus ได้



อีกส่วนของกล้องที่ผมชอบก็คือ S5 ได้รวบเอาหมวด Best photo, Best face, Drama shot, Eraser, Panning shot เข้ามาไว้ด้วยกันในภายใต้ Shot & more ทำให้เราไม่สับสนเวลาจะเลือกใช้งาน แค่เลือก Shot & more แล้วถ่าย จากนั้นค่อยเลือกว่าจะทำอะไร



โหมดที่เพิ่มเข้ามา และผมชอบมากก็คือ Virtual tour เหมาะกับการนำเสนอว่าสถานที่นั้นๆมีลักษณะอย่างไร เดินตรงไปเจออะไร หันซ้าย-ขวาเจออะไร และเราเจออะไรมาบ้าง ซึ่งไฟล์ที่ได้จะเป็นคลิปและมีแผนที่เล็กๆบอกทิศทางการเดินของเรา

กล้องแย่ในที่แสงน้อย

ผมทดสอบ S5 ในที่แสงน้อย โหมด auto และปิดโหมดกันสั่น (จริงๆมันคือ night mode)



เมื่อเทียบกับ G2 ในโหมด Normal จะเห็นได้ชัดว่า G2 ดีกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ G2 มี OIS หรือเลนส์กันสั่น



ดังนั้นผมเลยทดสอบเปิดโหมดกันสั่นบน S5 ผลคือภาพดูดีขึ้น แต่ก็ยังสู้ G2 ไม่ได้



จากนั้นลองเอา S5 เปิด HDR เพิ่มอีกโหมด ผลคือ ภาพไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก



แต่เมื่อนำ G2 เปิด HDR ผลคือภาพสว้างจ้าเลยจ้า



เป็นอันว่าที่แสงน้อย S5 แพ้ G2 ขาด แต่ถ้าสภาพแสงเพียงพอ คุณภาพก็ไม่ต่างกันมากนัก เลยทำให้ S5 น่าใช้กว่า เพราะโฟกัสเร็วกว่า G2 มากๆ



อย่างไรก็ตาม เรื่องกล้อง S5 มันมีประเด็นเล็กๆน้อยๆที่ต้องบอก คือ
- HDR เป็น option ไม่ใช่ mode ดังนั้นสามารถเปิดทิ้งไว้ได้ตลอด คล้ายๆกับของทางโซนี่
- HDR ไม่สามารถเปิดพร้อมกับ Selective focus ได้
- Picture stabilisation หรือโหมดแสงน้อย ข้อเสียคือ มีการประมวลผลราว 2 วินาทีในการถ่ายรูป ซึ่งจะประมวลผลต่อเมื่อแสงไม่เพียงพอ แต่ถ้าปิดฟีเจอร์นี้จะทำให้ภาพเบลอมากขึ้น
- ถ้าตั้งรหัสปลดล็อกเครื่อง สามารถถ่ายรูปได้โดยไม่ต้องปลดล็อก แต่ไม่สามารถเข้าอัลบั้มรูปได้

ถ้าปิด Picture stabilisation แล้วอยู่ในที่แสงน้อย ภาพจะเบลอง่ายมาก อย่างเช่นภาพนี้



แต่ถ้าเปิด Picture stabilisation แล้วคุณภาพก็ใกล้เคียง G2 แต่สีสันของ S5 จะสดกว่าครับ



สรุป

Galaxy S5 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของซัมซุง ทั้งหน้าตาและแนวคิด ทำให้ S5 มี UI ที่เรียบง่ายมากขึ้น เหลือพื้นที่ใช้งานมากขึ้น มีลูกเล่นใหม่ๆที่ใช้ได้จริงอย่าง Download booster หรือแม้แต่ของเก่าและดี ก็ยังมีอยู่ เช่น Multi Window ใช้งาน 2 หน้าต่าง หรือระบบตรวจจับดวงตา

ส่วน Hardware ก็มีเซ็นเซอร์เพิ่มเข้ามา แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ใช้ได้จริงคือ USB 3.0

เรื่องของการกันน้ำ ถือเป็นแนวคิดที่ดี แต่ดูเหมือนการใช้งานจริงน่าจะมีปัญหาตามที่บอกไปข้างต้น

ในแง่ความคุ้มค่าแล้ว S5 มีพื้นที่ 16 GB กับราคา 23,800 บาท เมื่อเทียบกับ Note 3 LTE ที่ราคาใกล้กัน แต่ Note 3 LTE กลับมีสเป็กที่สูงกว่า ทั้งแรม และพื้นที่ ...ผมเชื่อว่าต้องมีหลายคนลังเล ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณาครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อ่านและดูภาพขนาดเต็มได้ที่ http://www.bacidea.com/review-samsung-galaxy-s5.html
ติดตามกันได้ที่ http://www.facebook.com/bacidea และ http://www.facebook.com/GadzBox
ชื่อสินค้า:   Samsung Galaxy S5
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่