เรื่องราวที่น่าทึ่งและสะเทือนใจของทหารอังกฤษผู้เสียชีวิต ที่กอดภาพถ่ายของภรรยาและลูกเอาไว้ และศัตรูเยอรมันได้นำมันส่งคืนให้กับครอบครัวของเขา
ท่ามกลางยุทธการพัสเชนแดเลอที่ดุเดือด สิบเอกเพอร์ซี่ บัค ซึ่งกำลังจะเสียชีวิตจากบาดแผลฉกรรจ์ กำภาพถ่ายครอบครัวของเขาเอาไว้แน่น
ที่ด้านหลังของภาพ เขาได้เขียนคำปรารถนาก่อนตายเอาไว้ ขอให้ใครสักคนช่วยส่งมันคืนให้แก่ภรรยาของเขา
เขาคงหวังว่าหนึ่งในบรรดาเพื่อนทหารของเขาจะทำให้คำร้องขอของเขาเป็นจริง เขาคงไม่ได้คิดเลยว่ามันจะถูกส่งคืนโดยศัตรู ยิ่งคนที่ฆ่าเขาด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เหลือเชื่อก็ได้ถูกค้นพบแล้วในตอนนี้ที่หลานสาวของนายทหารคนนี้ได้พบรูปภาพใบนั้นท่ามกลางข้าวของของพ่อ
คริสตินา เรโนลด์ส์ วัย 58 ปี ได้เปิดเผยภาพขาวดำใบนั้น เกือบ 100 ปีหลังจากที่มันถูกถ่าย ในภาพมีทหารดังกล่าวกับภรรยาของเขา เบอร์ธา และลูกชายของเขา ซีริล ซึ่งเป็นพ่อของนางเรโนลด์ส์
พร้อมกับภาพถ่ายใบนั้น นางเรโนลด์ส์ยังพบโทรเลขที่น่าสะเทือนใจ ซึ่งแจ้งกับคุณย่าของเธอถึงการเสียชีวิตของสามี และจดหมายจากทหารเยอรมัน ซึ่งอธิบายถึงการเดินทางอันน่าเหลือเชื่อของรูปภาพใบนี้ จากเวสเทิร์นฟรอนท์กลับมาสู่นางเรโนลด์ส์ในฮิตชิน เฮิร์ตส์
นางเรโนลด์ส์ ซึ่งพ่อผู้ล่วงลับไปแล้วมีอายุได้เพียงสามขวบตอนที่สิบเอกบัคเสียชีวิต กล่าวว่า “พ่อของฉันแทบไม่รู้จักพ่อของเขาเลย แต่เขามีของเหล่านี้อยู่ในกล่อง กล่องนี้ถูกส่งต่อมายังฉัน และในนั้นก็มีจดหมายเหล่านี้จากทหารเยอรมัน และสภากาชาด อธิบายถึงการส่งคืนภาพถ่ายใบนี้ให้กับคุณย่าของฉันในปี 1917
สิบเอกเพอร์ซี่ บัค วัยเพียง 26 ปี ในตอนที่เขาเสียชีวิตที่พัสเชนแดเลอ ในปี 1917
ภาพที่ถ่ายในเวลาเดียวกันกับภาพที่ถูกส่งคืนโดยทหารเยอมัน (แถวหลัง จากซ้ายไปขวา) ไม่ทราบ, เพอร์ซี่ บัค, (พี่หรือน้อง)ชาย เท็ด บัค (แถวหน้า) เบอร์ธา กับลูกชาย ซีริล และแม่ของเบอร์ธา นางสตีเฟ่นส์
คำแปลจดหมายที่สิบโท โยเซฟ วิลเซค ส่งไปยังสภากาชาด
จดหมายจากสภากาชาดที่ส่งให้กับเบอร์ธา บัค พร้อมกับภาพถ่ายของสามีของเธอ
“คือทหารเยอรมันคนนี้ ซึ่งอาจฆ่าคุณปู่ของฉันในสงคราม เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลา และอาจเสี่ยงต่อการถูกลงโทษเพื่อจะทำให้ความปรารถนาของคุณปู่ของฉันเป็นจริง เขาอาจทิ้งมันไว้ตรงนั้นก็ได้ ชายทั้งสองไม่รู้จักกัน แต่เขาก็มีน้ำใจมากที่ทำสิ่งที่เขาทำเพื่อเพื่อนทหารคนหนึ่ง”
ทหารเยอรมันที่ได้นำภาพถ่ายที่น่าสะเทือนอารมณ์จากศพของสิบเอกบัคไปคืน คือสิบโทโยเซฟ วิลเซค
ในการกระทำแห่งมนุษยธรรมอันน่าทึ่ง สิบโทวิลเซคส่งภาพถ่ายใบนี้ไปที่สภากาชาดในเจนีวาพร้อมด้วยจดหมายส่งต่อ
เขาเขียนว่า “เขาถือรูปภาพใบนี้ไว้ในมือ และคนที่พบภาพถูกขอให้ส่งมันต่อไปยังภรรยาของเขา ผม ซึ่งปรารถนาจะทำให้ความต้องการครั้งสุดท้ายของเพื่อนร่วมสงครามผู้ล่วงลับเป็นจริง ขอส่งมันให้กับคุณ
ขอให้เขาไปสู่สุขติ”
เพอร์ซี่ บัค ด้านขวาสุด ถ่ายภาพร่วมกับทหารสหายของเขาในกรมทหารเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์
ภาพถ่ายเมื่อเร็วๆนี้ของบริเวณที่สิบเอกบัคได้รับบาสเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม ในจุดหักมุมที่น่าเศร้า ด้วยการทำให้ความปรารถนาของชายแปลกหน้าเป็นจริง สิบโทวิลเซคอาจทำให้สิบเอกบัคไม่มีหลุมศพในสุสานสงครามเพื่อให้ครอบครัวของเขามาเยี่ยม
ภาพถ่ายใบนั้นน่าจะเป็นของชิ้นสำคัญที่จะช่วยระบุศพของเขา คิดกันว่าสิบเอกบัคถูกฝังอยู่ในหลุมศพที่ไม่มีเครื่องหมายในฟลานเดอร์ส์
สิบเอกบัคปฏิบัติหน้าที่ในกรมทหารเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ และฝึกกองทหารในการฝึกซ้อมปืนไรเฟิล ก่อนจะถูกส่งไปยังเวสเทิร์นฟอนต์ในเดือนธันวาคม 1916
จดหมายแจ้งเบอร์ธาบัคอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของสามีของเธอ ศพของเขาหาไม่พบ
ในเดือนกรกฎาคม 1917 กองทหารได้เข้าร่วมการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ในยุทธการครั้งที่สามแห่งอีแปร์ ซึ่งรู้จักในชื่อ พัสเชนแดเลอ คืนก่อนออกศึก สิบเอกบัคได้เขียนคำขอร้องบนด้านหลังของภาพถ่าย และเอาให้เพื่อนทหารดู
เช้าวันรุ่งขึ้น กองทหารของเขาอยู่ที่เซนต์จูเลียนที่ฟลานเดอร์ และถูกโจมตีด้วยปืนกลหนักซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาต้องทำการถอนการต่อสู้
สิบเอกบัคถูกยิงที่ลำตัวด้านข้าง และตกลงไปในหลุมกระสุนปืนใหญ่
จนกระทั่งตอนนี้ ครอบครัวของสิบเอกบัคยังไม่ทราบรายละเอียดของการเสียชีวิตของเขา แต่ด้วยความช่วย เหลือของโครงการเฮิร์ตส์แอทวอร์ ก่อตั้งเพื่อเป็นวาระครบรอบหนึ่งร้อยปีของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นางเรโนลด์ส์จึงสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้
ผลจากการที่เธอออกมาพร้อมกับเอกสารนี้ นักวิจัยของทีมงานเฮิร์ตแอทวอร์จึงได้เปิดเผยบันทึกพยานผู้เห็นเหตุการณ์การเสียชีวิตของสิบเอกบัค
ในปี 1918 พลทหารแรมเซลล์ กล่าวกับกรมสืบสวนของทหารที่ได้รับบาดเจ็บและสูญหายว่า “เราไปออกศึกด้วยกันที่แนวหน้าเซนต์จูเลียน
“ผมไม่เห็นเขา (เพอร์ซี่) ถูกยิง แต่เพื่อนทหารคนอื่นหลายคนเห็น เขาถูกยิงที่ข้างลำตัวและตกลงไปในหลุมกระสุนปืนใหญ่ เขาบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าที่จะขยับ เขาเอารูปถ่ายของภรรยาและลูกของเขาให้ผมดูคืนก่อนหน้านั้น ที่ด้านหลังเขาเขียนที่อยู่ของภรรยาของเขา และคำพูดว่า “ใครก็ตามที่พบได้โปรดส่งต่อ” หรือคำพูดประมาณนั้น”
“เราไม่เห็นเขาอีกเลย และศพของเขาก็หาไม่พบ”
นางเรโนลด์ส์กล่าวว่า “ทั้งหมดที่ครอบครัวรู้คือปู่ของฉันหายไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ แล้วจากนั้นก็ยืนยันว่าเสียชีวิตในหน้าที่”
“ศพของเขาหาไม่พบ และเราก็ไม่เคยรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาจนกระทั่งตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้เพียงแค่เขาถูกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฉันแค่ปรารถนาให้พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะเขาจะต้องอยากรู้”
แดนฮิล จากโครงการเฮิร์ตแอทวอร์ กล่าวว่า “เรามีเรื่องราว 20,000 เรื่อง และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โดดเด่น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อของมนุษยธรรมในการนองเลือดของสงคราม มันอยู่ในจุดที่เข้มข้นที่สุด และทหารเยอรมันคนนี้ก็ให้ความช่วยเหลืออันน่าทึ่งแก่เพื่อนร่วมสงครามที่กำลังจะสิ้นลมคนนี้โดยไม่ได้ถูกร้องขอ”
สิบเอกบัคอายุ 25 ปี เมื่อเขาเสียชีวิต ภรรยาหม้ายของเขา เบอร์ธา ที่เขาแต่งงานด้วยในปี 1912 เสียชีวิตลงในปี 1962
สิบโทวิลเซคไม่รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเช่นกัน เขาเสียชีวิตในวันที่ 31 ตุลาคม 1918 เพียงสองสัปดาห์ก่อนสงบศึก
แปลจาก
http://www.dailymail.co.uk/news/article-2580150/Photo-clutched-WWI-British-soldier-died-Western-Front-returned-family-German-killed-him.html
เรื่องราวที่น่าทึ่งและสะเทือนใจของทหารอังกฤษกับภาพถ่ายของภรรยาและลูกที่ถูกส่งคืนโดยทหารเยอรมันผู้เป็นศัตรู
ท่ามกลางยุทธการพัสเชนแดเลอที่ดุเดือด สิบเอกเพอร์ซี่ บัค ซึ่งกำลังจะเสียชีวิตจากบาดแผลฉกรรจ์ กำภาพถ่ายครอบครัวของเขาเอาไว้แน่น
ที่ด้านหลังของภาพ เขาได้เขียนคำปรารถนาก่อนตายเอาไว้ ขอให้ใครสักคนช่วยส่งมันคืนให้แก่ภรรยาของเขา
เขาคงหวังว่าหนึ่งในบรรดาเพื่อนทหารของเขาจะทำให้คำร้องขอของเขาเป็นจริง เขาคงไม่ได้คิดเลยว่ามันจะถูกส่งคืนโดยศัตรู ยิ่งคนที่ฆ่าเขาด้วยแล้ว
อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เหลือเชื่อก็ได้ถูกค้นพบแล้วในตอนนี้ที่หลานสาวของนายทหารคนนี้ได้พบรูปภาพใบนั้นท่ามกลางข้าวของของพ่อ
คริสตินา เรโนลด์ส์ วัย 58 ปี ได้เปิดเผยภาพขาวดำใบนั้น เกือบ 100 ปีหลังจากที่มันถูกถ่าย ในภาพมีทหารดังกล่าวกับภรรยาของเขา เบอร์ธา และลูกชายของเขา ซีริล ซึ่งเป็นพ่อของนางเรโนลด์ส์
พร้อมกับภาพถ่ายใบนั้น นางเรโนลด์ส์ยังพบโทรเลขที่น่าสะเทือนใจ ซึ่งแจ้งกับคุณย่าของเธอถึงการเสียชีวิตของสามี และจดหมายจากทหารเยอรมัน ซึ่งอธิบายถึงการเดินทางอันน่าเหลือเชื่อของรูปภาพใบนี้ จากเวสเทิร์นฟรอนท์กลับมาสู่นางเรโนลด์ส์ในฮิตชิน เฮิร์ตส์
นางเรโนลด์ส์ ซึ่งพ่อผู้ล่วงลับไปแล้วมีอายุได้เพียงสามขวบตอนที่สิบเอกบัคเสียชีวิต กล่าวว่า “พ่อของฉันแทบไม่รู้จักพ่อของเขาเลย แต่เขามีของเหล่านี้อยู่ในกล่อง กล่องนี้ถูกส่งต่อมายังฉัน และในนั้นก็มีจดหมายเหล่านี้จากทหารเยอรมัน และสภากาชาด อธิบายถึงการส่งคืนภาพถ่ายใบนี้ให้กับคุณย่าของฉันในปี 1917
สิบเอกเพอร์ซี่ บัค วัยเพียง 26 ปี ในตอนที่เขาเสียชีวิตที่พัสเชนแดเลอ ในปี 1917
ภาพที่ถ่ายในเวลาเดียวกันกับภาพที่ถูกส่งคืนโดยทหารเยอมัน (แถวหลัง จากซ้ายไปขวา) ไม่ทราบ, เพอร์ซี่ บัค, (พี่หรือน้อง)ชาย เท็ด บัค (แถวหน้า) เบอร์ธา กับลูกชาย ซีริล และแม่ของเบอร์ธา นางสตีเฟ่นส์
คำแปลจดหมายที่สิบโท โยเซฟ วิลเซค ส่งไปยังสภากาชาด
จดหมายจากสภากาชาดที่ส่งให้กับเบอร์ธา บัค พร้อมกับภาพถ่ายของสามีของเธอ
“คือทหารเยอรมันคนนี้ ซึ่งอาจฆ่าคุณปู่ของฉันในสงคราม เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลา และอาจเสี่ยงต่อการถูกลงโทษเพื่อจะทำให้ความปรารถนาของคุณปู่ของฉันเป็นจริง เขาอาจทิ้งมันไว้ตรงนั้นก็ได้ ชายทั้งสองไม่รู้จักกัน แต่เขาก็มีน้ำใจมากที่ทำสิ่งที่เขาทำเพื่อเพื่อนทหารคนหนึ่ง”
ทหารเยอรมันที่ได้นำภาพถ่ายที่น่าสะเทือนอารมณ์จากศพของสิบเอกบัคไปคืน คือสิบโทโยเซฟ วิลเซค
ในการกระทำแห่งมนุษยธรรมอันน่าทึ่ง สิบโทวิลเซคส่งภาพถ่ายใบนี้ไปที่สภากาชาดในเจนีวาพร้อมด้วยจดหมายส่งต่อ
เขาเขียนว่า “เขาถือรูปภาพใบนี้ไว้ในมือ และคนที่พบภาพถูกขอให้ส่งมันต่อไปยังภรรยาของเขา ผม ซึ่งปรารถนาจะทำให้ความต้องการครั้งสุดท้ายของเพื่อนร่วมสงครามผู้ล่วงลับเป็นจริง ขอส่งมันให้กับคุณ
ขอให้เขาไปสู่สุขติ”
เพอร์ซี่ บัค ด้านขวาสุด ถ่ายภาพร่วมกับทหารสหายของเขาในกรมทหารเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์
ภาพถ่ายเมื่อเร็วๆนี้ของบริเวณที่สิบเอกบัคได้รับบาสเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม ในจุดหักมุมที่น่าเศร้า ด้วยการทำให้ความปรารถนาของชายแปลกหน้าเป็นจริง สิบโทวิลเซคอาจทำให้สิบเอกบัคไม่มีหลุมศพในสุสานสงครามเพื่อให้ครอบครัวของเขามาเยี่ยม
ภาพถ่ายใบนั้นน่าจะเป็นของชิ้นสำคัญที่จะช่วยระบุศพของเขา คิดกันว่าสิบเอกบัคถูกฝังอยู่ในหลุมศพที่ไม่มีเครื่องหมายในฟลานเดอร์ส์
สิบเอกบัคปฏิบัติหน้าที่ในกรมทหารเฮิร์ตฟอร์ดเชียร์ และฝึกกองทหารในการฝึกซ้อมปืนไรเฟิล ก่อนจะถูกส่งไปยังเวสเทิร์นฟอนต์ในเดือนธันวาคม 1916
จดหมายแจ้งเบอร์ธาบัคอย่างเป็นทางการถึงการเสียชีวิตของสามีของเธอ ศพของเขาหาไม่พบ
ในเดือนกรกฎาคม 1917 กองทหารได้เข้าร่วมการโจมตีทางทหารครั้งใหญ่ในยุทธการครั้งที่สามแห่งอีแปร์ ซึ่งรู้จักในชื่อ พัสเชนแดเลอ คืนก่อนออกศึก สิบเอกบัคได้เขียนคำขอร้องบนด้านหลังของภาพถ่าย และเอาให้เพื่อนทหารดู
เช้าวันรุ่งขึ้น กองทหารของเขาอยู่ที่เซนต์จูเลียนที่ฟลานเดอร์ และถูกโจมตีด้วยปืนกลหนักซึ่งเป็นเหตุให้พวกเขาต้องทำการถอนการต่อสู้
สิบเอกบัคถูกยิงที่ลำตัวด้านข้าง และตกลงไปในหลุมกระสุนปืนใหญ่
จนกระทั่งตอนนี้ ครอบครัวของสิบเอกบัคยังไม่ทราบรายละเอียดของการเสียชีวิตของเขา แต่ด้วยความช่วย เหลือของโครงการเฮิร์ตส์แอทวอร์ ก่อตั้งเพื่อเป็นวาระครบรอบหนึ่งร้อยปีของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นางเรโนลด์ส์จึงสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้
ผลจากการที่เธอออกมาพร้อมกับเอกสารนี้ นักวิจัยของทีมงานเฮิร์ตแอทวอร์จึงได้เปิดเผยบันทึกพยานผู้เห็นเหตุการณ์การเสียชีวิตของสิบเอกบัค
ในปี 1918 พลทหารแรมเซลล์ กล่าวกับกรมสืบสวนของทหารที่ได้รับบาดเจ็บและสูญหายว่า “เราไปออกศึกด้วยกันที่แนวหน้าเซนต์จูเลียน
“ผมไม่เห็นเขา (เพอร์ซี่) ถูกยิง แต่เพื่อนทหารคนอื่นหลายคนเห็น เขาถูกยิงที่ข้างลำตัวและตกลงไปในหลุมกระสุนปืนใหญ่ เขาบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าที่จะขยับ เขาเอารูปถ่ายของภรรยาและลูกของเขาให้ผมดูคืนก่อนหน้านั้น ที่ด้านหลังเขาเขียนที่อยู่ของภรรยาของเขา และคำพูดว่า “ใครก็ตามที่พบได้โปรดส่งต่อ” หรือคำพูดประมาณนั้น”
“เราไม่เห็นเขาอีกเลย และศพของเขาก็หาไม่พบ”
นางเรโนลด์ส์กล่าวว่า “ทั้งหมดที่ครอบครัวรู้คือปู่ของฉันหายไประหว่างปฏิบัติหน้าที่ แล้วจากนั้นก็ยืนยันว่าเสียชีวิตในหน้าที่”
“ศพของเขาหาไม่พบ และเราก็ไม่เคยรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาจนกระทั่งตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน รู้เพียงแค่เขาถูกฝังอยู่ที่ไหนสักแห่ง ฉันแค่ปรารถนาให้พ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพราะเขาจะต้องอยากรู้”
แดนฮิล จากโครงการเฮิร์ตแอทวอร์ กล่าวว่า “เรามีเรื่องราว 20,000 เรื่อง และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โดดเด่น เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหลือเชื่อของมนุษยธรรมในการนองเลือดของสงคราม มันอยู่ในจุดที่เข้มข้นที่สุด และทหารเยอรมันคนนี้ก็ให้ความช่วยเหลืออันน่าทึ่งแก่เพื่อนร่วมสงครามที่กำลังจะสิ้นลมคนนี้โดยไม่ได้ถูกร้องขอ”
สิบเอกบัคอายุ 25 ปี เมื่อเขาเสียชีวิต ภรรยาหม้ายของเขา เบอร์ธา ที่เขาแต่งงานด้วยในปี 1912 เสียชีวิตลงในปี 1962
สิบโทวิลเซคไม่รอดชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเช่นกัน เขาเสียชีวิตในวันที่ 31 ตุลาคม 1918 เพียงสองสัปดาห์ก่อนสงบศึก
แปลจาก http://www.dailymail.co.uk/news/article-2580150/Photo-clutched-WWI-British-soldier-died-Western-Front-returned-family-German-killed-him.html