เรื่องมีอยู่ว่า ผมกับเพื่อนอีกสองคน ไปทานอาหารอีสานร้านหนึ่ง ซึ่งก็ไปทานกันบ่อยๆ
วันนี้สั่งอาหารไป 4-5 รายการ พร้อมกับเพื่อน ผู้หญิงสั่ง ส้มตำไทยไม่ใส่ปู เด็กรับรายการอาหารเสร็จ
เพื่อนอีกคนเดินมาบอกอยากกินตำไทยใส่ปูด้วย เลยเรียกเด็กเสริฟมาเพิ่มตำไทยใส่ปูอีกอย่าง
สักพักอาหารทยอยมาเสริฟ พร้อมกับส้มตำสองจาน ทุกคนตะลึ่ง ตรงที่ส้มตำสองอย่างเหมือนกันทุกอย่าง ผิดตรง จานหนึ่งมีปูเค็มวางอยู่บนส้มตำ
พอลองชิมรสชาดไม่ต่างกันเลย คิดแล้วแม่ครัวคงตำครกเดียวแล้วเอามาแบ่งสองจานโดยอีกจานใส่ปูไว้ข้างบน(ง่ายดีจัง) รสชาดก็ผิดไปจากเดิมไม่อร่อย ทานไปเหลือบานเบอะ
ทานเสร็จสั่งเก็บเงิน พนักงานมาเก็บ (น่าจะเป็นญาติหรือลูกสาวเจ้าของร้าน เพราะลูกจ้างเป็นพม่า) ผมเลยถามไปว่า วันนี้เปลี่ยนแม่ครัวหรือครับ รสชาดอาหารไม่เหมือนเดิม
เขาตอบมาว่า แม่ครัวคนเดิม แต่แล้วแต่อารมคนทำ
ผมอึ้งกับคำตอบเธอจริงๆ เพื่อน ผู้หญิงลุกขึ้นเดินออกจากร้าน บอกมื้อสุดท้ายเพราะ กรูก้อไม่มีอารมมากินอีกต่อไป(แต่มาพูดนอกร้านนะครับ) และคงเป็นมื้อสุดท้ายจริงๆ
ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้จะพูดว่าอย่างไรครับ
วันนี้สั่งอาหารไป 4-5 รายการ พร้อมกับเพื่อน ผู้หญิงสั่ง ส้มตำไทยไม่ใส่ปู เด็กรับรายการอาหารเสร็จ
เพื่อนอีกคนเดินมาบอกอยากกินตำไทยใส่ปูด้วย เลยเรียกเด็กเสริฟมาเพิ่มตำไทยใส่ปูอีกอย่าง
สักพักอาหารทยอยมาเสริฟ พร้อมกับส้มตำสองจาน ทุกคนตะลึ่ง ตรงที่ส้มตำสองอย่างเหมือนกันทุกอย่าง ผิดตรง จานหนึ่งมีปูเค็มวางอยู่บนส้มตำ
พอลองชิมรสชาดไม่ต่างกันเลย คิดแล้วแม่ครัวคงตำครกเดียวแล้วเอามาแบ่งสองจานโดยอีกจานใส่ปูไว้ข้างบน(ง่ายดีจัง) รสชาดก็ผิดไปจากเดิมไม่อร่อย ทานไปเหลือบานเบอะ
ทานเสร็จสั่งเก็บเงิน พนักงานมาเก็บ (น่าจะเป็นญาติหรือลูกสาวเจ้าของร้าน เพราะลูกจ้างเป็นพม่า) ผมเลยถามไปว่า วันนี้เปลี่ยนแม่ครัวหรือครับ รสชาดอาหารไม่เหมือนเดิม
เขาตอบมาว่า แม่ครัวคนเดิม แต่แล้วแต่อารมคนทำ
ผมอึ้งกับคำตอบเธอจริงๆ เพื่อน ผู้หญิงลุกขึ้นเดินออกจากร้าน บอกมื้อสุดท้ายเพราะ กรูก้อไม่มีอารมมากินอีกต่อไป(แต่มาพูดนอกร้านนะครับ) และคงเป็นมื้อสุดท้ายจริงๆ