"พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า" หักได้แต่ไม่ยอมงอ
คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 16 มีนาคม 1557
บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเฉพาะที่ผ่านมา สมชาย ศรีสุทธิยากร ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะฝ่ายที่เชื่อมั่นในกลไกประชาธิปไตย
"เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งจินตนาการหน้าที่ของตัวเองไปไกลกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ค่อนข้างมาก" คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น
ในพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการการเลือกตั้งถูกตั้งเพื่อเป็น "องค์กรอิสระ" ที่จัดการดำเนินการการเลือกตั้งให้ยุติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป้าหมายคือให้ประชาชนเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกอย่างอิสระ
แต่การทำหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้เลยเถิด ไปวางบทบาทการจัดการเลือกตั้งให้ได้พรรคการเมืองที่ตัวเอง หรือพรรคพวกตัวเองเห็นว่าดี ไปไกลถึงขนาดตั้งเป้าให้การเลือกตั้งเป็นหนทางให้ได้รัฐบาลที่ดีมาบริหารประเทศ
เป็นรัฐบาลที่ดีที่คิดกันเอาเอง
เมื่อไปเน้นบทบาทที่เลยจากการทำหน้าที่ประชาชนได้ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ กลายเป็นวางเป้าหมายที่นอกเหนือไปจากนั้นเสียแล้ว
การจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยเลยกลายเป็นการที่ไม่สำคัญและเร่งด่วนเท่าภารกิจได้รัฐบาลที่ต้องการ
การเล่นบทบาทนี้ดูเนียน ขณะที่กลไกอื่นๆ เหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวเท่าไร ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลกับกรรมการการเลือกตั้ง
ส่วนกลไกราชการอื่นๆ ได้แต่ตามน้ำไป
ทว่านั้นไม่ใช่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
ในการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา "พีระศักดิ์" เดินทางจากชุมพรไปสงขลา ด้วยความหวังว่าจะนำเสนอปัญหาการจัดการเลือกตั้งให้ กกต.ฟัง
แต่ทันทีที่เอ่ยปากพูด สมชัย ศรีสุทธิยากร ให้เขาหยุด และฟังมากกว่า เหมือนเอาแค่ฟังคำสั่งก็พอ
คนอื่นอาจจะไม่มีอะไร แต่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อถูกเบรกไม่ให้แสดงความเห็น ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเดินออกจากที่ประชุมทันที
"ผมเสียเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงเพื่อมาร่วมประชุม เมื่อต้องการเสนอปัญหาให้ฟังแต่ไม่ยอมให้พูด" ผู้ว่าฯพีระศักดิ์ระบาย และว่า อาจจะเป็นเพราะนายสมชัยจะฟังแต่สิ่งที่อยากฟังเท่านั้น
"ผมเป็นผู้ว่าฯมา 4 จังหวัด ผ่านการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชามาแล้วทุกรูปแบบ จึงรู้ดีว่าคนแบบไหนทำงานอย่างไร คนบางคนทำงานเหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง" ผู้ว่าฯชุมพรแสดงออกชัดเจนในความตั้งใจของตัวเอง และสรุปว่า อายุราชการของตนเหลือแค่ 2 ปี จึงไม่วิตกกังวลอะไรในเรื่องที่เกิดขึ้น
ท่าทีของข้าราชการส่วนใหญ่อาจจะหลีกหนีการเผชิญหน้า ถือสุภาษิตพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
ซึ่งเป็นการที่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพียงแต่ไม่เกิดเรื่องเท่านั้น
แต่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ไม่ใช่คนแบบนั้น เกิดเรื่องไม่เป็นไร ขอให้แก้ปัญหาได้ ทำงานให้เป็นประโยชน์
ยามประเทศชาติมีปัญหา การหมกปัญหาไว้ใต้พรม เอาแต่รอให้เวลาเยียวยาแก้ไขมุ่งรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัย ไร้ความขัดแย้งไว้ก่อน
ไม่ใช่วิธีแบบ "พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394947334&grpid=03&catid=&subcatid=
ด่าใครไม่รู้ แต่ว่าถ้าผมเป็น กกต.สมชัย คงหน้าชา เจ็บจริง ..
"ผมเป็นผู้ว่าฯมา 4 จังหวัด .....รู้ดีว่าคนแบบไหนทำงานอย่างไร คนบางคนทำงานเหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง" เจ็บจริง สมชัย
คอลัมน์ โครงร่างตำนานคน โดย การ์ตอง
มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 16 มีนาคม 1557
บทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเฉพาะที่ผ่านมา สมชาย ศรีสุทธิยากร ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างสูงโดยเฉพาะฝ่ายที่เชื่อมั่นในกลไกประชาธิปไตย
"เป็นคณะกรรมการการเลือกตั้งจินตนาการหน้าที่ของตัวเองไปไกลกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ให้ค่อนข้างมาก" คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น
ในพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย คณะกรรมการการเลือกตั้งถูกตั้งเพื่อเป็น "องค์กรอิสระ" ที่จัดการดำเนินการการเลือกตั้งให้ยุติธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เป้าหมายคือให้ประชาชนเป็นผู้ใช้สิทธิเลือกอย่างอิสระ
แต่การทำหน้าที่ของ กกต.ชุดนี้เลยเถิด ไปวางบทบาทการจัดการเลือกตั้งให้ได้พรรคการเมืองที่ตัวเอง หรือพรรคพวกตัวเองเห็นว่าดี ไปไกลถึงขนาดตั้งเป้าให้การเลือกตั้งเป็นหนทางให้ได้รัฐบาลที่ดีมาบริหารประเทศ
เป็นรัฐบาลที่ดีที่คิดกันเอาเอง
เมื่อไปเน้นบทบาทที่เลยจากการทำหน้าที่ประชาชนได้ใช้สิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ กลายเป็นวางเป้าหมายที่นอกเหนือไปจากนั้นเสียแล้ว
การจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยเลยกลายเป็นการที่ไม่สำคัญและเร่งด่วนเท่าภารกิจได้รัฐบาลที่ต้องการ
การเล่นบทบาทนี้ดูเนียน ขณะที่กลไกอื่นๆ เหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวเท่าไร ปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลกับกรรมการการเลือกตั้ง
ส่วนกลไกราชการอื่นๆ ได้แต่ตามน้ำไป
ทว่านั้นไม่ใช่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
ในการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการเลือกตั้งใน 14 จังหวัดภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา "พีระศักดิ์" เดินทางจากชุมพรไปสงขลา ด้วยความหวังว่าจะนำเสนอปัญหาการจัดการเลือกตั้งให้ กกต.ฟัง
แต่ทันทีที่เอ่ยปากพูด สมชัย ศรีสุทธิยากร ให้เขาหยุด และฟังมากกว่า เหมือนเอาแค่ฟังคำสั่งก็พอ
คนอื่นอาจจะไม่มีอะไร แต่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ไม่เป็นอย่างนั้น เมื่อถูกเบรกไม่ให้แสดงความเห็น ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเดินออกจากที่ประชุมทันที
"ผมเสียเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงเพื่อมาร่วมประชุม เมื่อต้องการเสนอปัญหาให้ฟังแต่ไม่ยอมให้พูด" ผู้ว่าฯพีระศักดิ์ระบาย และว่า อาจจะเป็นเพราะนายสมชัยจะฟังแต่สิ่งที่อยากฟังเท่านั้น
"ผมเป็นผู้ว่าฯมา 4 จังหวัด ผ่านการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชามาแล้วทุกรูปแบบ จึงรู้ดีว่าคนแบบไหนทำงานอย่างไร คนบางคนทำงานเหมือนหมาเห่าใบตองแห้ง" ผู้ว่าฯชุมพรแสดงออกชัดเจนในความตั้งใจของตัวเอง และสรุปว่า อายุราชการของตนเหลือแค่ 2 ปี จึงไม่วิตกกังวลอะไรในเรื่องที่เกิดขึ้น
ท่าทีของข้าราชการส่วนใหญ่อาจจะหลีกหนีการเผชิญหน้า ถือสุภาษิตพูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
ซึ่งเป็นการที่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น เพียงแต่ไม่เกิดเรื่องเท่านั้น
แต่ พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ไม่ใช่คนแบบนั้น เกิดเรื่องไม่เป็นไร ขอให้แก้ปัญหาได้ ทำงานให้เป็นประโยชน์
ยามประเทศชาติมีปัญหา การหมกปัญหาไว้ใต้พรม เอาแต่รอให้เวลาเยียวยาแก้ไขมุ่งรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัย ไร้ความขัดแย้งไว้ก่อน
ไม่ใช่วิธีแบบ "พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า"
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1394947334&grpid=03&catid=&subcatid=
ด่าใครไม่รู้ แต่ว่าถ้าผมเป็น กกต.สมชัย คงหน้าชา เจ็บจริง ..