เอาเข้าไปเขียนมันทุกวัน ... เอาน่า อาทิตย์นี้เราจะเป็นไทแก่ตัว (ปลอบใจตัวเอง) ก็นะ มันเป็นซีรีส์โรแมนติคที่น่าวิเคราะห์เจาะลึกมากเลยนี่นา ทำไมใครทำอย่างนั้น ทำไมใครทำอย่างนี้ เหมาะสำหรับมนุษย์มโนอย่างเรามาก (เฮ้ยแต่ชีวิตเธออยู่กับสมองซีกซ้ายมากกว่าขวานะ) เมื่อวานส่องกระทู้ตัวเอง (ส่องทำไม) เห็นคำถามว่า เอ๊ะ เค้าไปเริ่มรักกันตอนไหนนะ ต่อมมโนก็ทำงาน เลยตัดสินใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ ดาวเคราะห์ นพเคราะห์ (ไม่ใช่ล่ะ) พอ ๆ เปิดเรื่องดีกว่า วันนี้เปิดเรื่องด้วยบทละครเวนิสวาณิช โดย William Shakespeare
Tell me where is fancy bred,
Or in the heart, or in the head?
How begot, how nourished?
Reply, reply.
ในบทกวีเขาไถ่ถามว่า ความรักนั้นเริ่มจากที่ใดกันหรือ จากดวงใจน้อย ๆ นี่ หรือ จากสมองกันแน่นะ ? แล้วความรักนั่นเริ่มอย่างไร และ เติบโตขึ้นมาอย่างไร ? ครบวงจรความรักพอดี ดังนั้น ..... ด้วยโมเดลจากละครเวนิสวาณิชนี้ เราจะมาเริ่มตอบคำถามงานวิจัย (ไม่ใช่ล่ะ) เราจะเริ่มวิเคราะห์โดยโมเดลบทกวีอันนี้กัน เมื่อแปลโมเดลกวีออกมา เราเก๊าะจะได้ คำถามเบสิคสำหรับวิเคราะห์ ได้แก่ When Where Why How เมื่อไหร่ ที่ไหน เหตุใด อย่างไร ?
When and Where ? ความเอยความรักเริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือ เริ่มในสมองตรองจงดี ?
ย่อมตอบได้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกันอย่างแน่นอน 1000 % ฟันเฟิร์มอย่างไม่กลัวธงหัก ทั้งสองคนยังไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธออยู่ ระดับความรั่วของอ้อมแอ้มทำนิวไฮมาก ระดับความติสต์ของไมค์ล้นเพดาน First Impression ติดลบอย่างสิ้นเชิง แต่เราก็คิดว่ามันมีอะไรสปาร์คกิ้งแว้บ ๆ ตั้งแต่ช่วงเกาหลีล่ะ ไม่ใช่รักหรอก แต่เหมือนอ้อมแอ้มลอกฉากหน้าบาง ๆ ออกไปได้ชั้นนึง อย่างที่เราบอกปกติไมค์ ธาวิน จะแบบมืออาชีพมาก เก็บอารมณ์ ต่อให้รมณ์เสียซักแค่ไหน ก็นิ่งก็อึน ๆ ไป แต่อ้อมแอ้มเป็นคนนอกรายแรกเลยที่ไมค์วีนเหวี่ยงใส่ อารมณ์มาเต็ม
ด้วยความรั่วเกินพิกัด หรือ ด้วยความอะไรก็ตามเถอะ เราว่าวันนั้นเป็นวันที่ไมค์รู้สึกป่วงมากแต่ชีวิตก็ได้ปลดปล่อย เพราะฉะนั้นอ้อมแอ้มเป็นคนนอกที่ได้เจออีกมุมหนึ่งของไมค์เป็นคนแรกชนิดฉับไวเหมือนมาทางด่วน ดังนั้นความเป๊ะ ความเนี้ยบซึ่งเป็นด้าน mature ของไมค์ และ ความเอาแต่ใจ ขี้แกล้ง แต่ก็เอื้ออาทร ซึ่งเป็นมุม boyish อ้อมแอ้มก็ได้เห็นเหมือนกัน ดังนั้นแอ้ม Say Hi กับ Real ไมค์ ก็คราวการเดินทางครั้งแรกนี่แหละ
แต่มันก็ยังไม่รักนะ มาถึงเมืองไทยสเตปแรกมันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ขั้นตอนที่มีปัญหาเรื่องบ้านที่อ้อมแอ้มไข้ขึ้น แล้วไมค์ดูแล อันนั้นเรามองว่าเหมือนคนที่ทัก Nice to meet you แล้ว เริ่ม Shake Hand กัน คือ เริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกัน แอ้มด้วยธรรมชาติผู้หญิงและธรรมชาตินิสัย แอ้มเริ่มดูว่าไมค์เป็นยังไง ชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร ไมค์ยังไม่สังเกตสังกาแต่มองว่าเริ่มหันด้าน boyish เข้าหาแอ้ม ทำตัวสบาย ๆ ปั่นหัวมั่ง อะไรมั่ง ทีนี้เริ่มยิ้ม เริ่มหัวเราะ ผ่อนคลายมากกว่าเดิม ความเปลี่ยนแปลงมันเริ่มที่ตรงนี้ แต่ก็ยังไม่ชัดจนฉากดับเบิลคิสดาบสองนั่นแหละ
เคยวิแคะไว้แล้วว่าไมค์ในยามไม่ปกติจะเป็นพวกเอาอารมณ์(หัวใจ)เป็นเจ้าเรือน ไม่คิด ... ทำแบบใจสั่งมา วันนั้นอารมณ์พีคเพราะโดนไปหลายดอก ผิดหวังจากมินตรามาเมื่อไม่กี่วัน มินตราก็มีอารมณ์พีคใส่ต่อหน้านักข่าว ไมค์ปกติเหวี่ยงกับคนใกล้ชิดใช่ไหมล่ะ ดังนั้น double kiss day มินตราเป็น subject ส่วน แอ้มเป็น object คือ เป็นเครื่องมือการเหวี่ยงของไมค์ใส่มินอีกทีนึง แต่ แต่ แต่ช้าแต่ kiss ไปแล้วมันยังไง ? การคิดซีนตรงนี้เป็นการย้ำคาแร็คเตอร์ที่ดีนะเราว่า เมื่อเรามองว่าการกระทำทั้งหมดของไมค์เวลาของขึ้นคืออารมณ์ ... ใจสั่งมาก่อนสมองสั่งการ ดังนั้น kiss แรก คือ จงใจ แต่ kiss สองมาโดยสัญชาตญาณ ถึงคิดว่า ถ้าไม่พึงใจ ธาวิน ไม่ซ้ำ เมื่อซ้ำมันต้องมี something เพราะ ฉะนั้นถ้าถามว่า "รักเล็ก ๆ" ของไมค์เกิดที่ไหนเมื่อไหร่ เราว่าคือตรงนี้แหละ วันที่ sense มาก่อนสมอง
ส่วนแอ้ม ... ดูยาก เราว่าวันดับเบิ้ลคิสก็ไม่ใช่ ตอนนั้น งง เงิบ ไม่เข้าใจ แอ้มไม่ใช่คนซับซ้อนซ่อนเงื่อน ด้วยความเป็นผู้หญิง ... ถามไปเถอะความรักมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ สำหรับแอ้มเราว่ามันค่อย ๆ มาเป็นระลอก จุดที่เข้มข้นจริง ๆ น่าจะเป็นวันที่ไมค์เจ็บขา ... ด้านหนึ่งมันเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณเพศแม่ ด้านหนึ่งคือการที่รู้ว่าเราคือคนที่เขาต้องการอย่างที่สุด เราเป็นคนที่ "รู้ และ เห็น" ในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะบอกใคร แอ้มไม่ใช่คนวีนเหวี่ยงประชดหรืออีโมฯ เป็นคนตรง ๆ ไม่มีหัวคิดยอกย้อน เห็นไงก็ว่างั้น ดังนั้นคิดว่าแอ้มก็รับรู้ตามไมค์แสดงออกน่ะแหละว่าตอนนี้มีความใกล้ชิดที่มันมากกว่ามิตรร่วมบ้านเกิดขึ้นล่ะ
ส่วนความพีคระดับแมกซ์ของรักที่ชัดมาก(แต่ไร้คำพูด) คือ ไอศครีมคิส ณ เกาหลี ไร้ซึ่งคำบรรยายใด ๆ เพราะ โมเมนต์นั้น คือ กองถ่ายหายไป สรรพสิ่งหายไป ไอติมหายไป เหลือแต่ลมหายใจของฉันกับเธอ ... เอวัง
Why and How ? แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่ ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย
คำถามต่อมาคือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และ เติบโตขึ้นอย่างไร ? บอกไว้หลายครั้งอีกเหมือนกันว่าความรักมีทั้ง Contrast และ Harmony ในความต่างมีความเหมือน ในความเหมือนมีความต่าง
แอ้มเป็นคนที่ลอกเปลือกทั้งหมดของไมค์ออก หลังจาก Say Hi และ Shake Hand แล้ว แอ้มไม่หยุดอยู่แค่การทำความรู้จัก ด้วยนิสัยเอาคนอื่นมาก่อนตัวเอง(บวกกับอยู่ภายใต้สัญญาแจ๋วประจำบ้าน)แอ้มเรียนรู้ทุกอย่างที่เป็นไมค์อย่างตั้งใจ และ เต็มใจ ไม่ใช่แค่ตัวไมค์ แต่ครอบครัวของไมค์ด้วย ดังนั้นในเวลาไม่นานแอ้มรู้จักไมค์เกือบเท่า ๆ กับมินตราที่ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรู้เท่าที่แอ้มรู้นี่แหละ เวลาที่ไมค์ท้อพยายามต่อสู้คนเดียว แอ้มไม่รั้งรอเลยที่จะเข้าช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เป็นอะไรกัน
ไมค์จะปิดตัวเองอย่างไรอ้อมแอ้มก็ตะลุยเข้าไปจนทะลุเข้าโลกส่วนตัวของไมค์ได้ในที่สุด ในขณะที่วันแอ้มนอยด์ ไมค์ก็พาเพลินก๊งไวน์ริมสระน้ำ ใช้เวลาไม่นานจังหวะชีวิตทั้งคู่ก็ in sync กันได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งความชอบ ทั้งกิจกรรม กาลเล่นต่าง ๆ จากมนุษย์สุดเหวี่ยง ... กลายเป็นคนมีมุมอารมณ์ดี เมื่อผ่อนคลายสบายใจ มีคนที่พร้อมจะเรียนรู้และเข้าใจเราในทุกเรื่อง ส่วนแอ้มเมื่อพบกับมุมอ่อนหวานของซุปตาร์ไมค์ พฤติกรรมหลายอย่างที่บ่งบอกว่า ... เค้าก็เรียนรู้เราอยู่เงียบ ๆ ปกป้องเราอยู่เงียบ ๆ อะไรบางอย่างมันก็ผุดขึ้นในใจบ้าง
แต่ไมค์ก็ยังเป็นไมค์ยังวันยังค่ำนะ อารมณ์นางเป็นใหญ่เสมอ ๆ แอ้มเย็นกว่าแต่บางทียังอ่านใจความระหว่างบรรทัดไม่ออก เพราะ พ่อเจ้าพระคุณไม่พูด เธอพาลเลย ไม่ฟังไรทั้งนั้นแหละ ถ้าโกรธแล้วการสื่อสารจากคะแนนศูนย์เป็นติดลบกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นส่วนนี้เรามองว่ามันทำให้ความผูกพันเติบโตขึ้น เหมือนเราพรวนดิน ตอนพรวนเสร็จใหม่ ๆ รอบข้างมันอาจจะเละ ๆ ไปบ้าง แต่รากมันจะชอนไชเจริญเติบโตดี เพราะ ดินมันซุย การทะเลาะแต่ละครั้งน้ำตาแต่ละหยดที่เสียไป มันทำให้แต่ละฝ่ายเรียนรู้ว่าใครชอบไม่ชอบอะไร โกรธแล้วเป็นยังไง เกิดประสบการณ์ไงล่ะ พอดราม่าปั๊บรู้แล้วแอ้มไม่ชอบอะไรไมค์ไม่ชอบอะไร เรียกว่าเรียนรู้กันมากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นถ้าจะถามว่ารักครั้งนี้เกิดอย่างไรก็คือเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และ เติบโตจากความ contrast ในนิสัยของทั้งสองคน
At last แล้วมันจะไปจบที่ไหน ?
ยังไม่รู้ ... รอละครจบ (ปาหมอนมาก) พอดี๊พอดีมันเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ด้วยทักษะการสื่อสารขั้นแย่ กับ การสุภาพบุรุษผิดเวลาน่ะนะ มันก็เลยยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะจบที่ตรงไหน แต่สถานการณ์ที่เข้ามามันก็เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะ หนทางความรักไม่ได้โรยด้วกลีบกุหลาบเสมอไป ไพ่จะออกหน้าไหนก็ขึ้นอยู่กับความหนักแน่น ชัดเจน ของแต่ละคู่ ซึ่งตอนนี้ไมค์เก้าเกเทหมดตักไปแล้ว เดิมพันกันไปว่าแอ้ม ... พร้อมเทหมดหน้าตักด้วยรึเปล่า
เอาใจช่วยซุปตาร์ไปด้วยกันเสาร์อาทิตย์นี้
The End
ป.ล. คือ มันจะไม่ระหกระเหินเท่านี้เลยเพียงแค่สื่อสารให้ถูกต้องแต่ต้นมือ ว่าง ๆ ไมค์ ธาวิน ทำ SWOT ตัวเองบ้างนะ (อุ๊ยแมวพิมพ์อีกแล้ว)
Hashtag #miketawinSWOT (อุ๊ย !!! แมวทับคีย์บอร์ด)
วุ่นนักรักเต็มบ้าน (พิเศษ) : ความเอยความรัก เริ่มสมัคร ชั้นต้น ณ หนไหน ?
Or in the heart, or in the head?
How begot, how nourished?
Reply, reply.
ในบทกวีเขาไถ่ถามว่า ความรักนั้นเริ่มจากที่ใดกันหรือ จากดวงใจน้อย ๆ นี่ หรือ จากสมองกันแน่นะ ? แล้วความรักนั่นเริ่มอย่างไร และ เติบโตขึ้นมาอย่างไร ? ครบวงจรความรักพอดี ดังนั้น ..... ด้วยโมเดลจากละครเวนิสวาณิชนี้ เราจะมาเริ่มตอบคำถามงานวิจัย (ไม่ใช่ล่ะ) เราจะเริ่มวิเคราะห์โดยโมเดลบทกวีอันนี้กัน เมื่อแปลโมเดลกวีออกมา เราเก๊าะจะได้ คำถามเบสิคสำหรับวิเคราะห์ ได้แก่ When Where Why How เมื่อไหร่ ที่ไหน เหตุใด อย่างไร ?
When and Where ? ความเอยความรักเริ่มสมัครชั้นต้น ณ หนไหน เริ่มเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ หรือ เริ่มในสมองตรองจงดี ?
ย่อมตอบได้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกันอย่างแน่นอน 1000 % ฟันเฟิร์มอย่างไม่กลัวธงหัก ทั้งสองคนยังไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธออยู่ ระดับความรั่วของอ้อมแอ้มทำนิวไฮมาก ระดับความติสต์ของไมค์ล้นเพดาน First Impression ติดลบอย่างสิ้นเชิง แต่เราก็คิดว่ามันมีอะไรสปาร์คกิ้งแว้บ ๆ ตั้งแต่ช่วงเกาหลีล่ะ ไม่ใช่รักหรอก แต่เหมือนอ้อมแอ้มลอกฉากหน้าบาง ๆ ออกไปได้ชั้นนึง อย่างที่เราบอกปกติไมค์ ธาวิน จะแบบมืออาชีพมาก เก็บอารมณ์ ต่อให้รมณ์เสียซักแค่ไหน ก็นิ่งก็อึน ๆ ไป แต่อ้อมแอ้มเป็นคนนอกรายแรกเลยที่ไมค์วีนเหวี่ยงใส่ อารมณ์มาเต็ม
ด้วยความรั่วเกินพิกัด หรือ ด้วยความอะไรก็ตามเถอะ เราว่าวันนั้นเป็นวันที่ไมค์รู้สึกป่วงมากแต่ชีวิตก็ได้ปลดปล่อย เพราะฉะนั้นอ้อมแอ้มเป็นคนนอกที่ได้เจออีกมุมหนึ่งของไมค์เป็นคนแรกชนิดฉับไวเหมือนมาทางด่วน ดังนั้นความเป๊ะ ความเนี้ยบซึ่งเป็นด้าน mature ของไมค์ และ ความเอาแต่ใจ ขี้แกล้ง แต่ก็เอื้ออาทร ซึ่งเป็นมุม boyish อ้อมแอ้มก็ได้เห็นเหมือนกัน ดังนั้นแอ้ม Say Hi กับ Real ไมค์ ก็คราวการเดินทางครั้งแรกนี่แหละ
แต่มันก็ยังไม่รักนะ มาถึงเมืองไทยสเตปแรกมันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ขั้นตอนที่มีปัญหาเรื่องบ้านที่อ้อมแอ้มไข้ขึ้น แล้วไมค์ดูแล อันนั้นเรามองว่าเหมือนคนที่ทัก Nice to meet you แล้ว เริ่ม Shake Hand กัน คือ เริ่มทำความรู้จักซึ่งกันและกัน แอ้มด้วยธรรมชาติผู้หญิงและธรรมชาตินิสัย แอ้มเริ่มดูว่าไมค์เป็นยังไง ชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร ไมค์ยังไม่สังเกตสังกาแต่มองว่าเริ่มหันด้าน boyish เข้าหาแอ้ม ทำตัวสบาย ๆ ปั่นหัวมั่ง อะไรมั่ง ทีนี้เริ่มยิ้ม เริ่มหัวเราะ ผ่อนคลายมากกว่าเดิม ความเปลี่ยนแปลงมันเริ่มที่ตรงนี้ แต่ก็ยังไม่ชัดจนฉากดับเบิลคิสดาบสองนั่นแหละ
เคยวิแคะไว้แล้วว่าไมค์ในยามไม่ปกติจะเป็นพวกเอาอารมณ์(หัวใจ)เป็นเจ้าเรือน ไม่คิด ... ทำแบบใจสั่งมา วันนั้นอารมณ์พีคเพราะโดนไปหลายดอก ผิดหวังจากมินตรามาเมื่อไม่กี่วัน มินตราก็มีอารมณ์พีคใส่ต่อหน้านักข่าว ไมค์ปกติเหวี่ยงกับคนใกล้ชิดใช่ไหมล่ะ ดังนั้น double kiss day มินตราเป็น subject ส่วน แอ้มเป็น object คือ เป็นเครื่องมือการเหวี่ยงของไมค์ใส่มินอีกทีนึง แต่ แต่ แต่ช้าแต่ kiss ไปแล้วมันยังไง ? การคิดซีนตรงนี้เป็นการย้ำคาแร็คเตอร์ที่ดีนะเราว่า เมื่อเรามองว่าการกระทำทั้งหมดของไมค์เวลาของขึ้นคืออารมณ์ ... ใจสั่งมาก่อนสมองสั่งการ ดังนั้น kiss แรก คือ จงใจ แต่ kiss สองมาโดยสัญชาตญาณ ถึงคิดว่า ถ้าไม่พึงใจ ธาวิน ไม่ซ้ำ เมื่อซ้ำมันต้องมี something เพราะ ฉะนั้นถ้าถามว่า "รักเล็ก ๆ" ของไมค์เกิดที่ไหนเมื่อไหร่ เราว่าคือตรงนี้แหละ วันที่ sense มาก่อนสมอง
ส่วนแอ้ม ... ดูยาก เราว่าวันดับเบิ้ลคิสก็ไม่ใช่ ตอนนั้น งง เงิบ ไม่เข้าใจ แอ้มไม่ใช่คนซับซ้อนซ่อนเงื่อน ด้วยความเป็นผู้หญิง ... ถามไปเถอะความรักมาเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ สำหรับแอ้มเราว่ามันค่อย ๆ มาเป็นระลอก จุดที่เข้มข้นจริง ๆ น่าจะเป็นวันที่ไมค์เจ็บขา ... ด้านหนึ่งมันเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณเพศแม่ ด้านหนึ่งคือการที่รู้ว่าเราคือคนที่เขาต้องการอย่างที่สุด เราเป็นคนที่ "รู้ และ เห็น" ในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะบอกใคร แอ้มไม่ใช่คนวีนเหวี่ยงประชดหรืออีโมฯ เป็นคนตรง ๆ ไม่มีหัวคิดยอกย้อน เห็นไงก็ว่างั้น ดังนั้นคิดว่าแอ้มก็รับรู้ตามไมค์แสดงออกน่ะแหละว่าตอนนี้มีความใกล้ชิดที่มันมากกว่ามิตรร่วมบ้านเกิดขึ้นล่ะ
ส่วนความพีคระดับแมกซ์ของรักที่ชัดมาก(แต่ไร้คำพูด) คือ ไอศครีมคิส ณ เกาหลี ไร้ซึ่งคำบรรยายใด ๆ เพราะ โมเมนต์นั้น คือ กองถ่ายหายไป สรรพสิ่งหายไป ไอติมหายไป เหลือแต่ลมหายใจของฉันกับเธอ ... เอวัง
Why and How ? แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่ ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย
คำถามต่อมาคือ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และ เติบโตขึ้นอย่างไร ? บอกไว้หลายครั้งอีกเหมือนกันว่าความรักมีทั้ง Contrast และ Harmony ในความต่างมีความเหมือน ในความเหมือนมีความต่าง
แอ้มเป็นคนที่ลอกเปลือกทั้งหมดของไมค์ออก หลังจาก Say Hi และ Shake Hand แล้ว แอ้มไม่หยุดอยู่แค่การทำความรู้จัก ด้วยนิสัยเอาคนอื่นมาก่อนตัวเอง(บวกกับอยู่ภายใต้สัญญาแจ๋วประจำบ้าน)แอ้มเรียนรู้ทุกอย่างที่เป็นไมค์อย่างตั้งใจ และ เต็มใจ ไม่ใช่แค่ตัวไมค์ แต่ครอบครัวของไมค์ด้วย ดังนั้นในเวลาไม่นานแอ้มรู้จักไมค์เกือบเท่า ๆ กับมินตราที่ใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อรู้เท่าที่แอ้มรู้นี่แหละ เวลาที่ไมค์ท้อพยายามต่อสู้คนเดียว แอ้มไม่รั้งรอเลยที่จะเข้าช่วยเหลือ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เป็นอะไรกัน
ไมค์จะปิดตัวเองอย่างไรอ้อมแอ้มก็ตะลุยเข้าไปจนทะลุเข้าโลกส่วนตัวของไมค์ได้ในที่สุด ในขณะที่วันแอ้มนอยด์ ไมค์ก็พาเพลินก๊งไวน์ริมสระน้ำ ใช้เวลาไม่นานจังหวะชีวิตทั้งคู่ก็ in sync กันได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งความชอบ ทั้งกิจกรรม กาลเล่นต่าง ๆ จากมนุษย์สุดเหวี่ยง ... กลายเป็นคนมีมุมอารมณ์ดี เมื่อผ่อนคลายสบายใจ มีคนที่พร้อมจะเรียนรู้และเข้าใจเราในทุกเรื่อง ส่วนแอ้มเมื่อพบกับมุมอ่อนหวานของซุปตาร์ไมค์ พฤติกรรมหลายอย่างที่บ่งบอกว่า ... เค้าก็เรียนรู้เราอยู่เงียบ ๆ ปกป้องเราอยู่เงียบ ๆ อะไรบางอย่างมันก็ผุดขึ้นในใจบ้าง
แต่ไมค์ก็ยังเป็นไมค์ยังวันยังค่ำนะ อารมณ์นางเป็นใหญ่เสมอ ๆ แอ้มเย็นกว่าแต่บางทียังอ่านใจความระหว่างบรรทัดไม่ออก เพราะ พ่อเจ้าพระคุณไม่พูด เธอพาลเลย ไม่ฟังไรทั้งนั้นแหละ ถ้าโกรธแล้วการสื่อสารจากคะแนนศูนย์เป็นติดลบกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นส่วนนี้เรามองว่ามันทำให้ความผูกพันเติบโตขึ้น เหมือนเราพรวนดิน ตอนพรวนเสร็จใหม่ ๆ รอบข้างมันอาจจะเละ ๆ ไปบ้าง แต่รากมันจะชอนไชเจริญเติบโตดี เพราะ ดินมันซุย การทะเลาะแต่ละครั้งน้ำตาแต่ละหยดที่เสียไป มันทำให้แต่ละฝ่ายเรียนรู้ว่าใครชอบไม่ชอบอะไร โกรธแล้วเป็นยังไง เกิดประสบการณ์ไงล่ะ พอดราม่าปั๊บรู้แล้วแอ้มไม่ชอบอะไรไมค์ไม่ชอบอะไร เรียกว่าเรียนรู้กันมากขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นถ้าจะถามว่ารักครั้งนี้เกิดอย่างไรก็คือเกิดจากการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และ เติบโตจากความ contrast ในนิสัยของทั้งสองคน
At last แล้วมันจะไปจบที่ไหน ?
ยังไม่รู้ ... รอละครจบ (ปาหมอนมาก) พอดี๊พอดีมันเกิดความผิดพลาดขึ้นมา ด้วยทักษะการสื่อสารขั้นแย่ กับ การสุภาพบุรุษผิดเวลาน่ะนะ มันก็เลยยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะจบที่ตรงไหน แต่สถานการณ์ที่เข้ามามันก็เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงล่ะ หนทางความรักไม่ได้โรยด้วกลีบกุหลาบเสมอไป ไพ่จะออกหน้าไหนก็ขึ้นอยู่กับความหนักแน่น ชัดเจน ของแต่ละคู่ ซึ่งตอนนี้ไมค์เก้าเกเทหมดตักไปแล้ว เดิมพันกันไปว่าแอ้ม ... พร้อมเทหมดหน้าตักด้วยรึเปล่า
เอาใจช่วยซุปตาร์ไปด้วยกันเสาร์อาทิตย์นี้
ป.ล. คือ มันจะไม่ระหกระเหินเท่านี้เลยเพียงแค่สื่อสารให้ถูกต้องแต่ต้นมือ ว่าง ๆ ไมค์ ธาวิน ทำ SWOT ตัวเองบ้างนะ (อุ๊ยแมวพิมพ์อีกแล้ว)
Hashtag #miketawinSWOT (อุ๊ย !!! แมวทับคีย์บอร์ด)