เราจะต้องเจอกับความกังวลเสมอ

เราเคยถูกการเล่นหุ้นที่ดีหลอกหลอนบ้างหรือเปล่า มันเป็นความรู้สึกที่แย่เอามากๆในการเล่นหุ้น เราจะต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองทำถูกหรือไม่และก็ไม่ไปยึดมั่นกับการเล่นหุ้นมากเกินไป

ธรรมชาติตลาดหุ้นมันก็เป็นแบบนี้อยู่เสมอ ที่เราคิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไปเล่น แต่บางทีก็อาจทำให้เราเจ็บปวดภายหลังได้ ทำให้เราเริ่มเล่นหุ้นยากขึ้นกว่าเดิม หรือไม่สามารถยืนอยู่บนตลาดหุ้นได้ เราจะต้องสร้างความปลอกภัยให้กับตัวเองบ้างในบางช่วง โดยสร้างเกราะกำบังเอาไว้ล่วงหน้าก่อนเลยก็ดี

ตัวอย่างเช่น ในสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก ทำให้เราต้องกลับมาหวนคิดแล้วว่ามันจะปรับเพิ่มขึ้นได้อีกนานแค่ไหนหรือเราจะเล่นเร็วแค่ไหน ก็ต้องคิดอยู่เสมอว่าทิศทางแนวโน้มมันมีการเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ

หรือเราก็นำเงินเข้าใส่เดี๋ยวนั้นเลย อย่างน้อยเราก็ได้กำไรบ้าง คิดว่ามันดูดีสำหรับเราใชไหมล่ะ

ผมเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ผมเองก็เจอกับความสับสนเล่นงานอยู่บ่อยๆ และพวกเรารู้ไหมว่าทำไมผมเข้าใจเรื่องพวกนี้

ก็เพราะว่าตลาดหุ้นทุกๆคนจะต้องเจอกับความกังวลอยู่เสมอยังไงล่ะ

การประกาศผลประกอบการ การเพิ่มหรือลดความเชื่อมั่นจาก Fed อัตราดอกเบี้ย และเงินเฟ้อ การก่อการร้าย อาวุธนิวเคลียร์ เศรษฐกิจ การเลือกตั้ง เหตุการณ์ทางการเมืองในแต่ละประเทศและอื่นๆ มันก็เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนกังวลไม่มีที่สิ้นสุด ผมก็มองย้อนอดีตเมื่อ 11 ปีที่แล้วที่อยู่ในตลาดหุ้น ผมก็เจอกับความกังวลในแต่ละปีส่วนใหญ่ และก็เป็นแบบนี้ทุกๆปี ซึ่งเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับการเล่นหุ้นของทุกๆคนอยู่แล้ว

ความกังวลมันก็จะอยู่กับตลาดหุ้นไปเรื่อยๆ ความกังวลก็อาจเป็นตัวผลักดันราคาหุ้นให้เคลื่อนไหวไปมาหรือทำให้ไขว้เขวสมาธิไปบ้าง

แต่สำหรับเทรดเดอร์แบบพวกเราและผมนั้น สำคัญก็คือเราจะตอบสนองต่อปัจจัยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะทำการประเมินตัดสินใจยังไงว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากนี้ไป พวกเราจะต้องตัดสินใจเลือกทางเดินอย่างชาญฉลาดในการปกป้องเงินทุนของตัวเองและก็ความผันผวนในแต่ละช่วง

ผลกำไรก็ต้องมาจากความเสี่ยงจากการเข้าไปเล่นหุ้นของเราเมื่อเราเสียค่าเล่าเรียนไปบางส่วนไปแล้ว สำหรับเทรดเดอร์แบบพวกเราและผม ก็หมายความว่าพวกเราจะต้องเล่นหุ้นให้คล่องแคล่วว่องไวมากยิ่งขึ้นไม่ว่าทิศทางจะเป็นยังไงก็ตาม ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะเล่นหุ้นยังไง สำคัญก็เพียงแต่ว่าเราทำการประเมินทิศทางแนวโน้มและการเคลื่อนไหวยังไงบ้าง พวกเราจะต้องเอาความเสี่ยงไปแลกกับผลกำไรอยู่เสมอ


ความเงียบถือเป็นกุญแจสำคัญ

ไม่ต้องตกใจหรอกว่าหากเราเจอกับภาวะหมีในแต่ละช่วง หรือทำไมราคาหุ้นถึงปรับตัวลดลง ซึ่งหลายคนก็ให้ความเห็นที่แตกต่างกันออกไป แต่บางคนบ่อยครั้งก็พยายามหาเหตุผลต่างๆมากมายว่าเพราะอะไรถึงเป็นภาวะหมีหรือกระทิง ก็นี่แหละคือสิ่งที่ตลาดหุ้นประทานให้กับทุกๆคนล่ะ

แต่ความเห็นส่วนใหญ่เราจะต้องขจัดออกไปให้หมด ด้วยเหตุนี้ความยืดหยุ่นถือเป็นสิ่งสำคัญมาก

ภาวะหมีกับกระทิงก็เหมือนกับจังหวะการตีกลองนั่นแหละว่า จังหวะนี้ควรจะตีอย่างไรให้เสนาะหู เราไม่ต้องไปพยายามหาเหตุผลในการลงเงินในช่วงเวลาที่เราคิดว่าดีหรอก เราก็แค่จับจังหวะเข้าไปเล่นตอนที่ทิศทางเป็นขาขึ้นและก็ Short หุ้นในช่วงขาลงก็พอแล้ว และเราก็จะทำกำไรได้เอง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายก็จริง แต่เป็นแนวคิดเรียบง่ายมาก

เราจะต้องยึดมั่นกับกราฟหุ้นและก็ใช้เหตุผลในการตรวจสอบให้ดีๆ เพราะว่าตลาดหุ้นมันจะท้าทายให้พวกเราใช้เหตุผลต่างๆนาๆในแต่ละช่วงเวลาว่า เราเดินมาถูกทางแล้วหรือยัง อย่าไปสนใจความเห็นไร้สาระเลย สนใจดูราคาหุ้นดีกว่า เพราะราคาหุ้นมันบอกทุกอย่างให้พวกเราทุกคนรู้หมดแล้ว เราทำอาชีพเป็นเทรดเดอร์ ไม่ใช่เป็นพวกที่ชอบคาดการณ์ทิศทาง เราต้องเล่นหุ้นตามที่ตัวเองเข้าใจ ไม่ใช่เล่นหุ้นตามที่เราคิดเอาไว้ และสุดท้ายผลกำไรก็ต้องตกอยู่ในมือของเราอย่างแน่นอน


เทรดหุ้นอย่างโจร !!!

ผู้เขียน Jeff White

ผู้แปล Mr.lawrence10

ที่มา : TheStockBandit.net

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่