จากมติชนออนไลน์
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ "ดร.เอ” พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมหารือเหตุการณ์ที่ “พ่อเลี้ยงอี๊ด” ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ตบหน้า นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้ตัดสินในเกมยามาฮ่า ลีกวัน ที่เสมอกับ นครปฐม ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับ การประชุมครั้งนี้ประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ได้มอบหมายให้ นายมนตรี หาญใจ ผู้จัดการทีมเข้าชี้แจงแทน ขณะที่ นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้เสียหายในเกมดังกล่าวซึ่งถูกคณะกรรมการผู้ตัดสินลงโทษห้ามทำหน้าที่ 2 นัดไปแล้วก็ไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำเช่นกัน มีเพียงทีมงานผู้ช่วยผู้ตัดสิน ที่มาเป็นพยาน
หลังการหารือ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวว่า หลังจากได้ฟังปากคำของพยาน 5 คนประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 ท่าน ผู้ควบคุมการแข่งขัน, ผู้ประเมินผู้ตัดสิน และ ฝ่าย เชียงใหม่ เอฟซี ที่มอบหมายให้ผู้จัดการทีมมาชี้แจงนั้น มีพยาน 3 ท่านยืนยันว่ามีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจริง ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงและมีโทษหนักตามระเบียบข้อบังคับของไทยพรีเมียร์ลีก ข้อ 2.9 ที่ระบุว่ากรณีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน นักกีฬา หรือเจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ จะมีโทษปรับเงิน 40,000 – 60,000 บาท และห้ามทำหน้าที่ตลอดฤดูกาล แต่ในวรรคสุดท้ายระบุไว้ว่าหากกระทำต่อผู้ตัดสินจะถูกปรับเงินเพิ่มเป็น 2 เท่า และห้ามทำหน้าที่เพิ่มเป็นตลอดชีวิต
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวต่อว่า แม้จะมีพยานยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงแต่เนื่องจากโทษร้ายแรง เราจำเป็นต้องได้รับการยืนยันจาก นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้ตัดสินที่ได้รับความเสียหายโดยตรง ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ยืนยันแล้วว่าจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำวันเสาร์ที่ 15 มี.ค. เวลา 10.00 น.
“กรณีทำร้ายร่างกายผู้ตัดสินไม่ว่าจะร้ายแรงขนาดไหนโทษก็จะเข้าข่ายข้อ 2.9นอกจากผู้เสียหายจะระบุว่าเป็นเพียงความพยายามทำร้ายร่างกายคือพยายามตบแล้วไม่โดนก็จะเข้าข่ายข้อ 2.8 ซึ่งจะมีโทษแบน 2 นัด ปรับ 50,000 อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์โทษต่อไป" พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวทิ้งท้าย
ส.บอลจ่อฟัน "พ่อเลี้ยงอี๊ด" แบนตลอดชีวิต เหตุตบหน้าผู้ตัดสิน!?
วันนี้ (14 มี.ค.) ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ "ดร.เอ” พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานการประชุมหารือเหตุการณ์ที่ “พ่อเลี้ยงอี๊ด” ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ตบหน้า นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้ตัดสินในเกมยามาฮ่า ลีกวัน ที่เสมอกับ นครปฐม ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับ การประชุมครั้งนี้ประธานสโมสรเชียงใหม่ เอฟซี ได้มอบหมายให้ นายมนตรี หาญใจ ผู้จัดการทีมเข้าชี้แจงแทน ขณะที่ นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้เสียหายในเกมดังกล่าวซึ่งถูกคณะกรรมการผู้ตัดสินลงโทษห้ามทำหน้าที่ 2 นัดไปแล้วก็ไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำเช่นกัน มีเพียงทีมงานผู้ช่วยผู้ตัดสิน ที่มาเป็นพยาน
หลังการหารือ พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวว่า หลังจากได้ฟังปากคำของพยาน 5 คนประกอบด้วย ผู้ช่วยผู้ตัดสิน 2 ท่าน ผู้ควบคุมการแข่งขัน, ผู้ประเมินผู้ตัดสิน และ ฝ่าย เชียงใหม่ เอฟซี ที่มอบหมายให้ผู้จัดการทีมมาชี้แจงนั้น มีพยาน 3 ท่านยืนยันว่ามีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นจริง ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงและมีโทษหนักตามระเบียบข้อบังคับของไทยพรีเมียร์ลีก ข้อ 2.9 ที่ระบุว่ากรณีทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขัน นักกีฬา หรือเจ้าหน้าที่ทีม กองเชียร์ จะมีโทษปรับเงิน 40,000 – 60,000 บาท และห้ามทำหน้าที่ตลอดฤดูกาล แต่ในวรรคสุดท้ายระบุไว้ว่าหากกระทำต่อผู้ตัดสินจะถูกปรับเงินเพิ่มเป็น 2 เท่า และห้ามทำหน้าที่เพิ่มเป็นตลอดชีวิต
พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวต่อว่า แม้จะมีพยานยืนยันว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงแต่เนื่องจากโทษร้ายแรง เราจำเป็นต้องได้รับการยืนยันจาก นายสุรศักดิ์ กุลดิลกสิโรดม ผู้ตัดสินที่ได้รับความเสียหายโดยตรง ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ยืนยันแล้วว่าจะเดินทางเข้ามาให้ปากคำวันเสาร์ที่ 15 มี.ค. เวลา 10.00 น.
“กรณีทำร้ายร่างกายผู้ตัดสินไม่ว่าจะร้ายแรงขนาดไหนโทษก็จะเข้าข่ายข้อ 2.9นอกจากผู้เสียหายจะระบุว่าเป็นเพียงความพยายามทำร้ายร่างกายคือพยายามตบแล้วไม่โดนก็จะเข้าข่ายข้อ 2.8 ซึ่งจะมีโทษแบน 2 นัด ปรับ 50,000 อย่างไรก็ตามเจ้าตัวยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์โทษต่อไป" พ.ต.อ.ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ กล่าวทิ้งท้าย