นายกจีนเตือนนักลงทุนให้เตรียมพร้อมรับคลื่นการล้มละลาย
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ฉบับออนไลน์ รายงานว่า จีน ที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังเผชิญความท้าทายอย่างรุนแรง และบริษัทจำนวนมาก ที่มีเพดานหนี้สูง กำลังจะไปไม่รอดและผิดนัดชำระหนี้
นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ของจีน ได้กล่าวต่อบรรดาเจ้าหนี้ของภาคโรงงานเอกชนว่าพวกเขาควรจะคาดการณ์ล่วงหน้าเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ ในขณะที่จีนต้องยืนหยัดเผชิญคลื่นการล้มละลายในภาคอุตสาหกรรม จากการที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ส่งผลให้บรรดาบริษัทที่มีหนี้มหาศาลไม่สามารถหาทางออกได้
นายหลี่ กล่าวเรื่องนี้หลังจากปิดการประชุมสภาประชาชนจีน ซึ่งเขาบอกว่า เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงในปีนี้ และบางความท้าทายอาจจะซับซ้อนยิ่งขึ้นด้วย แต่เขาก็บอกว่า จีนจะต้องสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง , มีการจ้างงาน , หลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ และความเสี่ยงต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับมลพิษด้วย ซึ่งเขายอมรับว่า การจะบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การออกมาเตือนของนายหลี่ ได้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ เซี่ยงไฮ้ เชารี โซล่าร์ เอนเนอจี้ ไม่สามารถชำระหนี้ 1 พันล้านหยวน หรือ ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก และถูกมองว่า เป็นจุดสิ้นสุดของการเข้าโอบอุ้มบรรดาวิสาหกิจที่มีปัญหาในนาทีสุดท้ายของรัฐบาลด้วย
นักวิเคราะห์บางคน ระบุว่า การตัดสินใจปล่อยให้บางบริษัทที่จมอยู่ในกองหนี้ต้องล้มละลายเป็นสัญญาณว่า ทางการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ฟองสบู่แตกของญี่ปุ่น ช่วงระหว่างปลาย
ทศวรรษที่ 1980 และต้นทศวรรษที่ 1990
ญี่ปุ่นร่วง "หาย" ไปสู่สองทศวรรษแห่งความซบเซา หลังจากปกป้องบรรดาบริษัทซอมบี้ทั้งหลาย
ไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย ที่รวมถึงการขัดขวางไม่ให้บรรดาผู้ถือหุ้นยื่นร้องเรียนไปยังศาล
ด้วย และเมื่อบริษัทเหล่านี้ล้ม ก็พบว่า หนี้สินที่ค้างชำระมีจำนวนมหาศาลและมากกว่ามูลค่าของ
ธุรกิจหลายเท่าตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า ได้มีการเปิดเผยตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่า จีนได้ลอกเลียนเทคนิคบางอย่างของญี่ปุ่น ด้วยการทุ่มงบประมาณด้านสาธารณูปโภค เพื่อทดแทนการชะลอตัวของการลงทุนของภาคเอกชน โดยการลงทุนในด้านสาธารณูปโภคได้ขยายขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้
นายกจีนเตือนนักลงทุน. !!!! ให้เตรียมพร้อมรับคลื่นการล้มละลายของจีน
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ฉบับออนไลน์ รายงานว่า จีน ที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังเผชิญความท้าทายอย่างรุนแรง และบริษัทจำนวนมาก ที่มีเพดานหนี้สูง กำลังจะไปไม่รอดและผิดนัดชำระหนี้
นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ของจีน ได้กล่าวต่อบรรดาเจ้าหนี้ของภาคโรงงานเอกชนว่าพวกเขาควรจะคาดการณ์ล่วงหน้าเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ ในขณะที่จีนต้องยืนหยัดเผชิญคลื่นการล้มละลายในภาคอุตสาหกรรม จากการที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ส่งผลให้บรรดาบริษัทที่มีหนี้มหาศาลไม่สามารถหาทางออกได้
นายหลี่ กล่าวเรื่องนี้หลังจากปิดการประชุมสภาประชาชนจีน ซึ่งเขาบอกว่า เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่รุนแรงในปีนี้ และบางความท้าทายอาจจะซับซ้อนยิ่งขึ้นด้วย แต่เขาก็บอกว่า จีนจะต้องสร้างความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง , มีการจ้างงาน , หลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อ และความเสี่ยงต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับมลพิษด้วย ซึ่งเขายอมรับว่า การจะบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
การออกมาเตือนของนายหลี่ ได้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ เซี่ยงไฮ้ เชารี โซล่าร์ เอนเนอจี้ ไม่สามารถชำระหนี้ 1 พันล้านหยวน หรือ ราว 6 พันล้านบาท ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรก และถูกมองว่า เป็นจุดสิ้นสุดของการเข้าโอบอุ้มบรรดาวิสาหกิจที่มีปัญหาในนาทีสุดท้ายของรัฐบาลด้วย
นักวิเคราะห์บางคน ระบุว่า การตัดสินใจปล่อยให้บางบริษัทที่จมอยู่ในกองหนี้ต้องล้มละลายเป็นสัญญาณว่า ทางการได้เรียนรู้จากประสบการณ์ฟองสบู่แตกของญี่ปุ่น ช่วงระหว่างปลาย
ทศวรรษที่ 1980 และต้นทศวรรษที่ 1990
ญี่ปุ่นร่วง "หาย" ไปสู่สองทศวรรษแห่งความซบเซา หลังจากปกป้องบรรดาบริษัทซอมบี้ทั้งหลาย
ไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย ที่รวมถึงการขัดขวางไม่ให้บรรดาผู้ถือหุ้นยื่นร้องเรียนไปยังศาล
ด้วย และเมื่อบริษัทเหล่านี้ล้ม ก็พบว่า หนี้สินที่ค้างชำระมีจำนวนมหาศาลและมากกว่ามูลค่าของ
ธุรกิจหลายเท่าตัว
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน ระบุว่า ได้มีการเปิดเผยตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่า จีนได้ลอกเลียนเทคนิคบางอย่างของญี่ปุ่น ด้วยการทุ่มงบประมาณด้านสาธารณูปโภค เพื่อทดแทนการชะลอตัวของการลงทุนของภาคเอกชน โดยการลงทุนในด้านสาธารณูปโภคได้ขยายขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้