มีอาชีพอาจารย์ค่ะ หน้าที่หลัก คือ สอนหนังสือ
นักศึกษาชายคนหนึ่งได้รับเกรด I แล้วไม่แก้ไขตามกำหนด คือ ภายในภาคเรียนถัดไป (4 เดือน) ทำให้เกรดปรับเป็น F ไปเอง
เมื่อวานนี้นศ.โทรมาหาเพื่อขอให้ช่วยปรับแก้ F ให้เป็น C มิฉะนั้นจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา จึงได้ชี้แจงไปว่าไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากเลยกำหนดเวลา
อ.จึงสอบถามว่าก่อนหน้านี้ 4 เดือนไปไหนมา คำตอบ คือ ต้องทำงาน และ F ตัวนี้ทำให้นศ.ท่านนี้พ้นสภาพฯ แน่ๆ
คุยไปคุยมาก็ร้องไห้ ส่งโทรศัพท์ให้แม่คุยต่อ คุยกันอยู่ 2 ชั่วโมง พูดอยู่ไม่กี่ประโยค คือ
"ทางบ้านลำบาก แม่ลาออกมาเลี้ยงลูกเอง ต้องทำมาหากิน เลยให้ลูกช่วย" (เป็นเหตุผลที่ลูกไม่ค่อยเข้าเรียน)
"พอทราบว่าได้ F แม่ความดันขึ้นเลย" (ปัญหาสุขภาพของผู้ปกครอง)
"พ่อเค้าเครียดมาก เนี่ยยังไม่ไปทำงานเลย" (จะขาดรายได้เอานะ)
"เค้าตั้งใจเรียนนะ แต่หัวทึบ" (ทราบแล้วว่าทำไมสอบได้คะแนนน้อยนัก แต่ยังสงสัยว่าถ้าตั้งใจจริงทำไมขาดส่งงานมากนัก)
"เมตตาให้ C เค้าเถอะค่ะ" (ประเมินผลจากคะแนนหรืออะไรกันแน่?)
"ช่วยเค้าหน่อยเถอะนะคะ" (ยังไม่ช่วยตัวเอง แล้วใครจะมาช่วย?)
"หนูกราบหละค่ะ" (ถึงจะมีดอกไม้ธูปเทียนแพมาด้วย ก็ไม่ช่วยอะไร)
สรุปก่อนวางสายว่า "อาจารย์จะไม่ช่วยใช่มั้ยคะ?" ได้แต่ชี้แจงว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเลยเวลาที่จะแก้ไขเกรดแล้ว
ได้คุยกับคุณแม่ ทำให้ทราบว่า นศ.คนนี้ถูกรีไทร์มาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะนี้อายุ 25 ปีแล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากอ.ท่านอื่น ทำให้ทราบว่า ในภาคเรียนที่ผ่านมา นศ.คนนี้ได้เกรด I จากอ.หลายท่าน แล้วมาขอเกรดในภายหลัง แต่อ.ได้ปฏิเสธไป และให้เกรดตามผลคะแนนที่ได้ ทำให้เกรดเฉลี่ยไม่ดี
เราเองเป็นแม่ของลูกชาย 2 คน...เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดปัญหาแบบนี้กับลูกเรา เราจะทำแบบแม่คนนี้หรือไม่? อาจเป็นเพราะวันนี้ยังไม่เจอเหตุการณ์จริง จึงตอบตัวเองได้ว่า "ไม่" แล้วถ้าต้องประสบปัญหาแบบนี้ขึ้นมาล่ะ? เราจะสามารถวางอุเบกขาได้จริงละหรือ? และจะทำอย่างไรให้ลูกเราเป็น "ผู้ใหญ่" ที่แท้จริง? บินได้เอง ไม่ต้องอยู่ใต้ปีกแม่ตลอดเวลา
แด่คนเป็นแม่ผู้ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกค่ะ...
เรือเล็กควรออกจากฝั่ง...เมื่อไหร่?
นักศึกษาชายคนหนึ่งได้รับเกรด I แล้วไม่แก้ไขตามกำหนด คือ ภายในภาคเรียนถัดไป (4 เดือน) ทำให้เกรดปรับเป็น F ไปเอง
เมื่อวานนี้นศ.โทรมาหาเพื่อขอให้ช่วยปรับแก้ F ให้เป็น C มิฉะนั้นจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา จึงได้ชี้แจงไปว่าไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากเลยกำหนดเวลา
อ.จึงสอบถามว่าก่อนหน้านี้ 4 เดือนไปไหนมา คำตอบ คือ ต้องทำงาน และ F ตัวนี้ทำให้นศ.ท่านนี้พ้นสภาพฯ แน่ๆ
คุยไปคุยมาก็ร้องไห้ ส่งโทรศัพท์ให้แม่คุยต่อ คุยกันอยู่ 2 ชั่วโมง พูดอยู่ไม่กี่ประโยค คือ
"ทางบ้านลำบาก แม่ลาออกมาเลี้ยงลูกเอง ต้องทำมาหากิน เลยให้ลูกช่วย" (เป็นเหตุผลที่ลูกไม่ค่อยเข้าเรียน)
"พอทราบว่าได้ F แม่ความดันขึ้นเลย" (ปัญหาสุขภาพของผู้ปกครอง)
"พ่อเค้าเครียดมาก เนี่ยยังไม่ไปทำงานเลย" (จะขาดรายได้เอานะ)
"เค้าตั้งใจเรียนนะ แต่หัวทึบ" (ทราบแล้วว่าทำไมสอบได้คะแนนน้อยนัก แต่ยังสงสัยว่าถ้าตั้งใจจริงทำไมขาดส่งงานมากนัก)
"เมตตาให้ C เค้าเถอะค่ะ" (ประเมินผลจากคะแนนหรืออะไรกันแน่?)
"ช่วยเค้าหน่อยเถอะนะคะ" (ยังไม่ช่วยตัวเอง แล้วใครจะมาช่วย?)
"หนูกราบหละค่ะ" (ถึงจะมีดอกไม้ธูปเทียนแพมาด้วย ก็ไม่ช่วยอะไร)
สรุปก่อนวางสายว่า "อาจารย์จะไม่ช่วยใช่มั้ยคะ?" ได้แต่ชี้แจงว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเลยเวลาที่จะแก้ไขเกรดแล้ว
ได้คุยกับคุณแม่ ทำให้ทราบว่า นศ.คนนี้ถูกรีไทร์มาแล้วครั้งหนึ่ง ขณะนี้อายุ 25 ปีแล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากอ.ท่านอื่น ทำให้ทราบว่า ในภาคเรียนที่ผ่านมา นศ.คนนี้ได้เกรด I จากอ.หลายท่าน แล้วมาขอเกรดในภายหลัง แต่อ.ได้ปฏิเสธไป และให้เกรดตามผลคะแนนที่ได้ ทำให้เกรดเฉลี่ยไม่ดี
เราเองเป็นแม่ของลูกชาย 2 คน...เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามกับตัวเองว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดปัญหาแบบนี้กับลูกเรา เราจะทำแบบแม่คนนี้หรือไม่? อาจเป็นเพราะวันนี้ยังไม่เจอเหตุการณ์จริง จึงตอบตัวเองได้ว่า "ไม่" แล้วถ้าต้องประสบปัญหาแบบนี้ขึ้นมาล่ะ? เราจะสามารถวางอุเบกขาได้จริงละหรือ? และจะทำอย่างไรให้ลูกเราเป็น "ผู้ใหญ่" ที่แท้จริง? บินได้เอง ไม่ต้องอยู่ใต้ปีกแม่ตลอดเวลา
แด่คนเป็นแม่ผู้ทำทุกอย่างได้เพื่อลูกค่ะ...