สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่ทะเลาะด้วยค่ะ จดแต้มไว้ในใจ ปรับใจ ปรับความคิดตัวเองไปเรื่อยๆ จนวันนึงรู้สึกว่า ถ้าไม่มีเค้าในชีวิต เราจะมีความสุขมากกว่านี้นะ เลิกเบยยยยย ฮี่ฮี่ฮี่
อยากไปไหนให้ไป อยากทำอะไรให้ทำ ไปไหนเดินทางไกลเราขับรถให้นั่งจิบเบียร์สบายๆ เงินใช้คนละกระเป๋า อยากให้เท่าไหร่ก็ให้(ก็ให้น้อยค่ะ เค้าภาระเยอะ) เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างเราเป็นคนจัดการ บ้านของเรากับคุณแม่ค่ะ เราไม่เคยโทร.ตาม อยากเล่าก็เล่า ไม่เล่าก็แล้วแต่ ยกเว้นดึกมาก เราจะโทร.เพื่อถามว่ายังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า เพราะชอบออกไปดื่มค่ะ ขนาดนั้นยังโกหกแบบ ง่าวๆ
อย่างวันนึงเราเลิกงานเร็วก็กลับมาบ้าน เราก็ไม่ได้โทร.หานะคะ เป็นฝ่ายโทร.มาเอง ถามเราว่า อยากกินอะไรมั๊ย กำลังจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว เราเลยถามว่าอยู่ที่ไหนนะ เค้าบอกอยู่ที่บ้าน กำลังจะออกไปข้างนอก เราเลยถามว่า บ้านไหน ก็บอกบ้านเรา เราเลยถามว่าอยู่ตรงไหนของบ้าน เพราะเราอยู่ในบ้าน ก็แถๆๆๆๆ พอเราโมโห ว่าจะโกหกทำไม ทั้งที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายถาม ย้อนกลับเรามาว่า โกรธเรื่องอะไร จะเสียงดังทำไม
เคยตั้งกฎ กติกา มารยาทกันไว้ว่า จะไม่บังคับกัน แต่ให้เกรงใจกัน อย่างเราหลังแต่งงานก็เลิกออกจากบ้านตามลำพังค่ะ ถ้าไปหาเพื่อน เราก็จะพาไปด้วย ให้รู้จักเพื่อนเราทุกคน ซึ่งเราเคยบอกเพื่อนไว้ว่า ถ้าเราแต่งงาน เราจะไม่ออกจากบ้านเหมือนก่อนนะ แต่ถ้าพี่เค้าจะออกก็แล้วแต่ ถ้าแม่อยู่ เราขอว่าอย่ากลับดึก อย่าเมามาก เกรงใจแม่เราด้วย ถ้าแม่ไม่อยู่ก็แล้วแต่เลย แกก็ออกทุกวันแหล่ะค่ะ ใส่ชุดเตะบอลไป แม้วันฝนตกปรอยๆ แต่ชุดไม่เคยเปื้อนหรอก กับที่สำคัญคืออย่าโกหก เพราะถ้าเราบังคับ แล้วต้องโกหกอันนั้นเราเข้าใจ แต่ในเมื่อให้อิสระกันขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องโกหกอะไรแล้ว และถ้ามีคนอื่น ให้บอก จะได้เลิกกันเลย เราให้ไป แต่งตอน 35 แล้วน่ะค่ะ โตพอที่จะเข้าใจโลกแล้ว เราไม่ชอบความทุกข์ เราอยากมีความสุข ถ้ามีคู่แล้วมันเป็นทุกข์ กลับไปอยู่คนเดียวมีความสุขกว่าเยอะเลย คือ อย่างน้อย ก็ไม่มีใครมาทำให้ทุกข์ใจเนอะ
ความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน เราบอกอยู่ในบ้าน อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามา ก็เปิดทีวีเสียงดังอยู่นั่น เปิดเครื่องในครัว เราไม่ว่า เราดูละครที่ห้องรับแขก พอเข้าห้องนอน ยังตามไปเปิดในห้องนอนอีก เราขอว่าดูช่องอื่นได้มั๊ย ขอแค่ช่องเลือกข้างเนี่ยอย่าเปิดในห้องนอนได้มั๊ย เฉย เราขออยู่ 3 วัน วันที่ 4 เราขออีก ไม่ยอมเปลี่ยนช่อง เราหอบหมอน ผ้าห่ม หมอนข้างของเรา ออกมานอนห้องแขก แล้วไม่กลับเข้าไปนอนในห้องนอนอีกเลย บ้านเรา ห้องเรา แต่เรายกให้ เพราะเราชวนเค้ามาอยู่ เราต้องให้เค้าอยู่สบายอ่ะเนอะ ไม่ทะเลาะค่ะ ขอดีๆ พูดดีๆนี่แหล่ะ ให้ไม่ได้ ก็ไม่ขอ เราต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง อย่าไปคิดแก้ที่คนอื่น
สรุปว่าเลิกค่ะ 3 ปีพอแระ เราไม่ชอบคนโกหก อยากไปไหน ไม่เคยห้าม บอกคำเดียวว่าจะไปข้างนอกนะ แล้วไปได้เลย ถ้ายังต้องโกหกอีก ก็แปลว่า ต้องออกไปทำเรื่องที่ไม่ควรทำแล้วล่ะ
เพราะ .... คนที่มักพูดปด ที่จะไม่ทำอกุศลกรรมอย่างอื่น เป็นไม่มี
หลังจากเลิกกันไปแบบเงียบๆ สักเดือนนึง มีผู้หญิงโทร.มาบอกว่า สงสาร เห็นเป็นผู้หญิงด้วยกัน เห็นพี่เค้าไปกับคนอื่น เราหัวเราะเลย เลิกกันไปนานแล้วค่ะ ไม่ต้องมาสงสาร ชั้นมีความสุขดี แล้วก็ไม่ต้องโทร.มาแล้วนะ หลังจากที่คืนก่อนหน้า โทร.มาเที่ยงคืนที ตี 4 ทีเบอร์แปลกๆเราเลยไม่รับ รุ่งเช้าเราโทร.กลับ บอกไม่ได้โทร.หาเรา ตอนบ่ายโทร.มาอีกที พอรับแล้วไม่พูด ตกเย็น โทร.มาบอกว่าสงสารจะโทร.มาเตือน เอาเรื่องน้ำเน่าไปไกลๆ ชั้นไม่ใช่นางเอก เราก็โทร.ไปหาพี่เค้า เล่าให้ฟัง จะแก้ตัว เราบอก ไม่ต้อง จดเบอร์นี้ไปแล้วกันเบอร์ที่โทร.มาหาเรา แล้วไปคุยกันเอง เราไม่เกี่ยว แต่บอกไว้ก่อนนะ อย่าให้ใครโทร.มาวุ่นวายกับเรา แล้วก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
เราไม่ได้คิดว่าเราทำถูกนะคะ แต่เราเลือกที่จะไม่ทนแค่นั้นเอง เราอยากมีชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ...
อยากไปไหนให้ไป อยากทำอะไรให้ทำ ไปไหนเดินทางไกลเราขับรถให้นั่งจิบเบียร์สบายๆ เงินใช้คนละกระเป๋า อยากให้เท่าไหร่ก็ให้(ก็ให้น้อยค่ะ เค้าภาระเยอะ) เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างเราเป็นคนจัดการ บ้านของเรากับคุณแม่ค่ะ เราไม่เคยโทร.ตาม อยากเล่าก็เล่า ไม่เล่าก็แล้วแต่ ยกเว้นดึกมาก เราจะโทร.เพื่อถามว่ายังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า เพราะชอบออกไปดื่มค่ะ ขนาดนั้นยังโกหกแบบ ง่าวๆ
อย่างวันนึงเราเลิกงานเร็วก็กลับมาบ้าน เราก็ไม่ได้โทร.หานะคะ เป็นฝ่ายโทร.มาเอง ถามเราว่า อยากกินอะไรมั๊ย กำลังจะออกจากบ้านไปซื้อกับข้าว เราเลยถามว่าอยู่ที่ไหนนะ เค้าบอกอยู่ที่บ้าน กำลังจะออกไปข้างนอก เราเลยถามว่า บ้านไหน ก็บอกบ้านเรา เราเลยถามว่าอยู่ตรงไหนของบ้าน เพราะเราอยู่ในบ้าน ก็แถๆๆๆๆ พอเราโมโห ว่าจะโกหกทำไม ทั้งที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายถาม ย้อนกลับเรามาว่า โกรธเรื่องอะไร จะเสียงดังทำไม
เคยตั้งกฎ กติกา มารยาทกันไว้ว่า จะไม่บังคับกัน แต่ให้เกรงใจกัน อย่างเราหลังแต่งงานก็เลิกออกจากบ้านตามลำพังค่ะ ถ้าไปหาเพื่อน เราก็จะพาไปด้วย ให้รู้จักเพื่อนเราทุกคน ซึ่งเราเคยบอกเพื่อนไว้ว่า ถ้าเราแต่งงาน เราจะไม่ออกจากบ้านเหมือนก่อนนะ แต่ถ้าพี่เค้าจะออกก็แล้วแต่ ถ้าแม่อยู่ เราขอว่าอย่ากลับดึก อย่าเมามาก เกรงใจแม่เราด้วย ถ้าแม่ไม่อยู่ก็แล้วแต่เลย แกก็ออกทุกวันแหล่ะค่ะ ใส่ชุดเตะบอลไป แม้วันฝนตกปรอยๆ แต่ชุดไม่เคยเปื้อนหรอก กับที่สำคัญคืออย่าโกหก เพราะถ้าเราบังคับ แล้วต้องโกหกอันนั้นเราเข้าใจ แต่ในเมื่อให้อิสระกันขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องโกหกอะไรแล้ว และถ้ามีคนอื่น ให้บอก จะได้เลิกกันเลย เราให้ไป แต่งตอน 35 แล้วน่ะค่ะ โตพอที่จะเข้าใจโลกแล้ว เราไม่ชอบความทุกข์ เราอยากมีความสุข ถ้ามีคู่แล้วมันเป็นทุกข์ กลับไปอยู่คนเดียวมีความสุขกว่าเยอะเลย คือ อย่างน้อย ก็ไม่มีใครมาทำให้ทุกข์ใจเนอะ
ความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน เราบอกอยู่ในบ้าน อย่าเอาเรื่องการเมืองเข้ามา ก็เปิดทีวีเสียงดังอยู่นั่น เปิดเครื่องในครัว เราไม่ว่า เราดูละครที่ห้องรับแขก พอเข้าห้องนอน ยังตามไปเปิดในห้องนอนอีก เราขอว่าดูช่องอื่นได้มั๊ย ขอแค่ช่องเลือกข้างเนี่ยอย่าเปิดในห้องนอนได้มั๊ย เฉย เราขออยู่ 3 วัน วันที่ 4 เราขออีก ไม่ยอมเปลี่ยนช่อง เราหอบหมอน ผ้าห่ม หมอนข้างของเรา ออกมานอนห้องแขก แล้วไม่กลับเข้าไปนอนในห้องนอนอีกเลย บ้านเรา ห้องเรา แต่เรายกให้ เพราะเราชวนเค้ามาอยู่ เราต้องให้เค้าอยู่สบายอ่ะเนอะ ไม่ทะเลาะค่ะ ขอดีๆ พูดดีๆนี่แหล่ะ ให้ไม่ได้ ก็ไม่ขอ เราต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง อย่าไปคิดแก้ที่คนอื่น
สรุปว่าเลิกค่ะ 3 ปีพอแระ เราไม่ชอบคนโกหก อยากไปไหน ไม่เคยห้าม บอกคำเดียวว่าจะไปข้างนอกนะ แล้วไปได้เลย ถ้ายังต้องโกหกอีก ก็แปลว่า ต้องออกไปทำเรื่องที่ไม่ควรทำแล้วล่ะ
เพราะ .... คนที่มักพูดปด ที่จะไม่ทำอกุศลกรรมอย่างอื่น เป็นไม่มี
หลังจากเลิกกันไปแบบเงียบๆ สักเดือนนึง มีผู้หญิงโทร.มาบอกว่า สงสาร เห็นเป็นผู้หญิงด้วยกัน เห็นพี่เค้าไปกับคนอื่น เราหัวเราะเลย เลิกกันไปนานแล้วค่ะ ไม่ต้องมาสงสาร ชั้นมีความสุขดี แล้วก็ไม่ต้องโทร.มาแล้วนะ หลังจากที่คืนก่อนหน้า โทร.มาเที่ยงคืนที ตี 4 ทีเบอร์แปลกๆเราเลยไม่รับ รุ่งเช้าเราโทร.กลับ บอกไม่ได้โทร.หาเรา ตอนบ่ายโทร.มาอีกที พอรับแล้วไม่พูด ตกเย็น โทร.มาบอกว่าสงสารจะโทร.มาเตือน เอาเรื่องน้ำเน่าไปไกลๆ ชั้นไม่ใช่นางเอก เราก็โทร.ไปหาพี่เค้า เล่าให้ฟัง จะแก้ตัว เราบอก ไม่ต้อง จดเบอร์นี้ไปแล้วกันเบอร์ที่โทร.มาหาเรา แล้วไปคุยกันเอง เราไม่เกี่ยว แต่บอกไว้ก่อนนะ อย่าให้ใครโทร.มาวุ่นวายกับเรา แล้วก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
เราไม่ได้คิดว่าเราทำถูกนะคะ แต่เราเลือกที่จะไม่ทนแค่นั้นเอง เราอยากมีชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ...
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องทะเลาะเหรอครับ
สารพัดครับ
ในกรณีที่ไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาว หรือ ว่าเรื่องเงินๆทองๆ
ถ้าผ่าน 7 ปี ได้ ถ้าผ่านได้นะครับ ก็เยี่ยมครับ
ผ่านได้ ส่วนใหญ่ คือ ปรับตัวกันทั้งนั้นครับ
ว่า จะทะเลาะกันไปทำไม
ช่วงแรก สิ่งที่ต่างคนต่างยังงงๆ กันอยู่ คือ
ก่อนแต่งเราค่อนข้างเอาเหตุผลของตัวเองเป็นที่ตั้งได้
เรื่องทะเลาะ มันก็เรื่องไร้สาระ
จากเหตุผลพื้นๆ คือ เอาเหตุผลตัวเองเป็นใหญ่
ฟังเหตุผลของอีกฝั่งน้อยลง
พูดง่ายๆ คือ ตัวเราเท่านั้นที่ถูกต้อง
เหตุผลของเราเท่านั้น ที่ดีพอ
พอแต่งงานแล้ว
ต่างคน ต่างเอาแต่ใจตัวเอง หรือ
อาจจะเป็นแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เอาเหตุผลของตัวเองเท่านั้นเป็นใหญ่
เหตุผลอีกฝ่ายเหมือนฟังไม่ขึ้น
ถ้าแบบนี้ ส่วนใหญ่จะพังครับ
กว่าจะมีสติ รู้เท่าทัน เรื่องต่างๆ
ก็เลยเถิดไปจน กู้ไม่กลับครับ
แต่ถ้า คู่ไหน ปรับตัวไว รู้เท่าทันวิธีการอยู่ร่วมกัน ก็โชคดีครับ
ต่อให้ดูดวง ดูเวลาแต่งที่ดี
แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้
ไม่เหลือครับ
ปัญหาเรื่องการปรับตัวนี้ น่าเห็นใจครับ
บางทีการปรับตัว หรือว่า อดทน จากแค่ 1 ฝ่าย ก็ไม่พอ
คือ ต้องทะ้ง 2 ฝั่ง เห็นประเด็นวิธ๊การอยู่ด้วยกัน ที่ตรงกัน
และมีความปราถนาที่จะแก้ไข เพื่อยังได้อยู่ด้วยกัน อันเนื่องมาจากความรัก
อย่างนั้น ส่วนใหญ่รอดครับ
คำตอบ สำหรับการอยู่ร่วมกัน แบบง่ายๆ คือ
อย่าไปบังคับอีกฝ่าย หรือว่า ตามใจเขาเข้าว่า
อย่างนี้ ส่วนใหญ่รอดครับ
สารพัดครับ
ในกรณีที่ไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาว หรือ ว่าเรื่องเงินๆทองๆ
ถ้าผ่าน 7 ปี ได้ ถ้าผ่านได้นะครับ ก็เยี่ยมครับ
ผ่านได้ ส่วนใหญ่ คือ ปรับตัวกันทั้งนั้นครับ
ว่า จะทะเลาะกันไปทำไม
ช่วงแรก สิ่งที่ต่างคนต่างยังงงๆ กันอยู่ คือ
ก่อนแต่งเราค่อนข้างเอาเหตุผลของตัวเองเป็นที่ตั้งได้
เรื่องทะเลาะ มันก็เรื่องไร้สาระ
จากเหตุผลพื้นๆ คือ เอาเหตุผลตัวเองเป็นใหญ่
ฟังเหตุผลของอีกฝั่งน้อยลง
พูดง่ายๆ คือ ตัวเราเท่านั้นที่ถูกต้อง
เหตุผลของเราเท่านั้น ที่ดีพอ
พอแต่งงานแล้ว
ต่างคน ต่างเอาแต่ใจตัวเอง หรือ
อาจจะเป็นแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เอาเหตุผลของตัวเองเท่านั้นเป็นใหญ่
เหตุผลอีกฝ่ายเหมือนฟังไม่ขึ้น
ถ้าแบบนี้ ส่วนใหญ่จะพังครับ
กว่าจะมีสติ รู้เท่าทัน เรื่องต่างๆ
ก็เลยเถิดไปจน กู้ไม่กลับครับ
แต่ถ้า คู่ไหน ปรับตัวไว รู้เท่าทันวิธีการอยู่ร่วมกัน ก็โชคดีครับ
ต่อให้ดูดวง ดูเวลาแต่งที่ดี
แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้
ไม่เหลือครับ
ปัญหาเรื่องการปรับตัวนี้ น่าเห็นใจครับ
บางทีการปรับตัว หรือว่า อดทน จากแค่ 1 ฝ่าย ก็ไม่พอ
คือ ต้องทะ้ง 2 ฝั่ง เห็นประเด็นวิธ๊การอยู่ด้วยกัน ที่ตรงกัน
และมีความปราถนาที่จะแก้ไข เพื่อยังได้อยู่ด้วยกัน อันเนื่องมาจากความรัก
อย่างนั้น ส่วนใหญ่รอดครับ
คำตอบ สำหรับการอยู่ร่วมกัน แบบง่ายๆ คือ
อย่าไปบังคับอีกฝ่าย หรือว่า ตามใจเขาเข้าว่า
อย่างนี้ ส่วนใหญ่รอดครับ
แสดงความคิดเห็น
ถามหน่อยค่ะ แต่งงานกันแล้ว คุณทะเลาะกันบ่อยไหมค่ะ ??
ใครผ่านชีวิตคู่มาแล้ว รบกวนขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ
ตอนนี้เลยยังไม่กล้ามีลูกค่ะ