เอเอฟพี - สหรัฐฯ วานนี้ (14 มี.ค.) ได้ออกมาเรียกร้องให้ไทยปกป้องผู้แสวงหาที่พักพิงราว 200 คน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์จากประเทศจีน ขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิกำลังหวั่นเกรงกันว่าปักกิ่งจะกดดันให้ราชอาณาจักรไทยผลักดันผู้อพยพกลุ่มนี้กลับประเทศ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (13) ตำรวจไทยเปิดเผยว่า พบผู้แสวงหาที่พักพิงหลายสิบครอบครัว ในระหว่างการบุกทลายค่ายขบวนการค้ามนุษย์ในจังหวัดสงขลา โดยผู้อพยพกลุ่มนี้ที่ดูเหมือนต้องการใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่ 3 อ้างว่าพวกเขาเป็นชาวตุรกี ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม “อุยกูร์” ที่พูดภาษาเตอร์กิซ จากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
มารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องเหยื่อ (ขบวนการค้ามนุษย์) เหล่านี้อย่างเต็มที่ (เพื่อ) ให้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างเพียงพอ”
ในรายงานประจำปีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฉบับล่าสุดของสหรัฐฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของจีนได้ใช้มาตรการควบคุมชาวอุยกูร์ในซินเจียงอย่างเข้มงวดกวดขัน โดยมีการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการนับถือศาสนาของพวกเขา
ทั้งนี้ ซินเจียงเผชิญกับเหตุรุนแรงอยู่เป็นระลอก โดยทางการจีนได้โทษว่า เหตุไล่แทงที่สถานีรถไฟในเมืองคุนหมิงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งคร่าชีวิตชาวจีนไป 29 ราย และทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 143 คน เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานั้นเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวอุยกูร์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ เป็นต้นว่า กัมพูชา มาเลเซีย และปากีสถาน ได้ผลักชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าเมืองกลับจีนไปทั้งหมด หลังถูกปักกิ่งกดดัน และไทยเองก็เป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน
ทางด้าน ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ได้ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์มาเลเซีย ภายหลังที่ประเทศนี้ผลักดันชาวอุยกูร์ 6 คนกลับจีนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยชี้ว่า พวกเขาถูกส่งกลับไปในดินแดนที่เสี่ยงต่อการถูกกดขี่ลิดรอนสิทธิ แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะได้ยื่นเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัยแล้วก็ตาม
ขณะที่องค์การเฝ้าระวังด้านสิทธิ “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ตั้งข้อสังเกตว่าไทยได้ร่วมลงนาม “อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี” ของยูเอ็น ซึ่งห้ามมิให้ประเทศต่างๆ ส่งคนกลับไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญการทำร้ายทารุณ โดยองค์การเคลื่อนไหวด้านสิทธิ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กแห่งนี้กล่าวว่า ชาวอุยกูร์ในไทยจะต้องเผชิญกับ “ภัยคุกคามจากการทรมาน” หากถูกส่งกลับจีน
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการบริหารของฮิวแมนไรต์วอทช์ ประจำเอเชียกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของไทย “จำเป็นต้องอนุญาตให้สมาชิกทุกคนในกลุ่ม (ผู้แสวงหาที่พักพิง) มีสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการขอสิทธิลี้ภัยตามเจตนารมณ์อย่างเป็นธรรม และไม่ทำตามข้อเรียกร้องของจีน”
นอกจากนี้ ฝ่ายสมาคมชาวอุยกูร์อเมริกัน ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ก็ออกมาแสดงความเป็นห่วงผู้อพยพกลุ่มนี้ ซึ่งได้รับรายงานว่าเป็นชาวอุยกูร์ โดยพวกเขาเรียกร้องให้ไทยให้ความร่วมมือกับยูเอ็นเอชซีอาร์
อาลิม เซย์ตอฟฟ์ ประธานสมาคมนี้ระบุว่า “ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ไม่ควรถูกใช้เป็นบททดสอบสายสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน แต่ควรเป็นเครื่องวัดศักยภาพของไทย ในการทำตามมาตรการรับมือผู้ลี้ภัยระดับนานาชาติ”
สถานีวิทยุเสรีเพื่อชาวอุยกูร์ในเอเชียรายงานคำพูดของญาติพี่น้อง ที่ระบุว่า สาเหตุที่ผู้แสวงหาที่พักพิงกลุ่มนี้ต้องแกล้งทำเป็นชาวตุรกีเนื่องจากเกรงว่า ทางการไทยจะจับพวกเขาส่งกลับประเทศ ถ้ารู้ว่าเป็นพลเมืองจีน
ทั้งนี้ ไทยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของขบวนค้ามนุษย์ และเชื่อกันว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีชาวโรฮิงญาล่องเรือจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างพม่า ผ่านเข้ามาในน่านน้ำไทยแล้วหลายพันคน
ฮาร์ฟกล่าวว่า เหล่าเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ “ได้กระตุ้นให้ไทยตรวจสอบ ติดตามรอยขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลไทยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็น และเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ”
ที่มา
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000029569
สหรัฐฯ “วิงวอน” ไทย ไม่ให้ผลักต่างด้าว “ชาวอุยกูร์” 200 คน จากค่ายแก๊งค้ามนุษย์ในสงขลากลับจีน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (13) ตำรวจไทยเปิดเผยว่า พบผู้แสวงหาที่พักพิงหลายสิบครอบครัว ในระหว่างการบุกทลายค่ายขบวนการค้ามนุษย์ในจังหวัดสงขลา โดยผู้อพยพกลุ่มนี้ที่ดูเหมือนต้องการใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อเดินทางไปยังประเทศที่ 3 อ้างว่าพวกเขาเป็นชาวตุรกี ไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม “อุยกูร์” ที่พูดภาษาเตอร์กิซ จากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
มารี ฮาร์ฟ โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า “เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยปกป้องเหยื่อ (ขบวนการค้ามนุษย์) เหล่านี้อย่างเต็มที่ (เพื่อ) ให้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมอย่างเพียงพอ”
ในรายงานประจำปีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนฉบับล่าสุดของสหรัฐฯ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของจีนได้ใช้มาตรการควบคุมชาวอุยกูร์ในซินเจียงอย่างเข้มงวดกวดขัน โดยมีการจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็น และเสรีภาพในการนับถือศาสนาของพวกเขา
ทั้งนี้ ซินเจียงเผชิญกับเหตุรุนแรงอยู่เป็นระลอก โดยทางการจีนได้โทษว่า เหตุไล่แทงที่สถานีรถไฟในเมืองคุนหมิงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งคร่าชีวิตชาวจีนไป 29 ราย และทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 143 คน เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมานั้นเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวอุยกูร์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ เป็นต้นว่า กัมพูชา มาเลเซีย และปากีสถาน ได้ผลักชาวอุยกูร์ที่ลักลอบเข้าเมืองกลับจีนไปทั้งหมด หลังถูกปักกิ่งกดดัน และไทยเองก็เป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับจีน
ทางด้าน ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ได้ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์มาเลเซีย ภายหลังที่ประเทศนี้ผลักดันชาวอุยกูร์ 6 คนกลับจีนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยชี้ว่า พวกเขาถูกส่งกลับไปในดินแดนที่เสี่ยงต่อการถูกกดขี่ลิดรอนสิทธิ แม้ว่าคนกลุ่มนี้จะได้ยื่นเรื่องขอสถานะผู้ลี้ภัยแล้วก็ตาม
ขณะที่องค์การเฝ้าระวังด้านสิทธิ “ฮิวแมนไรต์วอตช์” ตั้งข้อสังเกตว่าไทยได้ร่วมลงนาม “อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการปฏิบัติ หรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี” ของยูเอ็น ซึ่งห้ามมิให้ประเทศต่างๆ ส่งคนกลับไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญการทำร้ายทารุณ โดยองค์การเคลื่อนไหวด้านสิทธิ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์กแห่งนี้กล่าวว่า ชาวอุยกูร์ในไทยจะต้องเผชิญกับ “ภัยคุกคามจากการทรมาน” หากถูกส่งกลับจีน
แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการบริหารของฮิวแมนไรต์วอทช์ ประจำเอเชียกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของไทย “จำเป็นต้องอนุญาตให้สมาชิกทุกคนในกลุ่ม (ผู้แสวงหาที่พักพิง) มีสิทธิในการเข้าสู่กระบวนการขอสิทธิลี้ภัยตามเจตนารมณ์อย่างเป็นธรรม และไม่ทำตามข้อเรียกร้องของจีน”
นอกจากนี้ ฝ่ายสมาคมชาวอุยกูร์อเมริกัน ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ก็ออกมาแสดงความเป็นห่วงผู้อพยพกลุ่มนี้ ซึ่งได้รับรายงานว่าเป็นชาวอุยกูร์ โดยพวกเขาเรียกร้องให้ไทยให้ความร่วมมือกับยูเอ็นเอชซีอาร์
อาลิม เซย์ตอฟฟ์ ประธานสมาคมนี้ระบุว่า “ชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ไม่ควรถูกใช้เป็นบททดสอบสายสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน แต่ควรเป็นเครื่องวัดศักยภาพของไทย ในการทำตามมาตรการรับมือผู้ลี้ภัยระดับนานาชาติ”
สถานีวิทยุเสรีเพื่อชาวอุยกูร์ในเอเชียรายงานคำพูดของญาติพี่น้อง ที่ระบุว่า สาเหตุที่ผู้แสวงหาที่พักพิงกลุ่มนี้ต้องแกล้งทำเป็นชาวตุรกีเนื่องจากเกรงว่า ทางการไทยจะจับพวกเขาส่งกลับประเทศ ถ้ารู้ว่าเป็นพลเมืองจีน
ทั้งนี้ ไทยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของขบวนค้ามนุษย์ และเชื่อกันว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีชาวโรฮิงญาล่องเรือจากประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างพม่า ผ่านเข้ามาในน่านน้ำไทยแล้วหลายพันคน
ฮาร์ฟกล่าวว่า เหล่าเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ “ได้กระตุ้นให้ไทยตรวจสอบ ติดตามรอยขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งรวมถึง กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลไทยถูกกล่าวหาว่ามีส่วนรู้เห็น และเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ”
ที่มา
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000029569